5 อันดับนาฬิกาน่าลงทุน กับคุณค่าที่อยู่เหนือกาลเวลา

28 Apr

5 อันดับนาฬิกาน่าลงทุน – ในบรรดาของสะสมเพื่อการลงทุนของมหาเศรษฐีทั่วโลก มีสินค้าที่เป็นนาฬิกาอยู่ถึง 36% นาฬิกาหรูจึงไม่ได้เป็นเพียงเครื่องแสดงออกถึงฐานะทางสังคมของผู้สวมใส่ แต่มันยังให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าสินทรัพย์ทางการเงินบางประเภทอีกด้วย มูลค่าของนาฬิกา ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การบอกเวลา แต่ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่ทำให้เหล่าบรรดานักสะสมต่างต้องการที่จะครอบครอง การสะสมนาฬิกาจึงไม่ใช่งานอดิเรกอีกต่อไป เพราะมันสามารถเปลี่ยนเป็นการลงทุนที่ได้ผลกำไรหลายเท่าตัว

การลงทุนกับนาฬิกา ถือว่าเป็นการลงทุนที่ให้ผลกำไรที่รวดเร็ว แต่ใช่ว่านาฬิกาทุกรุ่นทุกแบรนด์ จะสามารถทำกำไรหรือเป็นตัวการันตีราคาในท้องตลาดให้แก่นักลงทุนได้ เนื่องจากต้องพิจารณาจากปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสภาพโดยรวมของตัวนาฬิกา ความต้องการของตลาดในช่วงเวลานั้น ราคาตอนซื้อหรือแม้กระทั่งปัจจุัยภายนอกอื่น ๆ ในบทความนี้ จะนำเสนอ 5 อันดับนาฬิกาน่าลงทุน ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย ยังคงเป็นที่ต้องการและเป็นที่ตามหาของเหล่านักสะสมนาฬิกาอยู่เสมอ

1. Rolex GMT-Master II “Pepsi”

หนึ่งในนาฬิกาที่โดดเด่นที่สุดจากแบรนด์ระดับโลกอย่าง Rolex นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1955 ขอบหน้าปัดสองสี น้ำเงินและแดงอันเป็นเอกลักษณ์ที่ปรากฏอยู่บนหน้าปัดนาฬิการุ่น GMT-Master ยังคงความงดงามมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งเฉดสีที่ตัดกันนี้ มีคุณสมบัติช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถเห็นได้ชัดในที่มืด แสดงถึงช่วงกลางวันและกลางคืน และอ่านเวลาของ 2 ประเทศพร้อมกันได้

สำหรับชื่อเรียก Pepsi มีที่มาจากหน้าปัด ที่ถูกออกแบบเป็นคู่สีน้ำเงิน-แดง คล้ายกับโลโก้ของเครื่องดื่มน้ำอัดลมชื่อดังยี่ห้อหนึ่ง จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการนี้ ในงาน Baselworld 2018 มีการพัฒนานาฬิการุ่นนี้ขึ้นใหม่ ภายใต้รหัสรุ่น 116719 BLRO ซึ่งมีรายละเอียดปลีกย่อยเพิ่มเติมจากรุ่นดั้งเดิมเล็กน้อย สำหรับราคาในตลาดซื้อขายมือสองของ GMT-Master II “Pepsi” ref. 16710 รุ่นดั้งเดิม ย้อนหลังไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 มีรายละเอียดตามตารางดังต่อไปนี้

June 2015 $8,597 (201,874 บาท) , June 2016 $10,853 (254,850 บาท) , June 2017 $12,163 (285,611 บาท) , June 2018 $15,139 (355,470 บาท) , June 2019 $18,260 (428,752 บาท) , June 2020 $20,745 (487,100 บาท) โดยราคาปัจจุบัน เดือนเมษายน ปี ค.ศ. 2021 นี้อยู่ที่ $22,904 หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 537,794 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเพิ่มขึ้นจากปี ค.ศ. 2015 ถึงปัจจุบันอยู่ที่ 166%

