รวม 10 แบรนด์แฟชั่นเก่าแก่ – ธุรกิจแบรนด์หรู เป็นอีกหนึ่งธุรกิจ ที่กำลังเติบโตขึ้น ท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนไป ซึ่งนอกจากผลประกอบการแต่ละปี ที่จะสื่อถึงความแข็งแกร่งของแต่ละแบรนด์แล้ว สิ่งหนึ่งที่ทำให้แบรนด์ยังคงยืนหยัดและเป็นสิ่งที่สามารถเพิ่มมูลค่าของแบรนด์ได้นั้นก็คือ ประวัติศาสตร์ความเป็นมา ซึ่งสร้างความเข้มแข็งให้กับแบรนด์ โดยเฉพาะแบรนด์แฟชั่นที่กุมเทรนด์แฟชั่นระดับโลกล้วนแล้วแต่เดินทางข้ามผ่านเวลามายาวนาน

ถึงแม้แต่ละแบรนด์ จะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบและดีไซน์ของตัวสินค้าต่าง ๆ เพื่อให้เข้ากับกระแสแฟชั่นปัจจุบัน  แต่กลิ่นอายของเรื่องราวในอดีต ที่มาของประวัติศาสตร์ อบอวลไปด้วยมนต์ขลัง ที่ยังคงแฝงอยู่ภายใต้สัญลักษณ์ของแบรนด์ ในบทความนี้ จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ รวม 10 แบรนด์แฟชั่นเก่าแก่ ที่ยังคงครองอาณาจักรแฟชั่นในยุคปัจจุบันนี้

 

1. Hermès – 184 ปี

ตำนานของ Hermès เริ่มต้นเมื่อปี ค.ศ. 1837 โดย เทียร์รี่ แอร์เมส (Thierry Hermès) จากความสนใจในด้านการพิมพ์ลายและสิ่งทอ ซึ่งหล่อหลอมเขาตั้งแต่วัยเด็ก เทียร์รี่ศึกษาด้านศิลปะอย่างจริงจังรวมถึงสั่งสมประสบการณ์งานฝีมือจนเชี่ยวชาญตั้งแต่วัยเยาว์ และเริ่มกิจการแรกของเขา ภายใต้ชื่อ “The French house of Hermes” รังสรรค์อุปกรณ์สำหรับม้า ไม่ว่าจะเป็นบังเหียน สายคล้อง อานม้า จากผลงานที่ะเอียดอ่อนไม่ธรรมดา ทำให้เขาเป็นที่รู้จักของกลุ่มคนชั้นสูงผู้ดีมีเงิน ขุนนาง รวมถึงราชวงศ์

จากบริษัทผู้ผลิตอานม้า การสู่การเป็นผู้นำแฟชั่น กระเป๋าอันเปรียบเสมือน Iconic Bag ตลอดกาลอย่าง Kelly หรือ Birkin อันขึ้นชื่อเรื่องของความยากในการครอบครอง ซึ่งกระเป๋าของ Hermès ทำการตัดเย็บด้วยมือทุกใบ โดยช่างผู้ชำนาญการซึ่งได้รับการฝึกฝนเป็นเวลามากกว่า 3 ปี กระเป๋าหนึ่งใบใช้เวลาในการผลิต 15–20 ชั่วโมง โดยใช้ช่างหนึ่งคนต่อกระเป๋าหนึ่งใบ ทำให้ช่างหนึ่งคนสามารถผลิตกระเป๋าได้ราว 15 ใบต่อเดือน ในปัจจุบัน Hermes มีช่างฝีมือกว่า 3,000 คน แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด

Hermès จำหน่ายสินค้าผ่านบูทีค ที่มีทั้งหมดราว 304 แห่งทั่วโลก ในปัจจุบัน มีมูลค่าทางการตลาดกว่า 1.63 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ภายใต้การดูแลของทายาทรุ่นที่ 6 อย่าง อักเซล ดูมา ที่เข้ามาบริหารตั้งแต่ปี 2014 และในปี 2019 รวมถึงได้ Nadège Vanhée-Cybulski มากุมบังเหียนเป็นครีเอทีฟได้เร็กเตอร์ แอร์เมส ถูกจัดให้เป็นแบรนด์แฟชั่นที่ทันสมัยที่สุดในโลก มีไลน์การผลิตสินค้าตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องหนัง เครื่องประดับ น้ำหอม นาฬิกา รองเท้า ผ้าพันคอ เน็คไท และของแต่งบ้าน

