To top
11 May

8 นาฬิกา Luxury ที่เหล่าสุภาพบุรุษไม่ควรพลาด

8 นาฬิกา Luxury ที่เหล่าสุภาพบุรุษไม่ควรพลาด นาฬิกาข้อมือ ถือได้ว่าเป็นเครื่องประดับชิ้นสำคัญของเหล่าบรรดาสุภาพบุรุษ ที่นอกเหนือจากการทำหน้าที่เป็นเครื่องบอกเวลาแล้ว ยังสามารถบ่งบอกถึงรสนิยม ความน่าเชื่อถือของผู้สวมใส่ เปรียบเสมือนของเล่นของสะสมและเป็นทรัพย์สินเพื่อการลงทุนในอนาคต KATEXOXO ได้ทำการรวบรวมนาฬิกา 8 รุ่น ซึ่งได้รับการยอมรับจากสุภาพบุรุษทั่วโลกว่า เป็นที่ใฝ่ฝันอยากครอบครองเป็นเจ้าของสักครั้งหนึ่งในชีวิต

 

Rolex Daytona

Rolex Daytona

Rolex Daytona สุดยอดนาฬิกาอมตะ เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1963 ตัวแทนสำหรับผู้หลงไหลในการขับขี่และความเร็ว ถูกดีไซน์ออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของนักแข่งรถมืออาชีพ เพื่อช่วยให้นักแข่งรถสามารถคำนวนเวลาที่ใช้ไปและอ่านความเร็วเฉลี่ยบนขอบหน้าปัดขนาด 40 มิลลิเมตร ที่มีคุณสมบัติเป็นมาตรวัดความเร็ว รวมถึงส่วนแสดงเวลา 3 ช่อง และปุ่มกดด้านข้าง ช่วยให้นักแข่งรถสามารถจับเวลาที่ใช้ไป โดยแสดงรูปแบบเป็นชั่วโมง นาที และวินาทีบนหน้าปัด

ชื่อรุ่น Daytona เป็นการยกย่องความสำคัญให้แก่เมือง Daytona ในรัฐฟลอริดา ซึ่งเป็นสถานที่ที่การแข่งรถและความหลงใหลในความเร็วได้รับการพัฒนาขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ขับเคลื่อนด้วยกลไก calibre 4130 กลไกการไขลานอัตโนมัติ สามารถสำรองพลังงานได้ 72 ชั่วโมง

Rolex Daytona กลไก calibre 4130

กว่า 60 ปี ที่นาฬิกา Rolex Daytona ยังคงยืนหยัดในการครองสถานะการเป็นสุดยอดโครโนกราฟของนาฬิกาสปอร์ต เป็นการรวบรวมประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์พิเศษที่เกิดขึ้นระหว่าง Rolex และการแข่งรถ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมนักแสดงและนักขับรถแข่งในตำนานอย่าง Paul Newman จึงเป็นแฟนตัวยงของนาฬิกาและ Daytona ยังคงเป็นที่หมายปองของสุภาพบุรุษทั่วโลก มาจนถึงปัจจุบัน

 

Audemars Piguet Royal Oak

Audemars Piguet Royal Oak

Audemars Piguet (โอเดอะมาร์ส ปิเกต์) หรือที่รู้จักโดยทั่วไปกับตัวย่อภาษาอังกฤษ 2 ตัว AP อีกหนึ่งแบรนด์นาฬิกาเก่าแก่ระดับ Holy Trinity ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1875 ซึ่งกว่าจะยืนหยัดเป็นแบรนด์นาฬิกาที่แข็งแกร่งมาจนถึงปัจจุบัน ได้ผ่านอุปสรรคร้อนหนาวมาอย่างมากมาย หนึ่งในนั้นคือ Quartz Crisis ซึ่งเป็นช่วงที่โลกกำลังให้การต้อนรับกับระบบนาฬิกา Quartz Movement แบบใหม่ ทำให้แบรนด์ต้องต่อสู้อย่างหนักเพื่อการอยู่รอด จึงเป็นต้นกำเนิดของสุดยอดนาฬิกาอย่าง Royal Oak

Royal Oak ออกแบบโดย Gerald Genta มาพร้อมกับหน้าปัดทรงกลมภายในกรอบแปดเหลี่ยม ซึ่งถือได้ว่าฉีกกฏเกณฑ์การออกแบบนาฬิกาในยุคสมัยนั้นเป็นอย่างมาก หน้าปัดสีน้ำเงินลายตาราง Petite Tapisserie มีตัวน็อตทรงหกเหลี่ยม 8 ตัวทำจากทองประดับอยู่ทุกมุมบนกรอบหน้าปัด การออกแบบที่น่าสนใจนี้ ทำให้ Royal Oak ได้กลายเป็นหนึ่งในนาฬิกาที่โดดเด่นที่สุดและยังคงเป็นหนึ่งในนาฬิกาที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด

ปัจจุบัน นาฬิการุ่น Royal Oak ได้รับการยอมรับ และได้รับความสนใจจากเหล่าบรรดานักสะสม ด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์และแตกต่างจากนาฬิกาทั่วไป ความเป็น sport ภายใต้รูปลักษณ์หรูหรา  โดยถูกสวมใส่บนข้อมือดารานักแสดง นักกีฬา ศิลปินแร็ปเปอร์ และนักสะสมที่ชื่นชอบแฟชั่น เรียกได้ว่าเป็นนาฬิกาเข้าถึงผู้คนได้หลากหลาย และตอบสนองความต้องการของคนในยุคปัจจุบัน ได้อย่างแท้จริง

ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ $50,300 เป็นเงินไทยประมาณ 1,750,000 บาท

 

Omega Speedmaster Moonwatch

Omega Speedmaster Moonwatch

Speedmaster นาฬิกาที่ได้รับความไว้วางใจจาก NASA ให้เป็นอุปกรณ์ประจำโครงการอวกาศ Apollo โดยถูกสวมใส่บนข้อมือของ Buzz Aldrin วิศวกรและนักบินอวกาศ ขณะขึ้นไปทำภารกิจบนดวงจันทร์เมื่อปี ค.ศ. 1969 ถูกขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 321 ซึ่งถือเป็นสุดยอดด้านเทคโนโลยี Lateral Clutch สำหรับนาฬิกาประเภท Chronograph ในขณะนั้น โดยสามารถป้องกันคลื่นสนามแม่เหล็กและ Bow Shocks ทำให้นาฬิกา Speedmaster ผ่านการทดสอบขององค์การ NASA และได้รับฉายา The Moon Watch

Speedmaster Moonwatch เป็นที่รักทั้งในโลกและนอกโลก ยังคงเป็นไอคอนที่แท้จริงในโลกแห่งการผลิตนาฬิกา สำหรับการอัปเดตล่าสุด โครโนกราฟระดับตำนานได้รับแรงบันดาลใจจากการออกแบบในอดีต ในขณะที่การรับรอง Master Chronometer มอบความน่าเชื่อถือและความเป็นเลิศมากยิ่งขึ้น ซึ่งมาพร้อมกับตัวเรือนสแตนเลสสตีลขนาด 42 มิลลิเมตร

Calibre Omega 3861

โดยรุ่นปัจจุบันนับเป็นรุ่นที่ 4 ขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre Omega 3861 พร้อมประสิทธิภาพ Chronometric และความต้านทานแม่เหล็ก สำรองพลังงานได้ 50 ชั่วโมง จากจุดเริ่มต้นจากการเป็นนาฬิกาสำหรับแข่งรถ จนก้าวข้ามไปเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจบนห้วงอวกาศ จึงไม่แปลกใจหาก Omega Speedmaster จะถูกเลือกให้เป็นเรือนเวลาคู่กาย ที่ประดับอยู่บนข้อมือของใครหลาย ๆ คน

ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ  $6500 เป็นเงินไทยประมาณ 226,400 บาท

 

Patek Philippe Nautilus 5711/1A

Patek Philippe Nautilus 5711/1A

นาฬิกาทรงสปอร์ต แต่แฝงไว้ด้วยความหรูหรา Nautilus 5711/1A เป็นหนึ่งในนาฬิกาที่เหล่านักสะสมและนักลงทุน ต้องการเป็นเจ้าของมากที่สุดรุ่นหนึ่งของโลก ออกแบบโดย Gérald Genta นักออกแบบนาฬิกาชาวสวิส มาพร้อมกับขอบหน้าปัดทรงแปดเหลี่ยมที่โค้งมน ขนาด 40 มิลลิเมตร ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากช่องหน้าต่างใต้ท้องเรือ Nautilus เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 1976 จากแนวคิดที่อยากออกแบบหน้าปัดนาฬิกาให้มีความแตกต่างจากรูปทรงสี่เหลี่ยมที่ปรากฏทั่วไปในสมัยนั้น

สำหรับนาฬิกา Nautilus Ref.5711/1A-010 เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 2006 ซึ่งตรงกับช่วงครบรอบ 30 ปี ของคอลเลกชั่น Nautilus โดยยังคงรูปแบบของตัวเรือนและสาย Stainless Steel อันมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นชัดเจนจาก Nautilus Ref.3700/001 นาฬิกา Sport Luxury รุ่นแรกของ Patek Philippe ขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 26-330 สามารถสำรองพลังงานได้ 45 ชั่วโมง สามารถกันน้ำได้ 120 เมตร ตัวเรือนและสายผลิตจาก Steel ที่มีการขัดด้านสลับเงาตลอดทั้งสาย ทำให้ดูแข็งแกร่งแต่ก็สวยงาม

