To top
13 Feb

ประวัติแบรนด์ Rolex : ไอคอนนาฬิการะดับ Luxury

ปฏิเสธไม่ได้ว่านาฬิกาสุดหรูหรา สัญชาติสวิสเซอร์แลนด์อย่าง Rolex (โรเลกซ์) เป็นนาฬิกาชั้นสูงที่มีราคาแพง ทรงคุณค่า ทั้งทางคุณภาพและทางจิตใจ จุดเด่นคือความทนทาน ความเที่ยงตรง ถึงขั้นได้รับกาจัดอันดับจากนิตยสาร บิสซีเนสวีค (Businessweek) ให้นาฬิกา Rolex ติดอันดับ 71 จาก 100 แบรนด์ทั่วโลกว่าเป็นแบรนด์ชั้นนำและสินค้าพรีเมี่ยม (ข้อมูลปี ค.ศ. 2007) แน่นอนว่านาฬิกา Rolex ยังเป็นที่หมายปองของสุภาพบุรุษทั่วโลก ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อะไรที่ทำให้นาฬิกาสัญชาติสวิสนี้ ยังเป็นที่นิยมและครองใจกลุ่มลูกค้าได้มาอย่างยาวนาน เราจะพาคุณไปพบกับการเดินทาง ประวัติแบรนด์ Rolex แบรนด์ที่กลายเป็น Icon นาฬิการะดับ Luxury

 

ที่มาของผู้สร้าง Rolex (โรเลกซ์)

ประวัติแบรนด์ Rolex เริ่มต้นขึ้นโดย นาย ฮันส์ วิลส์ดอร์ฟ (Hans Wilsdorf) เกิดเมื่อวันที่ 22 มีนาคม ค.ศ. 1881 เมืองคูล์มบาค ประเทศเยอรมนี เป็นบุตรของ นางแอนนา ไมเซล (Anna Micelle) และ นายโจฮัน เดเนล เฟอร์เดียน วิลส์ดอร์ฟ (Johan Daniel Ferdinand Wilsdorf) ครอบครัวมีพี่น้องทั้งหมด 3 คน โดยที่วิลส์ดอร์ฟเป็นลูกคนกลาง แต่แล้วก็เกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้นกับเขา เนื่องจาก ฮันส์ วิลส์ดอร์ฟ ต้องสูญเสียคุณแม่ไปตั้งแต่ยังเด็ก ต่อมาเมื่อเขาอายุได้ประมาณ 12 ขวบ คุณพ่อของเขาก็ได้เสียชีวิตลง

ฮันส์ วิลส์ดอร์ฟ (Hans Wilsdorf)

ฮันส์ วิลส์ดอร์ฟ (Hans Wilsdorf)

ฮันส์ วิลส์ดอร์ฟ และพี่น้องของเขาได้กลายเป็นเด็กกำพร้า แต่นั่นไม่ใช้อุปสรรคที่จะทำให้จิตใจของเขาอ่อนแอ หรือคิดย่อท้อต่อชีวิต คุณลุงของ ฮันส์ วิลส์ดอร์ฟ ได้ส่งเสียทั้งสามพี่น้องให้เข้าเรียนโรงเรียนประจำที่ยอดเยี่ยมที่สุดในตอนนั้น พร้อมทั้งได้รับการศึกษาที่ดีอีกด้วย จึงทำให้ ฮันส์ วิลส์ดอร์ฟ ค้นพบตัวเองว่าเขาสนุกกับการที่ได้เรียนภาษา และเขาชื่นชอบในวิชาคำนวณเป็นอย่างมาก เมื่อเรียนจบ ฮันส์ วิลส์ดอร์ฟ จึงได้ตัดสินใจเริ่มต้นอาชีพเป็นเด็กฝึกงานในบริษัทส่งออกอัญมณี โดยมีโอกาสได้ติดต่อกับผู้ผลิตและผู้ซื้อ

La Chaux De Fonds : Switzerland

La Chaux De Fonds : Switzerland

ไม่กี่ปีต่อมา วิลส์ดอร์ฟ ได้เดินทางแสวงหาประสบการณ์เพิ่มเติมที่เมือง La Chaux De Fonds ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เพื่อหาประสบการณ์ต่างประเทศ และฝึกฝนภาษาไปในตัว เขาได้ทำงานเป็นเป็นเสมียนในบริษัทส่งออกนาฬิกาแห่งหนึ่ง วิลส์ดอร์ฟได้ตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมนาฬิกาของสวิสเซอร์แลนด์ถึงได้มีมูลค่ามากกว่าประเทศอื่น เขาจึงได้เริ่มศึกษาอุตสาหกรรมนาฬิกาจากนั้นเป็นต้นมา

