To top
9 Feb

วิธีอ่าน Date Code Louis Vuitton ฉบับกูรู

Date Code เป็นรหัสที่ระบุสถานที่ รวมถึงปีที่ผลิต จะมีอยู่ในกระเป๋า Louis Vuitton ทุกใบ ตัวรหัสจะมีการพิมพ์ประทับที่ต่างกันออกไป โดยอาจระบุบน Tag หนังขนาดเล็กที่เย็บติดในกระเป๋า ในซับด้านในของกระเป๋า หรืออาจจะปั๊มลงบนกระเป๋าเลยก็ได้ Louis Vuitton เป็นแบรนด์เก่าแก่ที่มีประวัติยาวนานกว่า 160 ปี ดังนั้น การอ่าน Date Code ในกระเป๋ารุ่นวินเทจและรุ่นปัจจุบัน จึงมีความแตกต่างกัน

ทราบหรือไม่ว่า นอกจากเราจะสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติกระเป๋า Louis Vuitton ผ่านการดูรหัสได้แล้ว Date Code ยังเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยเราพิจารณา ตรวจสอบสินค้าลิขสิทธิ์ และเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประโยชน์ที่สุด ในการตรวจสอบว่ากระเป๋า Louis Vuitton เป็นของแท้หรือไม่อีกด้วย

รหัสเหล่านี้ ได้รับการตีตราลงบนกระเป๋าถือ กระเป๋าสตางค์ เข็มขัด และรองเท้าทุกรุ่น มาตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษที่ 1980s แต่ก่อนหน้าปี ค.ศ. 1980 นั้น ยังไม่มีการระบุรหัสใดๆ บนเครื่องหนังของ Louis Vuitton มาก่อน ฉะนั้นจึงเป็นการยากในการจำแนกกลุ่มสินค้าวินเทจบางชิ้น

Louis Vuitton ได้เปลี่ยนระบบในการใส่รหัสข้อมูลหลายต่อหลายครั้ง แต่รหัสข้อมูลเหล่านั้น จะยังคงประกอบด้วยตัวอักษร และตัวเลขเสมอ แม้ว่าในแต่ละผลิตภัณฑ์จะปรากฏรหัสข้อมูลแบบดั้งเดิม แต่ก็มีรายละเอียดอีกหลายประการซึ่งจะสามารถเห็นได้เมื่อเอามาพิจารณาอย่างละเอียด ต่อไปนี้คือคำแนะนำสำหรับการตีความหมายของรหัสกระเป๋าในแต่ละปีการผลิต

 

Date Code จำแนกตามปี

กระเป๋าที่ผลิตช่วงก่อนปี ค.ศ. 1980 

กระเป๋าในยุคนี้ จะมีฐานการผลิตเฉพาะที่ประเทศฝรั่งเศส โดยจำแนกจากแหล่งผลิตกระเป๋า 3 แห่งคือ French Company , Saks Fifth Avenue และ Fabric Design ซึ่งทั้ง 3 แหล่ง กระเป๋าจะไม่ปรากฏ Date Code มีเพียง Stamp และเฉพาะกระเป๋าที่หลักฐานการผลิต French Company เท่านั้น ที่จะมี tyvek-like tag และ Stamp

กระเป๋ารุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นวินเทจ การจะตรวจสอบกระเป๋า Louis Vuitton ที่ไม่มีรหัสวันที่ จะต้องทำการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นกระเป๋าของแท้  ในขณะที่ตลาดของปลอมมีการเติบโตอย่างมาก และถูกผลิตขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ที่น่ากังวลก็คือยังมีของปลอมที่จงใจทำขึ้นมาเพื่อให้ดูเป็นกระเป๋าวินเทจโดยเฉพาะ โดยมีการปั๊มรหัสปลอมเพื่อให้ตรงกันกับของแท้อีกด้วย

กระเป๋าที่ผลิตตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1980 เป็นต้นมา 

