To top
20 Mar

LV Stella Times Collection แรงบันดาลใจจากเหล่าดาวเคราะห์

LV Stella Times Collection คือคอลเล็กชั่นเครื่องประดับชั้นสูง ลำดับที่ 2 จาก Louis Vuitton คอลเล็กชั่น ที่จะพาเหล่าผู้หลงไหลในอัญมณี สู่ห้วงอวกาศนอกโลก กับผลงานที่ได้รับแรงบันดาลใจจากฝูงดาวเคราะห์ที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี การเดินทางอันน่าอัศจรรย์สู่ใจกลางจักรวาล ไปยังมุมที่ห่างไกลจากกาแลคซีด้วยธีม 7 แบบ ก่อเกิดอัญมณี ที่เปล่งประกายสีสันและความสวยงามแบบที่ไม่เคยปรากฏที่ไหนมาก่อน วันนี้ เราจะพาทุกคน ร่วมท่องไปในจักรวาลกว้าง สำรวจความสวยงามอันเปล่งประกายนี้ไปพร้อม ๆ กัน

LV Stella Times Collection

คอลเล็กชั่นเครื่องประดับชุดนี้ ได้รับการออกแบบโดย  Francesca Amfitheatrof อาร์ททิสติกไดเรกเตอร์แห่งคอลเล็คชั่นหลุยส์ วิตตองจิวเวลรี่ ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากห้วงอวกาศ กับเดินทางข้ามไปยังที่แสนไกลของกาแล็กซี่ เพื่อสร้างสรรค์คอลเล็คชั่นจิวเวลรี่ชั้นสูงที่ร่วมสมัยที่สุด ที่ซึ่งอัญมณีได้ถ่ายทอดภาพความงามอันสุดตระการตาของจักรวาลออกมาอย่างไร้ที่ติ ซึ่งเธอกล่าวว่า ฉันหลงใหลในความยิ่งใหญ่ของจักรวาล การเดินทางผ่านอวกาศ และความรู้สึกฉงนสงสัยในความสวยงามของจักรวาลด้วย

เพื่อถ่ายทอดและเน้นให้เห็นถึงอัญมณีอันล้ำค่า มาสเตอร์จิวเวลเลอร์แห่งหลุยส์ วิตตอง ต้องเอาชนะความท้าทายทางเทคนิคมากมายด้วยความแม่นยำที่สุด เพื่อให้ได้มาซึ่งงานสร้างสรรค์อันซับซ้อนอย่างน่าเหลือเชื่อ โดย LV Stella Times Collection นี้ ได้รับแรงบันดาลใจจาก 7 ธีมที่มาจากกาแล็กซี่ โดยแต่ละธีมนั้นถ่ายทอดออกมาเป็นผลงานมาสเตอร์พีซที่ผสมผสานอัญมณีอันโดดเด่น ความคิดสร้างสรรค์ที่หาญกล้า และความเชี่ยวชาญทางเทคนิคเข้าไว้ด้วยกัน

เครื่องประดับชิ้นมหึมาทั้งหมด 90 ชิ้น ถูกประกอบขึ้น เป็นเครื่องประดับในคอลเล็กชั่น Stella times นี้ อันได้แก่ เพชร (Diamonds), โอปอล (Opals) , ไพลิน (Sapphires) , ทับทิม (Rubies) , มรกต (Emeralds) , สปิเนล (Spinels) และทัวร์มาลีน (Tourmalines) ซึ่งแต่ละชนิดได้รับการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน เพื่อคุณภาพที่โดดเด่น ทำให้กาแล็กซี่อันมืดมิดและโดดเดี่ยว มีความสว่างสไวขึ้น จากเครื่องประดับที่เปรียบเสมือนดาวเคราะห์สุกปลั่ง ทั้ง 7 ชุด ได้แก่ Lune Bleue , Apogée , Planète Bleue , Astre Rouge , Soleils , Céleste และ Interstellaire

 

Lune Bleue

สร้างความโรแมนติกให้กับ “ดวงจันทร์” สีน้ำเงินผสมผสานแซฟไฟร์สีน้ำเงินของศรีลังกาและมาดากัสการ์เข้ากับเพชรที่เปล่งประกาย บนสร้อยคอ แหวน และต่างหู โดยเครื่องประดับชุดนี้ มีจุดเด่นอยู่ที่สร้อย ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจของ Lune Bleue ชุดนี้ อันใช้เวลาในการสร้างสรรค์สร้อยคอนี้ร่วม 900 ชั่วโมง ในการสร้างลวดลายกระดานหมากรุกอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ผ่านสร้อยคอหนา ที่ผ่านการทำลวดลายที่ซับซ้อนและปราณีตอย่างหาที่ติมิได้