2. Louis Vuitton – 167 ปี

จุดเริ่มต้นก่อตั้งแบรนด์สุดหรู เมื่อปี ค.ศ. 1854  ในเมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส  โดย มองซิเออร์ หลุยส์ วิตตอง (Monsieur Louis Vuitton) ผู้เดินเท้าจากบ้านเกิด เพื่อเริ่มชีวิตใหม่ที่กรุงปารีส เมื่อมีอายุเพียง 14 ปี ซึ่งระหว่างการเดินทาง เขาได้มีโอกาสฝึกงานกับ มองซิเออร์ มาแชล (Monsieur Marechal) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นช่างทำกล่องและหีบขนของที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในยุคนั้น

ด้วยความที่เขาเป็นคนขยันและใฝ่รู้ เขาได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านการทำหีบสำหรับบรรจุสัมภาระ ฝึกฝนจนทำให้ฝีมือพัฒนาจนถึงระดับที่มีชื่อเสียง หลุยส์จึงได้เปิดกิจการของตัวเองเป็นครั้งแรก บนถนนเนิฟ เด คาปูซีน ผลิตหีบเดินทาง ด้วยเอกลักษณ์และฝีมืออันหาตัวจับยาก หีบของหลุยส์ จึงได้รับความนิยมเป็นวงกว้าง ซึ่งไม่ได้มีแค่ราชวงศ์หรือผู้สูงศักดิ์ในฝรั่งเศสเท่านั้น แต่ยังรวมถึง Isma’il Pasha ซึ่งเป็นอุปราชของอียิปต์อีกด้วย ถือได้ว่าหีบของหลุยส์ เป็นสัญลักษณ์ของการเดินทางในสมัยนั้นเลยทีเดียว

จากผู้นำด้านกระเป๋าเดินทางและเครื่องหนัง สู่แฟชั่นเฮาส์ที่ยิ่งใหญ่ของโลก กระเป๋า Iconic หลายรุ่นทยอยถือกำเนิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Keepall , Speedy , Alma หรือ Neverfull รวมถึงยังมีไลน์การผลิตสินค้าตั้งแต่เครื่องหนัง กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องสำอางค์ เครื่องหอม ไปจนถึงจิวเวอร์รี่ ซึ่งได้มือดีอย่างNicolas Ghesquiere มาคุมดีไซน์ไลน์เสื้อผ้าและเครื่องประดับผู้หญิง และ Kim Jones มาคุมดีไซน์เสื้อผ้าและเครื่องประดับของผู้ชาย

ปัจจุบัน Louis Vuitton อยู่ภายใต้การบริหารงานของบริษัทแม่อย่าง LVMH (Louis Vuitton Moet Hennessy) ถูกจัดให้อยู่อันดับ 1 แบรนด์ไฮเอนด์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก (จัดอันดับโดย The world’s most Valuable Brands) โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 47.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท โดยผลการจัดอันดับมาจากมูลค่าการเติบโตของแบรนด์ และยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สินค้าเข้ากับทุกยุคทุกสมัย จนสามารถขึ้นแท่นแบรนด์หรูที่มีมูลค่าบริษัทสูงสุดในปี 2019

 

3. Lanvin – 132 ปี

แบรนด์แฟชั่นชั้นสูงจากฝรั่งเศส และทรงอิทธิพลในวงการแฟชั่นแบรนด์หนึ่งของโลก ที่ยังคงมัดใจเหล่าแฟชั่นนิสต้าได้ทุกยุคทุกสมัย ก่อตั้งโดย ฌอง ลองเเวง (Jeanne Lanvin) จากจุดเริ่มต้นเมื่อปี ค.ศ. 1885 กับการเปิดร้านทำหมวกเป็นของตัวเอง จากการสั่งสมประสบการณ์ในการตัดเย็บ ซึ่งได้จากการที่เธอตัดเย็บหมวกส่งร้านช่างทำหมวกบนถนนฟอร์บูรก์แซงต์-โอโนเร่