ลักษณะรหัสของกระเป๋าที่ผลิตในช่วง ค.ศ. 1980 เป็นตัวเลข 3-4 หลัก ไม่มีตัวอักษร ตัวเลข 2 ตัวแรก หมายถึงปีที่ผลิต เลขสุดท้าย (หรือ 2 ตัวสุดท้าย) หมายถึงเดือน ยกตัวอย่างเช่น กระเป๋ารหัสหมายเลข 833 หมายถึง กระเป๋าใบนี้ผลิตขึ้นเมื่อ เดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 1983 (ปี 83 เดือน 3)

การอ่านรหัส LV 1980s

การอ่านรหัสกระเป๋ารุ่นปี 1980s

 

ด้วยสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกทำให้ตลาดกระเป๋าปลอม เติบโตสูสีกันกับการเติบโตของแบรนด์ Louis Vuitton จึงทำการเปลี่ยนรหัสให้มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นในปี 1980 จากการเปลี่ยนแปลงรหัสในครั้งนี้ เพิ่มความท้าทายให้กับตลาดของปลอมในการผลิตของเลียนแบบ หากคุณซื้อ Louis Vuitton มือสองที่ผลิตในช่วงปี 1980 เป็นต้นมา คุณอาจจะต้องทำการค้นคว้าหนักขึ้นอีกสักหน่อย เพื่อให้แน่ใจว่า รหัสวันที่ตลอดจนข้อมูลที่ได้จากรหัสนั้น สอดคล้องกับช่วงเวลาและประเทศผู้ผลิตอย่างถูกต้อง

กระเป๋าใบนี้ ผลิตเมื่อเดือน มีนาคม ปี ค.ศ. 1982

กระเป๋าใบนี้ ผลิตเมื่อเดือน มีนาคม ปี ค.ศ. 1982 (823)

 

จากตารางด้านล่าง จะเห็นได้ว่า รหัสกระเป๋าที่ผลิตในช่วงนี้ จะมีความหลากหลาย บางรหัสก็ขึ้นต้นด้วยตัวอักษรก่อน บางรหัสก็ขึ้นด้วยตัวเลขก่อน ในที่นี้ เราจะยกตัวอย่างการอ่านอย่างง่ายๆ โดยจำแนกออกได้ดังนี้

ตัวอย่างการอ่านรหัส L ตัวอักษร Y ปี M เดือน TH คือประเทศฝรั่งเศส

ตัวอย่างการอ่านรหัส L ตัวอักษร Y ปี M เดือน TH คือประเทศฝรั่งเศส

 

กระเป๋าที่ผลิตตั้งแต่ ค.ศ. 1990 – 2006

ในปี 1990 Louis Vuitton ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบของรหัสเป็นรูปแบบเดียว โดยกำหนดให้มี อักษรภาษาอังกฤษ 2 ตัวและตัวเลข 4 ตัว สำหรับตัวอักษร 2 ตัวหมายถึงสถานที่ผลิต ส่วนตัวเลขแบ่งการอ่านออกเป็น 2 ส่วนคือ ตัวเลขลำดับ 1 และ 3 หมายถึงเดือนที่ผลิต ตัวเลขลำดับที่ 2 และ 4 หมายถึงปีที่ผลิต ยกตัวอย่างเช่น ถ้ากระเป๋ามีหมายเลขรหัสเป็น AS0014 หมายถึง กระเป๋าใบนี้ ผลิตขึ้นที่ประเทศฝรั่งเศส (AS) เมื่อเดือน มกราคม (01)  ปี ค.ศ. 2004 (04)

การอ่านรหัสกระเป๋ารุ่นปี ค.ศ. 1990 - 2006

การอ่านรหัสกระเป๋ารุ่นปี ค.ศ. 1990 – 2006

ต้องขอบคุณความคิดริเริ่มในการระบุรหัสกระเป๋าของ Louis Vuitton ในปี 1980 ซึ่งถือเป็นต้นแบบของการผลิตกระเป๋ารุ่นต่อๆ มา ในการกำหนดรหัส เพื่อใช้ระบุที่มาที่ไปของกระเป๋า รวมถึงเดือนปีที่ผลิต เพื่อง่ายต่อการค้นหา และทำให้ง่ายต่อการยืนยันว่าเป็นกระเป๋าของแท้หรือไม่