หมายเหตุ : ข้อมูลสถิติอ้างอิงจากเว๊ปไซต์ www.chrono24.sg ของสิงคโปร์ อัตราแลกเปลี่ยนเงินไทยอยู่ที่ 23.46 บาท ต่อ SGD$1 ราคาอาจแตกต่างกันออกไปตามเงื่อนไขของแต่ละตัวแทนจำหน่าย

2. Rolex GMT-Master II “Batman”

Rolex GMT Master II รหัสรุ่น 116710 BLNR หรือเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปว่า “Rolex Batman” เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2013 มาพร้อมกับหน้าปัดดำ ตัดสลับกับน้ำเงิน ขนาด 40 มิลลิเมตร มาร์กเกอร์ชั่วโมงทำจากทองคำขาว 18k สายข้อมือ Oyster ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ถูกผลิตขึ้นมาในจำนวนจำกัด

ด้วยคุณสมบัติของนาฬิกาที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นตัวเรือนที่ทำจาก Oyster steel หน้าปัดที่ทำจากทองคำ 18 กะรัต สายนาฬิกาแบบข้อต่อห้าชิ้นแบบ Jubilee กลไกการทำงานที่เรียกว่า Calibre 3285 อันเป็นกลไกการทำงานรุ่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนาและผลิตขึ้นโดย Rolex แต่เพียงผู้เดียว อันมีความเที่ยงตรงสูง รวมไปถึงมีความทนทานต่อแรงกระแทกและสนามแม่เหล็ก ขอบนาฬิกาที่แสดงเวลาได้ 24 ชั่วโมงแบบหมุนได้ ทำให้นาฬิการุ่นนี้ได้รับความนิยมจากดารา เซเลบริตี้ผู้มีชื่อเสียงมากมาย

จนถึงปี ค.ศ. 2019 ได้มีประกาศอย่างเป็นทางการจาก Rolex ถึงการยกเลิกผลิตนาฬิการุ่นนี้ และได้เปิดตัวรุ่นใหม่ในงาน Baselworld 2019 ภายใต้รหัส 126710 BLNR สำหรับราคาของ GMT-Master II “Batman” ref. 116710 BLNR รุ่นดั้งเดิม ย้อนหลังไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 มีรายละเอียดตามตารางดังต่อไปนี้

Aug 2015 $12,203 (286,536 บาท) , Aug 2016 $12,941 (303,852 บาท) , Aug 2017 $13,337 (313,150 บาท) , Aug 2018 $15,524 (364,501บาท) , Aug 2019 $23,677 (555,932 บาท) , Aug 2020 $22,492 (528,108 บาท) โดยราคาปัจจุบัน เดือนเมษายน ปี ค.ศ. 2021 นี้อยู่ที่ $24,387 หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 572,633 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเพิ่มขึ้นจากปี ค.ศ. 2015 ถึงปัจจุบันอยู่ที่ 99%

3. Patek Philippe Nautilus 5711/1A

Patek Philippe หนึ่งในแบรนด์นาฬิกาที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานอีกแบรนด์หนึ่งของโลก กับภาพลักษณ์ของนาฬิกาสุดหรู ที่ราคาสูงจับต้องได้ยาก และหนึ่งในรุ่นนาฬิกาที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่แวดวงของนักสะสมนาฬิกาและนักลงทุน นั่นก็คือ นาฬิการุ่น Nautilus ซึ่งถือได้ว่าเป็นนาฬิกาสปอร์ตเรือนแรกของแบรนด์ ถูกออกแบบโดย เจอรัล เจนต้า (Gerald Genta) ดีไซเนอร์นาฬิกา เจ้าของผลงาน นาฬิการุ่น Royal Oak อันโด่งดังจากแบรนด์ Audemars Piguet