ปี ค.ศ. 1889 คือจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้เธอได้เปลี่ยนเส้นทางจากช่างทำหมวกเป็นดีไซเนอร์ระดับโลก เมื่อเธอได้ให้กำเนิดบุตรสาวนามว่า มาร์เกอริต เด็กน้อยผู้เป็นแรงบันดาลใจสุดอัศจรรย์ เริ่มจากการออกแบบสร้างสรรค์เสื้อผ้าหลายชุดให้ตุ๊กตาของมาร์เกอริต จากนั้นก็กลายมาเป็นเสื้อผ้าของมาร์เกอริตเอง เมื่อเหล่าบรรดาลูกค้าหมวกของเธอพบเห็นก็เกิดชอบใจ ต่างพากันว่าจ้างให้ตัดเย็บให้พวกเธอเหล่านั้นบ้าง ผลงานทางด้านแฟชั่นของเธอก็เริ่มต้นอย่างจริงจังจากจุดนั้น

ผลงานศิลปะของ ลองแวงเต็มไปด้วยบทอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ ลวดลายในงานศิลปะโบราณถูกนำมารังสรรค์ขึ้นใหม่ในห้องผลิตงานปักของเธอ ในขณะที่เสื้อผ้าหลายชุดในศตวรรษที่ 18 ก่อแรงบันดาลใจให้แก่ชุด destyle อันโด่งดังของเธอ  จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ สู่แบรนด์สุดยิ่งใหญ่ของโลก ที่ปัจจุบันมีไลน์การผลิตทั้งเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ และน้ำหอม 

 

4. Chanel – 112 ปี

หนึ่งในแบรนด์ที่สาวกแฟชั่นแบรนด์เนม ต่างเทใจใฝ่ฝัน อยากครอบครอง ก่อตั้งโดย Coco Chanel ผู้ที่เติบโตมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าคอลแวลต์โอบาซีล ก่อนจะพลิกประวัติศาสตร์ สร้างแบรนด์แฟชั่นสุดหรู ทำให้ใครหลายคนจดจำได้ว่า สินค้าของ Chanel คือที่สุดแห่งแบรนด์ Super Luxury โดยจุดเด่นของการออกแบบอยู่ที่รูปลักษณ์และการทำตลาด ที่ไม่เน้นความเป็นแฟชั่นมากเกินไป  แต่เน้นถึงความเรียบหรูมีระดับ

คลาสสิกไอเท่ม ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด นอกจากความนิยมที่มีแต่จะเพิ่มสูงขึ้นแล้ว เสน่ห์และความขลังของไอเท่มเหล่านี้ ก็ทวีคูณขึ้นด้วยเช่นกัน สังเกตได้จากราคาที่พุ่งสูงขึ้นทุกปี ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าไลน์คลาสสิกอย่าง Chanel Classic Flap , Chanel 2.55 ในไลน์น้ำหอมกับ Chanel No.5 หรือไลน์เสื้อผ้ากับ ชุดแจ็กเก็ตทวีต ซึ่งยังคงขึ้นแท่นเป็นสินค้าขายดีและสร้างชื่อให้กับแบรนด์มาจนถึงทุกวันนี้ ภายใต้สัญลักษณ์ตัวอักษร CC ไขว้อันคุ้นตา

อีกทั้งกระเป๋าที่เป็น Seasonal สุดฮิตตลอดกาลอย่าง ชาแนลบอย ซึ่งก็ต้องยกความดีความชอบให้ Karl Lagerfeld ที่ยังทำให้คำว่า “Chanel” ไม่ใช่เป็นเพียงแฟชั่น แต่เป็นสไตล์เหนือกาลเวลา ปัจจุบันแบรนด์ชาแนลมีมูลค่ากว่า 37 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท เป็นแบรนด์แฟชั่นที่มีมูลค่าติดอันดับ 2 ของโลก และเป็นแบรนด์ที่ทรงอิทธิพล ในปี 2019 จากการจัดอันดับของ BrandZ

5. Prada – 108 ปี

แบรนด์สัญชาติอิตาลี ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากธุรกิจผลิตเครื่องหนัง กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ กระเป๋าถือ นำเข้าจากประเทศอังกฤษ ก่อตั้งโดย มาริโอ พราด้า (Mario Prada) และ มาร์ติโน่ พราด้า (Martino Prada) ในปี ค.ศ. 1913 ซึ่งต่อมากลายเป็นมรดกตกทอดของตระกูล จนมาถึงมือของรุ่นหลานอย่าง มิวฉะ พราด้า (Miuccia Prada) เข้ามากุมบังเหียนบริหารของแบรนด์อย่างเต็มตัว ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1978