เวลาต่อมา วิลส์ดอร์ฟ ก็ได้พบกับโจทย์ใหม่ที่ยากขึ้น เนื่องจากในสมัยนั้นนาฬิกามีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักเยอะ ไม่ค่อยสะดวกในการใช้งาน จึงต้องต้องพกไว้ที่กระเป๋ากางเกงหรือทำเป็นสร้อยห้อยคอเท่านั้น ซึ่งยุคนั้นเป็นยุคแรกๆ ที่พึ่งริเริ่มการผลิตนาฬิกาข้อมือออกจำหน่าย แต่นาฬิกาข้อมือในยุคนั้นจัดได้ว่าเป็นกลุ่มสินค้าแฟชั่น ไม่มีความทนทาน ไม่กันฝุ่น ไม่กันน้ำ และแม้แต่เข็มนาฬิกายังไม่ตรงอีกด้วย

เมื่อเห็นเช่นนั้น วิลส์ดอร์ฟ จึงเกิดความคิดที่จะออกแบบนาฬิกาข้อมือที่มีคุณภาพขึ้นมา แต่ความฝันเขาต้องหยุดลงอย่างน่าเสียดาย เมื่อเขาต้องไปประจำการทหารอยู่ประมาณ 2 ปี หลังจากถูกปลดประจำการ วิลส์ดอร์ฟ จึงเดินทางกลับมาที่ประเทศอังกฤษ เพื่อสานฝันของเขาต่อ โดยการค้นหาทำงานในโรงงานผลิตนาฬิกาโดยเฉพาะ

 

ที่มา 5 ตัวอักษรที่สื่อถึงความเหนือระดับ

เมื่อ วิลส์ดอร์ฟ อายุได้ 24 ปี เขามีประสบการณ์ และความรู้ความสามารถมากพอ ที่จะตั้งบริษัทเกี่ยวกับการผลิตนาฬิกาเป็นของตนเอง เมื่อปี ค.ศ. 1908 วิลส์ดอร์ฟ ก็ได้ตั้งบริษัทที่มีชื่อว่า Wilsdorf and Davis ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยที่ วิลส์ดอร์ฟและน้องเขยของเขาเป็นหุ้นส่วนกัน โดยเป้าหมายหลักของบริษัท คือ นาฬิกาคุณภาพสูงอยู่ในราคาที่เหมาะสม

นาฬิกาแบบพก (Pocket Watch)

นาฬิกาแบบพก (Pocket Watch)

ตอนนั้น วิลส์ดอร์ฟ ได้ทำการออกแบบและผลิตนาฬิกาแบบพก (Pocket Watch) เพื่อที่จะนำมาพัฒนาต่อ ใส่เป็นตัวเรือนของนาฬิกาข้อมือ แต่ในระยะเริ่มแรก เขาให้บริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่งในสวิสเซอรแลนด์ ที่มีชื่อว่าบริษัท Aegler เป็นผู้ผลิตตัวเรือนให้ แต่ยังไม่เป็นที่น่าพอใจสำหรับ วิลส์ดอร์ฟนัก เพราะนาฬิกาที่ดีต้องมีความแม่นยำ และความเที่ยงตรงมากกว่านี้ เมื่อผ่านไปสักระยะ วิลส์ดอร์ฟ ก็ได้ยุติสัญญาการรับตัวเรือนที่ผลิตจาก บริษัท Aegler แล้วหันมาคิดค้นตัวเรือนเอง

ต่อมา วิลส์ดอร์ฟ ต้องการให้บริษัทของตนเองมีชื่อเรียกที่กระทัดรัด ง่ายต่อการอ่านออกเสียงในทุกภาษา จึงเป็นที่มาของการเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Rolex (โรเลกซ์) เป็นบริษัทผลิตนาฬิกาแบบครบวงจร ครอบคลุมถึงตัวหน้าปัด ตัวเรือน กลไลของนาฬิกา โดยคอนเซ็ปต์ของ Rolex คือ ความหรูหรา น่าเชื่อถือ ซึ่งบริษัทได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในปี ค.ศ. 1908

 

Logo Rolex

เครื่องหมายการค้า Rolex

เมื่อปี ค.ศ. 1910 เป็นช่วงริเริ่มกิจการอย่างจริงจัง แบรนด์ Rolex ใส่ใจกับคุณภาพของนาฬิกาเป็นอย่างมาก ในการผลิตนั้นสิ่งที่ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก คือ “เวลาที่เที่ยงตรง” Rolex ได้ตัดสินใจส่งนาฬิกาไปยัง School of Horology ซึ่งเป็นโรงเรียนสำหรับเรียนรู้และผลิตนาฬิกาชื่อดัง และ Rolex ก็สามารถคว้ารางวัลได้ ในฐานะนาฬิกาเรือนแรกของโลกที่ได้รับรองความเที่ยงตรงจาก Official Watch Rating Centre ที่เมืองเบียนน์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ โดยเป็นมาตรฐานรับรองระดับความเที่ยงตรงในการทำงานของนาฬิกาจักรกล จากสถาบันที่มีชื่อว่า C.O.S.C (Controle Officiel Suisse Des Chronometer)

