Louis Vuitton มือสอง วิธีเลือกซื้อและรุ่นที่ต้องมี การเป็นเจ้าของกระเป๋า Louis Vuitton เป็นประสบการณ์ที่พิเศษ ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการคอมพลีตลุคการแต่งตัวของคุณ ด้วยกระเป๋าจากแบรนด์ฝรั่งเศสสุดหรูนี้ และด้วยความนิยมและชื่อเสียงของแบรนด์ ทำให้ปัจจุบัน เกิดปัญหาสินค้าปลอมแปลงเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากคุณยังเป็นมือใหม่ในวงการแบรนด์เนม อาจเป็นการยากในการสังเกตความแตกต่างระหว่างของแท้และของปลอมแปลง
ในบทความนี้ KATE XOXO จะมาแนะนำทริคในการสังเกตกระเป๋า Louis Vuitton มือสอง โดยปฏิบัติตามเคล็ดลับเหล่านี้ คุณจะมั่นใจได้ว่า คุณจะได้เป็นเจ้าของกระเป๋า Louis Vuitton ของแท้แน่นอน รวมถึงแนะนำกระเป๋ารุ่นที่ได้รับความนิยม สำหรับมือใหม่ที่กำลังตัดสินใจเลือกกระเป๋าแบรนด์เนมใบแรก มาไว้คู่กายคู่ใจ
Guide for buying a pre-owned Louis Vuitton
1. Authenticity Stamp : ตราประทับ วิธีที่เห็นได้ชัดที่สุดในการตรวจสอบความถูกต้องของกระเป๋าหลุยส์วิตตองคือการมองหาตราประทับที่ระบุว่า “Louis Vuitton” และ “Made in France” (หรือประเทศอื่น ๆ ตามต้นทางประเทศที่ผลิต โดยจะต้องสอดคล้องกับตัวรหัส Date Code)
ลักษณะของตัวปั๊ม จะต้องมีความคมชัด ไม่มีการกดลงบนชั้นหนังลึกเกินไปจนเกิดรอยบุ๋มบนหนัง ตัวอักษรไม่บิดเบี้ยว ไม่เลอะเทอะในกรณีที่เป็นตัวปั๊มสี ข้อสังเกตง่ายๆของฟ้อนตัวอักษรคือ หางบนตัว L จะสั้นมาก ส่วนตัว O จะกลมเท่ากัน และในตัว T ทั้ง 2 ตัวอยู่ติดกันมากจนดูกลมกลืนเหมือนเป็นคำ ๆ เดียวกัน อีกทั้งตัวอักษรจะบาง ไม่หนาจนเกินไป
แน่นอนว่าสินค้าปลอมจำนวนมากจะมีตราประทับเช่นกัน อย่าลืมเปรียบเทียบตราประทับกับของแท้อย่างใกล้ชิดเพื่อดูว่าแบบอักษรและตัวอักษรเหมือนกันทุกประการหรือไม่ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ วิธีดูกระเป๋า Louis Vuitton ของแท้สำหรับมือใหม่
2. Match the Date Code with the Stamp : Date Code คือรหัสที่จะทำการระบุได้ว่ากระเป๋าใบนั้น ๆ ถูกผลิตเมื่อไหร่ ที่ประเทศอะไร จะประกอบด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษด้านหน้า 2 ตัว ซึ่งหมายถึงประเทศผู้ผลิต ตามด้วยหมายเลข 3-4 หลัก ซึ่งเป็นการระบุว่ากระเป๋าถูกผลิตขึ้นเมื่อใด สิ่งสำคัญที่สุดในการทำการตรวจสอบกระเป๋านั้น จะต้องแน่ใจว่า ตัวรหัส Date Code ที่ปรากฏจะต้องสัมพันธ์กันกับ Heat Stamp ที่ระบุประเทศที่ผลิต made in ตามด้วย (ประเทศที่ผลิต) บนตัวกระเป๋าด้วย
- วิธีอ่าน Datecode กระเป๋า Louis Vuitton ฉบับกูรู
- เจาะลึก 8 วิธีตรวจกระเป๋าแบบกูรู
- How To วิธีอ่าน Datecode กระเป๋า Louis Vuitton ฉบับอัพเดต
ปัจจุบัน กระเป๋า Louis Vuitton ทุกใบจะมาพร้อมกับ Microchips ซึ่งมาแทนที่ตัวอักษร Datecode ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2021 เป็นต้นมา