ด้วยอัจฉริยภาพด้านการออกแบบของมิวฉะ พราด้า กับการรังสรรค์ผลงาน สร้างเทรนด์ใหม่ ๆ  ให้โลกแฟชั่นซีซั่นแล้วซีซั่นเล่า หนึ่งในผลงานอันสร้างชื่อให้เธอได้เป็นที่รู้จักคือ กระเป๋าสะพายที่ใช้วัสดุผ้าไนลอนสีดำขลับในการตัดเย็บ สร้างความโดดเด่นและกลายเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล รวมถึงกระเป๋าสุดยอดไอคอนิกอย่าง Prada Saffiano ด้วยวัสดุหนังที่ได้ผ่านกระบวนการพิเศษเฉพาะของพราด้า โดยมีคุณสมบัติโดดเด่นคือความคงทนและสามารถกันน้ำได้

ภายใต้การบริหารงานของ Miuccia Prada และสามี ทำให้มูลค่าของบริษัท Prada เพิ่มสูงขึ้น Prada เริ่มต้นจากการเป็นที่รู้จักเรื่อง Fashion House และมีอิทธิพลมากที่สุด และแบรนด์ก็เป็นที่รู้จักในสถานะสัญลักษณ์ของความพรีเมี่ยมแห่งยุค ปัจจุบัน มีสินค้าจำหน่ายหลากหลายคอลเล็กชั่น รวมถึงมีการซื้อขายหุ้น ทำงานร่วมกับแบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ และบริษัทชั้นนำต่าง ๆ ทั่วโลก 

 

6. Balenciaga – 104 ปี

แบรนด์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในการออกแบบเสื้อผ้า ดีไซน์ที่เน้นความเป็นศิลปะมากกว่าความหรูหราสมัยใหม่ ผู้นำเทรนด์แฟชั่นโอตกูตูร์ ก่อตั้งโดย คริสโตบาล บาเลนเซียกา (Cristóbal Balenciaga) เป็นชาวสเปนโดยกำเนิด ในครอบครัวช่างตัดเย็บเสื้อผ้า ซึ่งนั่นทำให้เขาได้ซึมซับและเรียนรู้เทคนิคต่าง ๆ ในการตัดเย็บมาตั้งแต่เยาว์วัย ในปี ค.ศ. 1917 เขาได้เริ่มเปิดบูทีคร้านเสื้อผ้าของเขาเป็นแห่งแรกที่ประเทศสเปน แต่เนื่องจากผลพวงของเศรษฐกิจ ทำให้ร้านต้องปิดตัวลงอย่างเลี่ยงไม่ได้

ในปี ค.ศ. 1937 เขาได้เปิดร้านบูทีคขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ในนครปารีส ประเทศฝรั่งเศส ความโดดเด่นของเขา คือ สไตล์การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากผลงานศิลปะแบบ Abstract วัฒนธรรมการเเต่งกายของชาวสเปนในอดีต ทำให้เขาผลิตเสื้อผ้าที่มีลักษณะเหมือนงานประติมากรรม มีรูปทรงแปลกตาอย่างน่ามหัศจรรย์ ปัจจุบัน Balenciaga อยู่ภายใต้การบริหารของกลุ่มธุรกิจแบรนด์หรู Kering (เกอริง) ซึ่งเข้ามาซื้อหุ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 และยังคงออกแบบแฟชั่นที่แปลกตา ผสมผสานกลิ่นอายของแฟชั่นแนวสตรีท ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า หรือแอคเซนซอรี่ต่าง ๆ

 

7. Gucci – 100 ปี

แบรนด์ลักชัวรี่สัญชาติอิตาลี เจ้าของโลโก้ GG อันคุ้นตา หนึ่งในแบรนด์แฟชั่นผู้นำของโลกที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1921 ก่อตั้งโดย กุชชิโอ กุชชี่ (Guccio Gucci) เขาเกิดในครอบครัวของช่างฝีมือทำเครื่องหนัง ในประเทศอิตาลี ก่อนแบรนด์จะถือกำเนิด เขาได้เดินทางไปแสวงหาประสบการณ์ ตามล่าหาความฝันที่เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ จนกระทั่งค้นพบว่า เขาเองหลงเสน่ห์ความงามของกระเป๋าและเครื่องหนังโดยไม่รู้ตัว