ใบ Certificate จาก Official Watch Rating Centre

โดยความเที่ยงตรงของนาฬิกา Rolex ได้นำมาซึ่งความน่าเชื่อถือ เป็นบ่อเกิดแห่งการปฎิวัติวงการนาฬิกา ให้มีนวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้น  แบรนด์ Rolex ได้พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น โดยการคิดค้นและออกแบบให้ตัวเรือน กันน้ำ กันฝุ่น โดยใช้ระบบมะยมแบบเกลียว (Screw Crown) ซึ่งนวัตกรรมของ Rolex นั้น ได้ถูกนำมาโฆษณาอย่างชาญฉลาด เพื่อผู้พบเห็นเข้าใจความพิเศษได้ง่ายขึ้น คือ การเสนอภาพสินค้าภายใต้อควาเรียม โชว์หน้าร้านโดยมีนาฬิกาอยู่ในโลกใต้ทะเล อันเป็นการแสดงให้เห็นถึง คุณสมบัติกันน้ำได้อย่างชัดเจน จากจุดนี้จึงทำให้ Rolex โด่งดังไปทั่วโลก

ต่อมา Kew Observatory หรือหอคอยแห่งการทดลองเกี่ยวกับวิทยาศาตร์ชื่อดังของอังกฤษ ได้มอบใบรับรองความเที่ยงตรงระดับ “A” ให้กับนาฬิกาข้อมือของ Rolex ในปี ค.ศ. 1914 ซึ่งถือได้ว่าเป็นรางวัลอันทรงคุณค่าอีกใบของ Rolex เลยก็ว่าได้ เพราะการรับรองนี้สงวนไว้เฉพาะกับนาฬิกาที่บอกเวลาเที่ยงตรงของทหารเรือเท่านั้น นั่นจึงเป็นการตอกย้ำคุณภาพของแบรนด์ว่า Rolex เป็นสัญญาลักษณ์ของการบอกเวลาที่แม่นยำที่สุด

 

ใบรับรองความเที่ยงตรงระดับ “A” จาก Kew Observatory

เนื่องจากตอนที่โรงงานตั้งอยู่ที่ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษนั้น Rolex จึงเจอวิกฤติในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ภาษีนำเข้าพุ่งสูงถึง 33% ทำให้การนำเข้าอะไหล่จากสวิสเซอร์แลนด์นั้นมากเกินกว่าที่จะรับมือไหว ในปี ค.ศ. 1919 Rolex จึงได้ตัดสินใจย้ายไปตั้งสำนักงานอยู่ที่ กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านการผลิตนาฬิการะดับโลก และได้จดทะเบียนบริษัทใหม่ชื่อว่า Montres Rolex S.A. ซึ่งชื่อนี้ก็สามารถเป็นที่รู้จักในบรรดาผู้ผลิตนาฬิกาชั้นนำระดับโลกได้ในเวลาไม่นาน

Montres Rolex S.A.

Montres Rolex S.A. กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์

ปี ค.ศ. 1926 นาฬิกากันน้ำเรือนแรกของโลกจาก Rolex ซึ่งนับเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของบริษัท โดยผลิตนาฬิกามีชื่อว่า “Rolex Oyster” นาฬิกาเรือนนี้ซีลอย่างแนบสนิท มีคุณสมบัติปกป้องกลไกลการทำงานของนาฬิกาจากน้ำได้ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา เมื่อปี ค.ศ. 1927 Rolex ได้มีการพิสูจน์ศักยภาพของ Rolex Oyster ซึ่ง เมอเซเดส กลีด (Mercedes Gleitze) นักว่ายน้ำหญิง ชาวอังกฤษ ได้สวมใส่ว่ายน้ำข้ามช่องแคบของอังกฤษ ประกาศถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของบริษัท

ปี ค.ศ. 1928 Rolex ได้ออกนาฬิกา รุ่น Prince ดีไซน์สี่เหลี่ยม 2 หน้าปัด การออกแบบที่สวยงามแปลกตา ทำให้เกิดความคึกคักในอุตสาหกรรมนาฬิกา มีผู้สนใจและจับจองเป็นจำนวนมาก จนขึ้นชื่อว่าเป็นนาฬิกาที่ขายดีที่สุดในช่วงนั้น และเมื่อ ปี ค.ศ. 1931 Rolex ได้คิดค้น เพิ่ม การประดิษฐ์ระบบเหวี่ยงขึ้นลานอัตโนมัติ หรือ Rotor (โรเตอร์) ออกแบบเป็นรูปครึ่งวงกลมสามารถหมุนขึ้นลานได้อย่างอิสระ ซึ่งสร้างพลังงานสำรองจากผู้สวมใส่ได้ จนทำให้เกิดระบบ Perpetual อัตโนมัติขึ้น

Rolex Prince

Rolex Prince

ในปี ค.ศ. 1945 ได้กำเนิด Rolex Datejust นาฬิกาข้อมือที่มีกลไลอัตโนมัติเรือนแรก ซึ่งบอกวันที่ไว้ในหน้าปัด ที่มาพร้อมกับสาย Jubilee (จูบิลี่) เป็นคอลเล็กชั่นพิเศษ คือ สายสแตนเลสสตีลเรียงกัน ที่นิยม คือ สีเงินสลับกับสีทอง ซึ่งขอบหน้าปัดเป็นจุดร่อง เป็นเอกลักษณ์ของคอลเลคชั่น Oyster ซึ่งการผลิตครั้งแรกนั้นมุ่งเน้นเพียงแต่ของสุภาพบุรุษ เมื่อเวลาผ่านไปถึงออกแบบเพื่อสุภาพสตรี

Rolex Datejust สาย Jubilee

Rolex Datejust สาย Jubilee

วิลส์ดอร์ฟ ได้ เสียชีวิตลง เมื่อวันที่ 6 กรกฏาคม ปี ค.ศ. 1960 ด้วยวัย 79 ปี ถึงแม้ตัวจะจากไป แต่เขาได้ทิ้งผลงานและนวัตกรรมที่มีค่าไว้มากมาย นาฬิกาที่มีชื่อเสียงของ Rolex เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างมากในอุตสาหกรรมนาฬิกา แบรนด์ Rolex เป็นผู้นำด้านการคิดค้น ผลิตนาฬิกาที่ดีที่สุดและชาญฉลาดมากที่สุด อันเป็นต้นแบบให้กับนาฬิกาในยุคปัจจุบัน ได้แก่ การแสดงวันที่ในนาฬิกาในรุ่น Datejust, ระบบ Day-Date หรือการแสดงชื่อเต็มของวัน, นวัตกรรมการอ่านเวลาได้ง่ายแม้อยู่ในความมืดใน รุ่น Explorer, นวัตกรรมกันน้ำในระดับความลึก 100 เมตร (330 ฟุต) ของ Submariner, การแสดงสองเขตเวลาพร้อมกันของรุ่น GMT-Master เหมาะสำหรับนักเดินทาง นักท่องเที่ยว และ Milgarss เป็นรุ่นที่ทนต่อสนามแม่เหล็กได้สูงสุดถึง 1,000 เท่า เหมาะสำหรับนักวิทยาศาสตร์

ROLEX SA ที่ Geneva Switzerland

Rolex เป็นนาฬิกาแบรนด์หรูเพียงแบรนด์เดียว ที่สามารถผลิตได้ 2,000 เรือน ต่อ 1 วัน รายได้ต่อวันโดยประมาณอยู่ที่ 3 พันดอลลาร์สหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 91,164 ล้านบาท/วัน) โดยอายุของแบรนด์อยู่ที่ประมาณ 114 ปี ถือได้ว่าเป็นแบรนด์นาฬิกาที่มีความเก่าแก่แบรนด์หนึ่งของโลก ซึ่งแบรนด์ได้ให้ความใส่ใจในนาฬิกาทุกเรือน จนเกิดเป็นวิถีแห่ง Rolex คือ การออกแบบที่เยี่ยมยอด ส่งต่อไปยังการทดสอบแล้วทดสอบเล่า จากผู้เชี่ยวชาญอย่างเป็นระบบ

จึงไม่น่าแปลกใจหากนาฬิกาแบรนด์นี้จะมีราคาที่สูงลิบ และแน่นอนว่ามีผู้ที่จะยอมจ่ายเพื่อได้เป็นเจ้าของ Rolex สักเรือน เนื่องมาจากนาฬิกา Rolex นี้ มีมูลค่าทางจิตใจอันเหนือกว่าคุณค่าทางสิ่งของ มีคุณค่าสามารถเป็นมกรดกตกทอดไปยังคนรุ่นหลังได้ และยังได้รับการขนานนามว่าเป็น Icon ของนาฬิกา Luxury อีกด้วย

รัก
xoxo

KATE