Patek Philippe Nautilus (ปาเต็ก ฟิลีปป์ นอติลุส) ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบหน้าปัดมาจากรูปทรงของหน้าต่างใต้ท้องเรือ ในส่วนของชื่อรุ่นได้มาจากนวนิยายของ Jules Verne ชื่อเรื่อง “Twenty Thousand Leagues Under the Sea” ซึ่งชื่อ Nautilus คือชื่อของเรือดำน้ำที่กัปตัน Nemo ใช้ ดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่โดดเด่นนั้น ทำให้ Patek Philippe สามารถพัฒนาต่อยอดจน Nautilus กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่พลิกฟื้นสถานการณ์ของ Patek ที่กำลังย่ำแย่ในขณะนั้นให้ฟื้นขึ้นมาได้อีกครั้ง

ในปี ค.ศ. 2006 เป็นวาระการเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีของนาฬิการุ่นนี้ ทาง Patek ได้ปรับโฉมนาฬิกา Nautilus 3700 ให้ดูทันสมัยมากกว่าเดิม ก่อกำเนิด 5711/1A ออกสู่วงการนาฬิกาหรู มีการขยายตัวเรือนขึ้นเป็น 40 มิลลิเมตรตามสมัยนิยม ปรับโครงสร้างของตัวเรือนจาก 2 ชั้นเป็น 3 ชั้น พร้อมฝาหลังเปลือยเพื่อมองทะลุเห็นกลไกด้านหลัง ทำให้ 5711/1A ขึ้นแท่นเป็น Sport Watch อันดับต้น ๆ ของโลก ที่ใคร ๆ ก็อยากได้มาไว้ในครอบครอง

ในด้านของการลงทุน Patek Philippe 5711/1A เป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก โดยสามารถศึกษาได้จากสถิติราคาที่พุ่งสูงขึ้นทุกปี จากสถิติเดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 2015 จนถึงปี ค.ศ. 2019 จะพบว่า อัตราผลตอบแทนจากการซื้อขายนาฬิการุ่นนี้ เพิ่มขึ้นถึง 129% เลยทีเดียว มีรายละเอียดตามตารางดังต่อไปนี้

Oct 2015 $34,344 (805,832 บาท), Oct 2016 $39,638 (930,048 บาท), Oct 2017 $47,688 (1,118930 บาท), Oct 2018 $69,899 (1,640,060 บาท), Oct 2019 $97,625 (2,290,601 บาท), Oct 2020 $94,050 (2,206,637 บาท โดยราคาปัจจุบัน เดือนเมษายน ปี ค.ศ. 2021 นี้อยู่ที่ $148,099 หรือคิดเป็นเงินไทยโดยประมาณ 3,474,756 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเพิ่มขึ้นจากปี ค.ศ. 2020 อยู่ที่ 57%

4. OMEGA Speedmaster Professional Moonwatch

มีคนกล่าวว่า ประวัติศาสตร์ถูกเขียนโดยผู้ชนะ และ Omega ก็ได้ตอกย้ำความเป็นผู้ชนะมากว่าครึ่งศตวรรษ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1965 ที่ Omega Speedmaster ได้รับเลือกจาก NASA ให้เป็นอุปกรณ์ประจำโครงการอวกาศ Apollo เป็นตำนานนาฬิกาที่ได้ขึ้นไปสู่พื้นผิวดวงจันทร์ รวมถึงเป็น King of chronograph เนื่องด้วยเป็นนาฬิการุ่นเดียว ที่ผ่านบททดสอบของ NASA และถูกใช้ในภารกิจบนดวงจันทร์ จนได้รับฉายาว่า The Moon Watch

นาฬิกาคอลเล็กชั่น Speedmaster ถูกปล่อยออกสู่แวดวงอุตสาหกรรมนาฬิกาครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1957 ในรูปลักษณ์ของ Sport and Racing Watch ถูกนำมาใช้เป็นนาฬิกาจับเวลาในการแข่งขันโอลิมปิกโลก โดยชื่อคอลเล็กชั่น Speedmaster มีที่มาจาก กรอบหน้าปัดที่เป็นมาตรวัดความเร็ว ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ Omega ได้ทำการคิดค้นขึ้น เพื่อคอลเล็กชั่นนี้โดยเฉพาะ