หลังกลับมาประเทศอิตาลี กุชชี่ ได้ทำงานให้กับ ฟรานซิ (Franzi) เจ้าของบริษัทผลิตกระเป๋าเดินทางแบรนด์ Tony หลังจากฝึกฝนจนมีฝีมือพอสมควร จึงตัดสินใจเปิดอาณาจักร Gucci เป็นของตัวเอง โดยเริ่มแรกธุรกิจหลัก คือการผลิตอานม้า รวมถึงอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ สำหรับนักขี่ม้า รายละเอียดของแถบผ้าทอสีแดงและสีเขียว ที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ที่ได้แรงบันดาลใจจากรายละเอียดของอานม้า เป็นอีกหนึ่งความนิยมที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกจนถึงปัจจุบัน

ในปี ค.ศ. 2017 Gucci สามารถทำรายได้สูงถึง 4,200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยมีมูลค่ามากถึง 132,700 ล้านบาท นอกจากนี้ นิตยสาร Forbes ของอเมริกา ยังได้ทำการจัดอันดับให้แบรนด์ Gucci มีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 47 ของโลก และติดอันดับที่ 44 จากการจัดอันดับ World’s Most Valuable Brands ด้วยมูลค่าแบรนด์ที่สูงถึง 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

 

8. Dior – 75 ปี

แฟชั่นเฮ้าส์สุดยิ่งใหญ่ของโลก ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1946 มีจุดเริ่มต้นมาจากชายชาวฝรั่งเศส นามว่า คริสเตียน ดิออร์ (Christian Dior) ผู้ปฏิวัติวงการแฟชั่นด้วยสไตล์ “New Look” ที่เปลี่ยนให้สาว ๆ หันมาใส่เสื้อไหล่แคบ กระโปรงยาวที่เน้นส่วนเว้า ส่วนโค้งของผู้หญิง แทนที่เสื้อไหล่กว้างกับกระโปรงสั้นแบบตรงในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 การกำเนิดแฟชั่นในครั้งนั้นเป็นการปฎิวัติวงการแฟชั่นเลยก็ว่าได้ พร้อมทั้งทำให้ปารีสกลายเป็นศูนย์กลางของวงการแฟชั่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ

Dior (ดิออร์) เป็นอีกหนึ่ง Luxury Brand อันเป็นที่ต้องการอย่างมากในกลุ่มคนใช้สินค้าแบรนด์เนม ด้วยสไตล์การดีไซน์แบบ Femininity ถูกนำเสนอผ่านทางกระเป๋า เสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ และน้ำหอม เอาใจกลุ่มคุณผู้หญิงทั่วโลก ทำให้ Dior ก้าวเข้าสู่บริษัทแบรนด์หรูที่มีมูลค่ามากถึง $87,400 ล้านเหรียญ (หรือราว 2.84 ล้านล้านบาท) ซึ่งปัจจุบัน Dior มีสโตร์ Hi End มากกว่า 198 แห่งทั่วโลก และยังคงพัฒนาแบรนด์อย่างต่อเนื่อง

 

9. Givenchy – 69 ปี

อัจฉริยะแห่งการออกแบบและผลิตเสื้อผ้าที่มีบทบาทสำคัญ บนหน้าประวัติศาสตร์แฟชั่น ก่อตั้งโดย อูแบร์ เดอ จีวองชี่ (Hubert De Givenchy) ในช่วงวัยเยาว์อูแบร์ได้มีโอกาส เรียนรู้ ทำความรู้จัก คุ้นเคยกับรูปแบบชนิดของผ้า เริ่มรู้ในสิ่งที่ตนเองชอบและถนัด เขามีความเชื่อมั่นในพรสวรรค์ที่มีอย่างเต็มเปี่ยม ดังนั้น เขาจึงมุ่งมั่นในเส้นทางนี้ตั้งแต่ยังหนุ่ม

หลังจากที่ อูเเบร์ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในห้องเสื้อ โอต์ กูตูร์ มาระยะใหญ่ เขาจึงตัดสินใจก่อตั้งแบรนด์ ​Givenchy ขึ้น ในปี ค.ศ. 1952 ที่กรุงปารีส ผลงานสร้างชื่อคือชุดราตรีสีขาว ปักลวดลายด้วยสีดำอย่างละเอียดอ่อน สวมใส่โดย ออเดรย์ เฮปเบิร์น (Audrey Hepburn) ในภาพยนต์เรื่อง Sabrina หรือ Little Black Dress เดรสสีดำในตำนาน ในภาพยนต์เรื่อง Breakfast At Tiffany’s  ปี ค.ศ. 1961 ทำให้กระแสเรื่องความแปลกใหม่ในการครีเอทชุดของเขา ทำให้อูแบร์นั้นเป็นที่น่าจับตามองในฐานะดีไซน์เนอร์รุ่นใหม่ที่มีผลงานโดดเด่นในวงการ