สำหรับเทคโนโลยีใหม่นี้ มีการระบุลักษณะเฉพาะของกระเป๋าแต่ละใบซึ่งแตกต่างกันไป ที่สำคัญจะถูกฝังอยู่ในตำแหน่งที่ไม่สามารถนำออกมาได้ เว้นเสียแต่จะทำลายหรือแยกชิ้นส่วนกระเป๋าออกเป็นชิ้น ๆ เท่านั้น ซึ่งนับว่าเป็นก้าวใหม่ของการแก้ไขปัญหาการลอกเลียนแบบได้อย่างดีเยี่ยม โดยบุคคลภายนอกจะไม่สามารถเพิ่มข้อมูลใด ๆ เข้าไปในฐานข้อมูลได้เลย ด้วยระบบความปลอดภัยอันเป็นส่วนตัวของ LVMH ซึ่งรายละเอียดที่ไมโครชิพจะแสดงให้ทราบ มีดังนี้
- สถานที่ ที่กระเป๋าถูกผลิต (ประเทศและโรงงานผลิต)
- คำอธิบาย (Description) เฉพาะของกระเป๋า เช่น รุ่น หรือขนาดต่าง ๆ
- รหัสของกระเป๋า (Style Code)
- วันที่กระเป๋าถูกจำหน่าย
- รายละเอียดต่าง ๆ ของลูกค้าที่ซื้อกระเป๋าไป (Customer Details)
- ร้านค้า / Website ที่กระเป๋าถูกจำหน่ายออกไป รวมทั้งชื่อของพนักงานผู้เป็นคนขายกระเป๋าใบนั้น ๆ
3. Stitching : ในกระเป๋าลาย Monogram รุ่นคลาสสิค จะใช้ด้ายลินินคุณภาพสูง โดยทั่วไปสีของด้ายที่เย็บจะเป็นสีเหลืองมัสตาร์ด จะไม่ใช้สีเหลืองสด ตัวด้ายจะมีการเคลือบด้วยขี้ผึ้ง เพื่อป้องกันการหลุดลุ่ย การตัดเย็บ ช่องไฟ ควรมีความสม่ำเสมอ เรียบร้อย เป็นระเบียบ ฝีเย็บที่ไม่เรียบร้อย หนาหรือบางเกินไป รวมถึงมีการหลุดรุ่ยบิดเบี้ยว นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ดีเท่าใดนัก ในส่วนของหูจับของกระเป๋าแต่ละใบ จะถูกประกบเข้าด้วยกันโดยกาวยึดหนังชนิดพิเศษ
ขอบมุมของกระเป๋า (Trim) จะใช้วัสดุหนังชนิดพิเศษที่มีชื่อเรียกว่า “Vachetta leather” เป็นหนังวัวแท้ ซึ่งในเริ่มแรกจะมีสีขาวนวล และจะเปลี่ยนสีน้ำตาลเข้ม หรือแม้แต่สีน้ำตาลแดง อันเป็นการทำปฏิกิริยาธรรมชาติของหนังชนิดนี้กับสภาพอากาศ รวมถึงอายุของกระเป๋า (อาจแตกต่างไปตามแต่วิธีการเก็บรักษากระเป๋าของแต่ละคน) กระเป๋าปลอมส่วนใหญ่ ทำจากพลาสติก มีสีขาว และจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงของสี แม้จะผ่านการใช้งานมานานแค่ไหนก็ตาม
4. Pattern : ลวดลาย Classic Monogram ประกอบด้วยตัวอักษร LV ตัวใหญ่ไขว้กัน โดยที่ตัวอักษร V จะอยู่เหนือตัวอักษร L เล็กน้อย อีกทั้งยังประกอบไปด้วยลายดอกไม้ 4 กลีบที่เรียกว่า fleur-de-lys (เฟลอร์เดอลีส) แบบทึบ และแบบโปร่งในกรอบสี่เหลี่ยม , ลายดอกไม้ 4 กลีบขอบกลม จะไม่มีสัญลักษณ์แบบอื่นหรือดอกไม้แบบอื่นนอกจากที่กล่าวมาข้างต้น
บนกระเป๋าของแท้ โลโก้บนลาย Monogram มีส่วนสำคัญอย่างมาก ยกตัวอย่างจุดสังเกตคือ จากจุดตะเข็บของกระเป๋า หากเริ่มต้นด้วยลายดอกไม้ 4 กลีบ ปลายจบของกระเป๋าจะต้องจบด้วยลายดอกไม้ 4 กลีบเสมอ หรือเมื่อเริ่มต้นจากลายดอกไม้เพียงครึ่งเดียว ปลายจบก็จะเป็นลายดอกไม้เพียงครึ่งเดียวเช่นกัน รูปแบบการวางลายควรมีลักษณะตรงกัน ไม่เบี้ยวหรือคด
ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ : กระเป๋ารุ่น Speedy จะทำการตัดเย็บขึ้นรูปจากแผ่นหนังเพียงแผ่นเดียว นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมลายอีกด้านหนึ่งของกระเป๋าจึงกลับหัว หากพบเห็นกระเป๋ารุ่น Speedy ลายทั้ง 2 ด้านของกระเป๋าตั้งตรงเป็นแนวเดียวกัน หรือลายมีความบิดเบี้ยวไม่คมชัด ให้ฟันธงได้เลยว่าเป็นของปลอม
Ready for Your Dream Designer Bag ?