กระเป๋าที่ผลิตตั้งแต่ปี ค.ศ. 2007 – ปัจจุบัน

ในปี 2007 การอ่าน Date Code Louis Vuitton เริ่มใช้รหัสตัวเลขของสัปดาห์แทนเดือน โดยยังจัดรูปแบบมาตรฐานเดิมเอาไว้ แต่แบ่งการระบุรหัสออกเป็น 52 สัปดาห์แทนที่จะเป็น 12 เดือน (1 ปี มี 52 สัปดาห์) ซึ่งเพิ่มความละเอียดและแม่นยำมากยิ่งขึ้น จากที่จะรู้แค่ว่ากระเป๋าของคุณผลิตที่ประเทศฝรั่งเศส ในเดือนพฤศจิกายน แต่ตอนนี้สามารถรู้ได้ว่า กระเป๋าของคุณผลิตในสัปดาห์ที่ 46 ของปีที่ผลิต (ซึ่ง 1 สัปดาห์ มี 7 วัน) ซึ่งยังไม่มีแบรนด์ไหนระบุรหัสได้ชัดเจน และละเอียดเท่า หลุยส์ วิตตอง

ต่อมาคือการขึ้นต้นด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษ 2 ตัว ตามด้วยตัวเลข 4 หลัก ตัวอักษรสองตัวแรก แสดงถึงประเทศที่ผลิต ส่วนตัวเลขตำแหน่งที่ 1 และ 3 แสดงถึงสัปดาห์ของปี และตัวเลขตำแหน่งที่ 2 และ 4 หมายถึงปีที่ผลิต ตัวอย่างเช่น ถ้ากระเป๋ามีหมายเลขรหัสเป็น SD1196 หมายถึงกระเป๋าใบนี้ ผลิตที่ประเทศ ฝรั่งเศสหรืออเมริกา (SD)  ผลิตในสัปดาห์ที่ 19 (เดือนเมษายน) ปี ค.ศ. 2016 (16)

การอ่านรหัสกระเป๋ารุ่นปี ค.ศ.2007 - ปัจจุบัน

การอ่านรหัสกระเป๋ารุ่นปี ค.ศ.2007 – ปัจจุบัน

 

Date Code จำแนกตามประเทศที่ผลิต

การระบุประเทศต้นทางที่ผลิต ดูได้ง่ายจากตัวอักษรภาษาอังกฤษ 2 ตัว ที่ระบุบนกระเป๋าของ Louis Vuitton ซึ่งรวมไปถึง รองเท้า พวงกุญแจ ผ้าพันคอ จิวเวอร์รี่ และเข็มขัด โดยในปัจจุบัน ไม่ได้มีฐานการผลิตที่ฝรั่งเศสแห่งเดียว ฉะนั้นการอ่านรหัสจะต้องทำด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ เนื่องจากของลอกเลียนแบบส่วนใหญ่ จะละเลยข้อนี้ สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่การดูรหัส เท่านั้น แต่ตัวอักษร 2 ตัวแรกที่ บ่งบอกถึงประเทศที่ผลิต จะต้องตรงกับ Heat Stamp บนตัวกระเป๋าหรือตัวสินค้านั้นๆ ด้วย 

รหัสตัวอักษร จำแนกตามประเทศที่ผลิต

รหัสตัวอักษร จำแนกตามประเทศที่ผลิต

ยกตัวอย่างเช่น รหัสกระเป๋า FL0041 ตัวอักษรภาษาอังกฤษ 2 ตัวหน้า ระบุว่าผลิตจากประเทศฝรั่งเศสหรืออเมริกา สัปดาห์ที่ 04 ปี ค.ศ. 2001 นั่นหมายความว่า ตัว Heat Stamp หรือตัวปั๊มทั้งภายในและภายนอกกระเป๋า จะต้องระบุคำว่า “Made in France” หรือ “Made in USA” เท่านั้น หากตัวปั๊มระบุประเทศอื่นที่ไม่ใช่ฝรั่งเศสหรืออเมริกา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่า อาจไม่ใช่กระเป๋าของแท้