Nautilus 3700/001 กับ 5711/1A-010

Nautilus 3700/001 กับ 5711/1A-010

ปัจจุบัน Nautilus 5711/1A ได้ยุติการผลิตอย่างเป็นทางการแล้ว โดยทาง Patek Philippe ให้เหตุผลว่าไม่ต้องการให้นาฬิกาเพียงรุ่นใดรุ่นหนึ่งเป็นตัวแทนของนาฬิกาอันยอดเยี่ยมอีกมากมายของแบรนด์ ซึ่งทำให้ Nautilus 5711/1A กลายเป็นไอเท่มหายาก และเป็นที่ต้องการอย่างมากของเหล่าบรรดานักสะสมและนักลงทุน เป็นอีกหนึ่งรุ่นนาฬิกาที่เหล่าบรรดาสุภาพบุรุษไม่ควรพลาดมีไว้ในครอบครอง

ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ $30,000 เป็นเงินไทยประมาณ 1,045,000 บาท

 

Richard Mille RM 005

Richard Mille RM 005

ในปี ค.ศ. 2004 Richard Mille ได้เปิดตัวนาฬิกาอัตโนมัติรุ่นแรก ภายใต้รหัส RM 005 ขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre RM 005 ซึ่งสามารถปรับได้ตามระดับกิจกรรมของผู้สวมใส่ ด้วยฟอร์มแฟคเตอร์ตามหลักสรีรศาสตร์ กับขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 37.8 มิลลิเมตร ตัวเรือนประกอบขึ้นจากวัสดุ ไททาเนียมเคลือบ PVD อันขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่ง

กลไกที่ได้รับการจดสิทธิบัตร Variable-geometry ปรับเปลี่ยนความเฉื่อยของโรเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นการเร่งกระบวนการไขลานในกรณีที่แขนและมือเคลื่อนไหวน้อยที่สุด หรือทำให้ช้าลงเมื่อมีการเล่นกีฬาที่มีกิจกรรมสูง หน้าปัดแบบ skeletonized dial ประกอบด้วยกระจกแซฟไฟร์ (sapphire) 3 ชั้น

สายนาฬิกาแบบยางยืดหยุ่นพร้อมข้อต่อแบบไร้รอยต่อที่ตัวเกี่ยว ยังปรับให้เข้ากับข้อมือทุกขนาดได้อย่างลงตัว สามารถทนทานต่อแรงกระแทกด้วย RM ของโรเตอร์ไททาเนียมคู่ที่ป้องกันการกระแทกได้อย่างสมบูรณ์ และมีน้ำหนักเบา ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นของนาฬิการุ่นนี้ สำรองพลังงานได้ 55 ชั่วโมง สามารถกันน้ำได้ที่ความลึก 100 เมตร ถือได้ว่าเป็นนาฬิการุ่นเริ่มต้นสำหรับใครที่กำลังสนใจอยากเป็นเจ้าของ Richard Mille มาไว้ในครอบครอง

 

Jaeger-LeCoultre Master Chronograph Q1538530

Jaeger-LeCoultre Master Chronograph Q1538530

Jaegar LeCoultre หรือที่รู้จักในชื่อย่อ JLC เป็นอีกหนึ่งแบรนด์นาฬิกาสวิสที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเกือบ 200 ปี สำหรับรุ่น Q1538530 เป็นหนึ่งในคอลเล็กชั่น Master Control ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 1992 โดยสืบทอดประเพณีการผลิตนาฬิกาที่ซับซ้อน ซึ่งได้รับการปลูกฝังอย่างพิถีพิถัน

ตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 40 มิลลิเมตร ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ Calibre 751G ของ Jaeger Le-Coultre ประกอบด้วยโครโนกราฟคอมเพล็กซ์พร้อมพลังงานสำรอง 65 ชั่วโมง พร้อมสายหนังจระเข้สีน้ำเงิน Q1538530 เป็นนาฬิกาที่สวยงามจากสาย Master Control โดยคงไว้ซึ่งตัวเรือนทรงกลมอันเป็นที่รักที่แสดงออกถึงความสง่างามทันสมัย ตัวเรือนสเตนเลสสตีลแบบ “ไร้ขอบ” ขัดเงายังให้รูปลักษณ์ที่ผ่อนคลาย ซึ่งสามารถสวมใส่ได้ทุกโอกาส

ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ $9,000 เป็นเงินไทยประมาณ 313,400 บาท

 

Vacheron Constantin Overseas 5500V

Vacheron Constantin Overseas 5500V

Vacheron Constantin (วาเชอรอง คอนสแตนติน) หนึ่งในแบรนด์นาฬิการะดับ “Holy Trinity” ซึ่งเก่าแก่ที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลก นาฬิกาทุกเรือนในคอลเล็กชั่น Overseas เป็นนาฬิกาที่หรูหราแต่ดูสบาย ๆ สำหรับเหล่าสุภาพบุรุษ มาพร้อมโครโนกราฟแบบคอลัมน์วีลที่ได้รับการปรับปรุงโดยช่องแสดงวันที่ระหว่าง 4 ถึง 5 นาฬิกา หน้าปัดขนาด 42.5 มิลลิเมตร เผยให้เห็นสีน้ำเงินแลคเกอร์โปร่งแสง

ด้านหลังเผยให้เห็นน้ำหนักที่แกว่งไปมาในทองคำ 22K พร้อมการตกแต่งที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสายลม ด้วยตัวล็อคและระบบของสายที่เปลี่ยนได้ง่ายสามสาย – เหล็ก หนัง และยาง – นาฬิกาสามารถปรับแต่งตามความต้องการของเจ้าของ ตัวบอกเวลาและเข็มเคลือบด้วยสารเรืองแสง Super-LumiNova ซึ่งเป็นวัสดุเรืองแสงที่เก็บแสงในระหว่างวันและเรืองแสงเมื่ออยู่ในความมืด ขับเคลื่อนด้วยกลไก อัตโนมัติ Calibre 1315 สำรองพลังงานได้ 52 ชั่วโมง สามารถกันน้ำได้ 300 เมตร

ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ $40,000 เป็นเงินไทยประมาณ 1,400,000 บาท

 

Hublot Big Bang 301.SX.1170.RX.

Hublot Big Bang 301.SX.1170.RX.

บิ๊กแบง (Big Bang) เป็นนวัตกรรมรุ่นแรกสุดของอูโบลต์ (HUBLOT) นาฬิกาสัญชาติสวิส จากความมุ่งมั่นสู่ “ศิลปะแห่งการผสมผสาน”  ด้วยการผสานรวมวัสดุหลายชั้นที่ประกอบกันเป็นตัวเรือนอย่างยอดเยี่ยมทำให้ได้รับรางวัล Best Sports Professional watch ในปี 2005 (ปีแรกของการเปิดตัว) ที่งาน Grand Prix d’Horlogerie de la Ville de Geneve นอกจากรูปลักษณ์แนวสปอร์ตที่หรูหราแบบไม่เหมือนใครแล้ว HUBLOT ยังได้มีการพัฒนากลไกภายในตัวเรือน ให้มีความแม่นยำสูงสุดจนเป็นที่ยอมรับ

Hublot รหัส 301.SX.1170.RX ตัวเรือนสแตนเลสสตีลขนาด 44 มิลลิเมตร พร้อมสกรูไทเทเนียมรูปตัว H 6 ตัว ขับเคลื่อนด้วยกลไก Hublot Calibre HUB4100 6101 โครโนกราฟไขลานอัตโนมัติ สำรองพลังงานได้ 42 ชั่วโมง กันน้ำได้ 100 เมตร สายนาฬิกายางสีดำ เพิ่มความสปอร์ตดุดัน หน้าปัดเป็นกระจกแซฟไฟร์พร้อมระบบป้องกันแสงสะท้อน

ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ $13,000 เป็นเงินไทยประมาณ 453,000 บาท

หลักเกณฑ์ของการเลือกนาฬิกา นอกเหนือจากดีไซน์ความสวยงามภายนอกแล้ว ระบบกลไกภายในรวมถึงความเที่ยงตรงก็มีความสำคัญเช่นกัน นาฬิกาที่ประดิษฐ์ขึ้นอย่างประณีตเป็นสัญลักษณ์แสดงสถานะทางสังคม รวมถึงรสนิยม แสดงออกถึงเอกลักษณ์ส่วนตัวของผู้สวมใส่ สามารถเป็นสัญลักษณ์ของช่วงเวลาสำคัญในชีวิตของคน ๆ หนึ่งได้ ดังนั้นการที่คุณเลือกประดับนาฬิกาชั้นดีไว้บนข้อมือ ถือเป็นการบ่งบอกถึงความพิเศษของคุณโดยตรง และทั้งหมดนี้คือ 8 เรือนเวลา Luxury ที่เหล่าสุภาพบุรุษไม่ควรพลาด

รักนะหนุ่มๆ
xoxo

KATE