 

Apogée

เครื่องประดับชุด Apogée จะพาคุณดำดิ่งไปสู่ห้วงลึกสีน้ำเงินของจักรวาล โดยมีการสะท้อนของสีเขียวครามและสีน้ำเงินม่วง อันดูสวยงามและลึกลับ จุดเด่นของเครื่องประดับชุดนี้ อยู่ที่สร้อยคอ ซึ่งมีการประดับประดาด้วยทัวร์มาลีนสีครามที่หายากมาก มีน้ำหนักถึง 34.88 กะรัต พร้อมสีเทอร์ควอยซ์ที่สดใส เปล่งประกายอยู่ท่ามกลางความลึกลับของจักรวาล ที่พร้อมให้ทุกคน เข้าไปค้นหา

 

Planète Bleue

เครื่องประดับทั้งหกชิ้นในชุด Planète Bleue นี้แสดงถึงตัวตนของโลกในกาแล็กซี่ของเรา สื่อให้เห็นความสวยงามของ “โลก” ที่เราอาศัยอยู่ โดยใช้อัญมณีสีเขียวและสีน้ำเงินเป็นตัวแทนความสวยงามและโดดเด่นในเครื่องประดับชุดนี้ จุดเด่นอยู่ที่ จี้สร้อยคอประดับด้วย แซฟไฟร์สีน้ำเงินเข้มขนาด 16.49 กะรัต จากมาดากัสการ์และบาแกตต์เพชรแท้อันงดงาม อีกทั้งสายสร้อยประดับด้วยมรกตแซมเบีย ขนาด 4.63 กะรัต และสิ้นสุดที่การตกแต่งด้วยแซฟไฟร์ทรงลูกแพร์จากมาดากัสการ์ ขนาด 13.77 กะรัต

 

Astre Rouge

เครื่องประดับชุด Astre Rouge ตัวแทนของดาวเคราะห์สีแดงอย่าง “ดาวอังคาร” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการพิชิตจักรวาล ความแข็งแกร่ง และพลังงาน โดยอัญมณีที่นำมาใช้ประดับเครื่องประดับชุดนี้ จะเน้นไปที่ ทับทิมจากโมซัมบิก ซึ่งใช้เวลากว่าสองปีในการหาแหล่ง และการเจียระไนเพชรเป็นรูปทรงต่างๆตั้งแต่ทรงกลมและทรงรีไปจนถึงเนเวตต์ (navette) และ ลูกแพร์ (pear) โดยใช้การเจียระไนเพชรที่แตกต่างกันเพื่อกระจายแสงรอบ ๆ ดาวเคราะห์สีแดงอันงดงาม

จุดเด่นของเครื่องประดับชุดนี้ อยู่ที่สร้อยคอ Astre Rouge ที่ตัวสร้อยทำจากทองคำขาว และทองเหลือง ผสมผสานทับทิมทรงรี 7 เม็ดน้ำหนักรวม 12.59 กะรัตและเพชรขนาด 15.33 กะรัต นับเป็นการออกแบบเครื่องประดับ ที่สามารถเปล่งประกายความสวยงาม รวมถึงพลังงานที่น่าเกรงขามได้อย่างน่าทึ่ง

 

Soleils

สำหรับเครื่องประดับชุดนี้ มีชื่อว่า “Soleils” เป็นชุดที่แสดงถึงจุดศูนย์กลางที่สำคัญของระบบสุริยะของเราและเป็นสิ่งที่ทำให้โลกมีชีวิตชีวา อีกทั้งยังสื่อถึงความแข็งแรง ทรงอำนาจ แต่ยังงดงาม นั่นก็คือ “ดวงอาทิตย์” ไฮไลท์ของเครื่องประดับชุดนี้อยู่ที่ สร้อยคอ ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ มีทั้งหมดสี่แถวด้วยกัน ออกแบบให้มีลวดลายกระดานหมากรุก เอกลักษณ์ของแบรนด์ ประดับตกแต่งด้วยแซฟไฟร์สีเหลือง จากศรีลังกา เป็นจำนวน 3 ชิ้น มีขนาด 8.48, 14.52 และ 35.38 กะรัต ตามลำดับ

 