Speedmaster ถูกขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 321 ซึ่งถือเป็นสุดยอดด้านเทคโนโลยี Lateral Clutch สำหรับนาฬิกาประเภท Chronograph อีกด้วย ถูกเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1942 และถูกพัฒนาอีกครั้งในปี ค.ศ. 1946 ให้มีความแข็งแกร่งและทนทานมากขึ้น โดยสามารถป้องกันคลื่นสนามแม่เหล็กและ Bow Shocks ทำให้นาฬิกา Speedmaster ผ่านการทดสอบขององค์การ NASA และเป็นใบผ่านทางให้ Speedmaster ก้าวออกไปสู่ดวงจันทร์

กลไก Calibre 321

จากจุดเริ่มต้นจากการเป็นนาฬิกาสำหรับแข่งรถ จนก้าวข้ามไปเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจบนห้วงอวกาศ จึงไม่แปลกใจหาก Omega Speedmaster จะถูกเลือกให้เป็นเรือนเวลาคู่กาย ที่ประดับอยู่บนข้อมือของใครหลาย ๆ คน จากสถิติราคาของนาฬิกา Speedmaster Moonwalk รุ่นดั้งเดิมนั้น มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี เป็นนาฬิกาอีกหนึ่งรุ่น ที่ควรค่าแก่การสะสมและมีไว้ในครอบครอง โดยมีรายละเอียดสถิติราคาย้อนหลัง 5 ปี ดังตารางต่อไปนี้

Sep 2015 $3,914 (91,700 บาท) , Sep 2016 $4,652 (108,990 บาท) , Sep 2017 $5,057 (118,477 บาท) , Sep 2018 $5,537 (129,723 บาท) , Sep 2019 $6,915 (161,970 บาท) , Sep 2020 $7,268 (170,238 บาท) โดยราคาปัจจุบัน เดือนเมษายน ปี ค.ศ. 2021 นี้อยู่ที่ $7,400 หรือคิดเป็นเงินไทยโดยประมาณ 173,330 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเพิ่มขึ้นจากปี ค.ศ. 2020 อยู่ที่ 1.8%

5. Audemars Piguet Royal Oak 15400ST

Audemars Piguet หนึ่งในแบรนด์ที่นักสะสมนาฬิกาต้องนึกถึงเป็นอันดับต้น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอลเล็กชั่นที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกอย่าง “Royal Oak” ซึ่งเป็นหนึ่งในคอลเล็กชั่นที่เป็นที่ต้องการของนักสะสมทั่วโลก สำหรับ Royal Oak รหัส 15400ST นี้ ถือได้ว่าเป็นรุ่นคลาสสิก ที่มีสถิติราคาพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี เป็นอีกตัวเลือก สำหรับใครที่กำลังมองหาทรัพย์สินที่สามารถเป็นมรดกตกทอด หรือเพื่อการลงทุน

ในปี ค.ศ. 1972 ถือว่าเป็นยุคมืดที่นาฬิกาไขลานต้องเผชิญหน้ากับนาฬิกาใส่ถ่านที่มีราคาถูกและแม่นยำกว่า หรือที่เรียกกันว่ายุค “Quartz Crisis” Royal Oak ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดของแบรนด์ โดยแจ้งเกิดในฐานะ นาฬิกา “Sports Luxury” เรือนแรกของโลก ทำให้มันกลายเป็นตำนานของวงการนาฬิกา และนำพา AP รอดพ้นจากวิกฤติ Quartz Crisis มาได้