ข้อยกเว้น : เช่นเดียวกับกฎเกณฑ์ทั่วไป ที่อาจมีข้อยกเว้นได้เสมอ ยกตัวอย่างรหัส SD ตามตารางข้างต้น SD อาจหมายถึงต้นทางการผลิตจากฝรั่งเศสหรือซานดิมัสก็ได้ (เมืองในแคลิฟอร์เนียสหรัฐอเมริกา) กระเป๋าที่ผลิตหลังจากปี 1995 เป็นต้นมา อาจหมายถึงผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยทั้งนี้ต้องดูจากตัวเลขอีก 4 ตัวประกอบด้วยเพื่อความถูกต้องแม่นยำ

นอกจากนี้ รหัส Date Code ไม่ใช่รหัสเฉพาะของกระเป๋า มันเป็นเพียงรหัสที่ระบุสถานที่ผลิตและผลิตเมื่อไหร่เท่านั้น ซึ่งหมายความว่า การซ้ำกันของรหัสบนกระเป๋าถือหลายๆ ใบเป็นเรื่องปกติ หากกระเป๋านั้นผลิตด้วยช่างฝีมือของ Louis Vuitton ในเวลาและสถานที่เดียวกัน

ยกตัวอย่างเช่น Louis Vuitton ผลิตกระเป๋า รุ่น Pochette Metis เป็นจำนวน 15 ใบ ในเวิร์กช็อปที่ประเทศฝรั่งเศส เมื่อเดือนสิงหาคม ปี ค.ศ. 2017 กระเป๋า Pochette Metis ทั้ง 15 ใบจะมีรหัสเดียวกัน มีการระบุบนแท็กหนังขนาดเล็กที่ซิปด้านหลัง โดยมีรหัสคือ FL3147 ซึ่งหมายความว่า กระเป๋าใบนี้ผลิตที่ประเทศฝรั่งเศส (ตัวอักษร FL) ตัวเลขตำแหน่งที่ 1 และ 3 คือ สัปดาห์ 34 (เดือนสิงหาคม) ตัวเลขตำแหน่ง 2 และ 4 ระบุปีที่ผลิตคือ 2017

Louis Vuitton รุ่น Pochette Metis

หลุยส์ วิตตอง รุ่น Pochette Metis

ยังมีข้อสันนิษฐานที่สมเหตุสมผล สำหรับกระเป๋า Louis Vuitton ที่ไม่มีรหัส Date code คือ อาจเกิดจากการ Re-lining หรือการเปลี่ยนซับในกระเป๋าทั้งหมด ในกรณีนี้ ทาง Louis Vuitton อาจทำการระบุรหัสใหม่ และติดตั้งมันไว้ในที่ใหม่ภายในกระเป๋าก็ได้ ซึ่งแตกต่างกันไป แล้วแต่รุ่นของกระเป๋าในแต่ละใบ โดยรหัสใหม่นี้ จะมาแทนที่รหัสเดิมของกระเป๋า รหัสที่พบได้ในกรณีที่มีการเปลี่ยนซับในมาใหม่ มีตัวอย่างดังนี้

ตัวอย่างรหัสในกรณีที่มีการ Re-lining

อย่างไรก็ดี อีกข้อสำคัญที่ควรทราบ คือ รหัสวันที่ไม่ได้เป็นสิ่งเดียวที่จะสามารถระบุว่ากระเป๋าใบนั้นเป็นของแท้หรือไม่ ปัจจุบันกระเป๋าปลอมจำนวนมากมีรหัสวันที่ ที่ตรงกับรูปแบบที่ถูกต้อง ฉะนั้นการตรวจ Date Code จึงเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในการวิเคราะห์เท่านั้น ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ที่ต้องพิจารณาควบคู่ไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นแบบอักษร, ขนาด, ตราประทับ, การเย็บ, อะไหล่ ตลอดจนงานฝีมือและวัสดุโดยรวมที่สอดคล้องกับมาตรฐานคุณภาพที่ Louis Vuitton กำหนดไว้

(สามารถติดตามดูเพิ่มเติมได้ที่ “8 วิธีดูกระเป๋า Louis Vuitton ของแท้”)

รัก
xoxo

 

KATE