Céleste

สร้อยคอ Céleste

สร้อยคอ Céleste

เมื่อโลกได้ถือกำเนิดขึ้น กองกำลังที่ไม่รู้จักได้สร้างทั้งอวกาศและสวรรค์ ท่ามกลางกาแลคซีแห่งนี้ เครื่องประดับชุด Céleste เปล่งประกายด้วยแสงอันน่าอัศจรรย์ ผ่านพลังของสร้อยคอแบบ อสมมาตรที่ประกบกันอย่างสวยงามและลงตัว รูปตัววีลักษณะเป็นร่องน้ำบริเวณรอบสร้อยคอ ส่องประกายระยิบระยับ เรียงรายไปด้วยมรกตเพชรและแซฟไฟร์สีน้ำเงินสองแถวสะท้อนความแวววาวของโอปอลออสเตรเลียดำ 22.87 กะรัต

 

Interstellaire

สร้อยคอ Interstellaire

สร้อยคอ Interstellaire

เครื่องประดับชุดที่ 7 Interstellaire สื่อถึงความสวยงามของเหล่าดาวเคราะห์หลากสี ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ ในเครื่องประดับชุดนี้จะประกอบไปด้วย แหวน สร้อยคอ ต่างหู และจี้ เป็นตัวแทนของแสงและสี ซึ่งเป็นธีมหลักของคอลเล็กชั่นนี้ จุดเด่นอยู่ที่สร้อยคอ ซึ่งจะช่วยเปล่งประกายเพิ่มความโดดเด่นให้กับผู้สวมใส่ ด้วยพลอยหลากสีจำนวน 153 เม็ด น้ำหนักรวม 193.44 กะรัต

 

Sewelo : The Second Largest Rough Diamond Ever Discovered

เพชรดิบ ที่มีชื่อว่า Sewelo ซึ่งมีความหมายว่า “หายาก” (Rare Find) ในภาษาสวานา มาพร้อมกับขนาด 1,758 กะรัต (ขนาดใหญ่เท่ากับลูกเทนนิส ขนาดของมันคือ 83 มม. x 62 มม. x 46 มม. และมีน้ำหนัก 352 กรัม) ถูกค้นพบ เมื่อเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 2019 ในประเทศบอตสวานา ทวีปแอฟริกา เป็นเพชรดิบที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก โดย Louis Vuitton ได้เข้าซื้อเพชรดิบนี้ จาก Lucara Diamond Corporation บริษัทเหมืองเพชรจากแคนาดา เพื่อนำมาเจียระนัย เป็นเครื่องประดับชั้นสูงของแบรนด์

การค้นพบของหลุยส์ วิตตอง กับเพชร Sewelo นับเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่ ของวงการเครื่องประดับชั้นสูง อันเป็นการตอกย้ำในเรื่องของศิลปะรวมถึงความปราณีตในการรังสรรค์ชิ้นผลงาน ที่สามารถเจียระไนเพชรออกมาในรูปแบบ Made-to-order ให้กลายเป็นเพชรหลากขนาดและรูปทรงตามความต้องการ พร้อมทั้งนำไปผสานในการดีไซน์เครื่องประดับจิวเวลรีชั้นสูง ให้เป็นชิ้นงานที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกเท่านั้น

หลุยส์ วิตตอง ยังเป็นเจ้าของสิทธิบัตรรูปแบบการเจียระไนเพชร LV Cut และ Flower Cut ที่ได้เริ่มพัฒนานวัตกรรมมาตั้งแต่ก่อนการเปิดตัวของจิวเวลรีชั้นสูงของหลุยส์ วิตตอง คอลเล็กชั่นแรกในปี 2008 โดยเป็นเทคนิคพิเศษในการเจียระไนเพชรให้เป็นรูปดอกไม้จากลวดลายโมโนแกรมของ หลุยส์ วิตตอง เฉพาะเท่านั้น

จิตวิญญาณของแบรนด์ที่ไม่ย่อท้อ เป็นแรงขับเคลื่อนเพื่อสำรวจดินแดนที่ไม่เคยมีใครสังเกตเห็น เป็นจุดเด่นของแบรนด์ Louis Vuitton ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2008 ที่ทางแบรนด์ได้เปิดโลกอัญมณีชั้นสูง เป็นเวลาหลายปีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เครื่องประดับของ Louis Vuitton โดดเด่นด้วยการออกแบบที่สดใส ความคิดที่กล้าแหวกแนวเพื่อความแตกต่าง คุณสมบัติเหล่านี้นำไปสู่การสร้าง Magnetic Stellar Times อัญมณีที่เปล่งประกายและความสวยงาม อยู่ท่ามกลางห้วงอวกาศอันเลอค่าอย่างแท้จริง

รัก
xoxo

KATE