Royal Oak โดดเด่นด้วยขอบหน้าปัดทรง 8 เหลี่ยม ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากหมวกดำน้ำ ในส่วนของชื่อรุ่นนั้น มีที่มาจากเรือรบอังกฤษ 8 ลำ การออกแบบของ Royal Oak ได้ฉีกกฏการออกแบบเดิม ๆ จากการเป็นนาฬิกาที่เน้นความเรียบหรูเป็นหลัก มาสู่นาฬิกาแนวสปอร์ตที่แฝงไว้ซึ่งความหรูหรา ทันสมัย และดูทะมัดทะแมงมากยิ่งขึ้น

Movement มีการขัดแต่งอย่างประณีต มาพร้อม Geneva Stripe และมีการแกะสลักที่เป็นเอกลักษณ์บนตัวโรเตอร์เวทที่ทำมาจากทองคำ 22K ส่วนสายนาฬิกา Royal Oak จะมีการขัดเงาและจบด้วย Brush finish จะใช้สายแบบ integrated ที่เข้ารูปและกลมกลืนกับตัวเรือนได้อย่างไร้รอยต่อเสมือนกับเรือนและสายเป็นหนึ่งเดียวกัน มาพร้อมกับหน้าปัดขนาด 41 มิลลิเมตร เป็นหนึ่งในที่สุดของ Sport Luxury Watch อย่างแท้จริง

สำหรับสถิติราคาซื้อขายของนาฬิกา Royal Oak 15400ST มีราคาพุ่งสูงขึ้นทุกปี จากสถิติเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 2015 จนถึงเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 2021 จะพบว่า อัตราผลตอบแทนจากการซื้อขายนาฬิการุ่นนี้ เพิ่มขึ้นถึง 144% เลยทีเดียว โดยสามารถจำแนกสถิติย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 2015 จนถึง เดือนเมษายน ปี ค.ศ. 2021 ตามตารางดังต่อไปนี้

Nov 2015 $24,395 (571,670 บาท) , Nov 2016 $24,911 (583,762 บาท) , Nov 2017 $27,080 (634,590 บาท) , Nov 2018 $36,369 (852,267 บาท) , Nov 2019 $47,190 (1,105,846 บาท) , Nov 2020 $51,375 (1,203,917 บาท) โดยราคาปัจจุบัน เดือนเมษายน ปี ค.ศ. 2021 นี้อยู่ที่ $59,707 หรือคิดเป็นเงินไทยโดยประมาณ 1,400,000 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเพิ่มขึ้นจากปี ค.ศ. 2020 อยู่ที่ 16.2%

ปัจจุบัน บรรดานักธุรกิจเริ่มหันมาสนใจ ในการลงทุนกับนาฬิกาหรูกันมากขึ้น ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงศิลปวัตถุ ที่ซื้อเพียงเพราะความชอบหรือการใช้งานในชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่การเลือกซื้อนาฬิกาที่ “ใช่” ยังนับว่าเป็นการลงทุนที่สมเหตุสมผล และยังเป็นมรดกส่งต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลาน อีกทั้งการตรวจสอบราคาซื้อ-ขายเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะนาฬิกาที่ควรค่าแก่การลงทุนนั้น ราคาเป็นตัวแปรสำคัญที่จะกำหนดความต้องการของตลาดได้อีกด้วย

การลงทุนในนาฬิกาหรู ให้ผลตอบแทนสูงถึง 65% เมื่อลงทุนนาน 10 ปี ซึ่งมากกว่าผลตอบแทนเฉลี่ยที่การลงทุนในรูปแบบอื่นสามารถทำได้ แนวโน้มการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของราคา ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับสภาพความเป็นไปของตลาด ณ เวลานั้น ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มูลค่าของสินทรัพย์สูงขึ้น คือความต้องการของตลาด การลงทุนแบรนด์ที่เป็นที่นิยม เป็นที่กล่าวถึงในวงกว้างหรือในแวดวงนักธุรกิจ ที่สำคัญควรทำการศึกษารายละเอียดของสินทรัพย์ให้ดีก่อนการลงทุน เพราะทุกการลงทุนคือความเสี่ยง