ปัจจุบัน แบรนด์ Givenchy อยู่ภายใต้การบริหารงานของกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ LVHM ซึ่งถูกซื้อกิจการตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1989 และยังคงผลิตสินค้าออกมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้โลโก้ G 4 ตัวอันถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์อันทรงอิทธิพลอย่างมากในวงการแฟชั่น เป็นแบรนด์ที่ครองใจเหล่าศิลปินดาราและเซเลบริตี้ไม่เสื่อมคลาย ด้วยอัตลักษณ์ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

 

10.Valentino – 61 ปี

ความสง่างามจากแบบฉบับของ Valentino กับการออกแบบที่สง่างามและหรูหรา ยากที่ใครจะลอกเลียนแบบ กับเฉดสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ แบรนด์ Valentino ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1960 วาเลนติโน่ การาวานิ (Valentino Garavani) ดีไซเนอร์ชื่อดังชาวอิตาลี โดยเริ่มจากการเปิดเป็น กูตูร์ เฮ้าส์ (couture houses) เล็ก ๆ ที่บ้านเกิด กรุงโรม และก่อกำเนิดชุด The Valentino Red Dress เป็นจุดกำเนิดสำคัญในการเลือกใช้สีแดงเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์นับจากนั้น

ในปี ค.ศ. 2007 วาเลนติโน่ ได้วางมือจากการดูแลแบรนด์ โดยให้เหตุผลว่าเป็นเหตุจากการอิ่มตัวทางแฟชั่น พร้อมส่งคอลเล็กชั่นชุดแดงให้กลายเป็นตำนาน และส่งไม้ต่อให้ Alessandra Facchinetti ก่อนที่ดีไซเนอร์คู่หูอย่าง  Maria Grazia Chiuri และ Pier Paolo Piccioli จะเข้ามารับตำแหน่งสำคัญและผลักดันให้ Valentino ได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก

สิ่งที่บ่งบอกความเป็น Valentino ได้ดีที่สุดคงเป็นหมุดแพลทินั่มร็อคสตั๊ด (rockstud) ที่ปรากฎให้เห็นบนงานออกแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า รองเท้า เข็มขัด หรือแม้แต่คอลเล็กชั่นเสื้อผ้า ทำให้แบรนด์หรูหราสำหรับชนชั้นสูงและราชวงศ์ กลายเป็นแฟชั่นของคนยุคใหม่ที่ผู้คนมากมายหลงใหล ต้องการครอบครองเพราะการออกแบบที่เหมาะสำหรับทุกๆโอกาส

สำหรับแฟชั่นที่เป็นที่รู้จักและโด่งดัง คงจะหนีไม่พ้น รองเท้าส้นสูงที่ประดับด้วยหมุดแพลทินั่มร็อคสตั๊ด หรือที่เรียกกันว่า รองเท้าร็อคสตั๊ดแองเกิลสแทร็ป (Rockstud Ankle Strap) Valentino เป็นส่วนหนึ่งของ Valentino Fashion Group และมีสำนักงานใหญ่ในมิลาน โดยมี Pier Paolo Piccioli เป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2008 แบรนด์นี้ทำการตลาดเสื้อผ้าสตรีชั้นสูงและผลิตภัณฑ์พร้อมสวมใส่ เครื่องหนัง นาฬิกา และเครื่องประดับ

ปัจจุบัน แบรนด์แฟชั่นต่าง ๆ ผุดขึ้นมาแข่งขันมากมายในรอบหลายปีที่ผ่านมา บางแบรนด์ก็สามารถสร้างอัตลักษณ์ให้เป็นที่จดจำ จนประสบความสำเร็จในวงการแฟชั่น ในขณะที่บางแบรนด์ ก็ยังอยู่ในระหว่างการก่อร่างสร้างตัว ในการสร้างสรรค์ผลงานรวมถึงเอกลักษณ์ต่าง ๆ การคงอยู่ของแบรนด์ นอกจากมูลค่าทางการตลาดที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความเข้มแข็งของแบรนด์แล้ว เรื่องราวของประวัติศาสตร์อันยาวนานก็เป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่เป็นตัวเสริม เพิ่มความขลังให้คุณค่าแต่ละแบรนด์เป็นที่จดจำตลอดไป

รัก
xoxo