ต่อจากนี้คือ Louis Vuitton มือสอง สำหรับมือใหม่ที่กำลังมองหากระเป๋าแบรนด์เนมคู่ใจใบแรก ในราคาที่สามารถจับต้องได้ รวมถึงดีไซน์คลาสสิก ที่ยังอินเทรนด์เสมอ แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม และนี่คือ 5 รุ่นที่ KATEXOXO อยากแนะนำ
Louis Vuitton Pochette Accessoires
Louis Vuitton Pochette Accessories เป็นกระเป๋าคลาสสิกที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Iconic Bag ของแบรนด์อีกหนึ่งรุ่น และยังมีการนำมา Re-Edition หลายต่อหลายครั้ง แต่คงความเป็นเอกลักษณ์รูปทรงของกระเป๋าเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะมีขนาดเล็ก แต่ก็มาพร้อมกับฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะใช้เป็นคลัทช์ กระเป๋าที่ใช้คู่กับกระเป๋าสะพายใบเก่งของคุณ หรือใช้เป็นกระเป๋าสะพายแบบใบเดี่ยวก็ได้
ราคามือสองจะจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 30,000 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับสภาพและปีที่ผลิตกระเป๋า)
Louis Vuitton Speedy 30
Louis Vuitton Speedy 30 ที่อยู่ในลิสท์กระเป๋า It Bag ในฝันของสาว ๆ หลาย ๆ คน เป็นกระเป๋ายอดฮิตตลอดกาลของ Louis Vuitton และยังเป็น Iconic Bag ของแบรนด์อีกด้วย Speedy นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่เปลี่ยนจากกระเป๋าเดินทางชั้นสูงขนาดใหญ่ มาเป็นกระเป๋าที่ใช้ในชีวิตประจำวันอันสมบูรณ์แบบ เหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์ชีวิตของคนเมือง Speedy สามารถบรรจุของได้เยอะ สื่อถึงความเป็นผู้หญิง สง่างาม และมีรูปทรงที่โดดเด่น อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
ราคามือสองจะจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 27,914 – 83,743 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับสภาพและปีที่ผลิตกระเป๋า)
Louis Vuitton Neverfull MM
Louis Vuitton Neverfull MM เป็นกระเป๋ายอดนิยมที่สร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์อีกหนึ่งใบ เพราะรูปทรงที่ถูกออกแบบมาอย่างสวยงาม ปราณีต ทำให้ใช้งานได้หลายโอกาส แมทช์กับแฟชั่นในทุกยุคทุกสมัยได้อย่างลงตัว สิ่งที่พิเศษในกระเป๋ารุ่นนี้ที่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่ทราบ คือ Louis Vuitton Neverfull MM สามารถใช้งานได้ทั้งสองด้าน หรือแบบ Reversible Bag และกระเป๋าทุกใบจะได้รับการทดสอบการรับน้ำหนัก และความคงทนของสายสะพายก่อนออกจำหน่าย
ราคามือสองจะจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 40,000 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับสภาพและปีที่ผลิตกระเป๋า)
Louis Vuitton Alma BB
Louis Vuitton Alma BB กระเป๋าที่มีรูปทรงโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เป็นที่จดจำของผู้คนเมื่อพบเห็นเพียงครั้งแรก ทำให้กระเป๋าใบนี้เป็นที่นิยมของสาว ๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน Alma นั้น ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากศิลปะ Art Deco โดยจุดเริ่มต้นของการสร้างกระเป๋าใบนี้นั้นเกิดจากการสั่งทำกระเป๋าแบบพิเศษของ เจ้าแม่แห่งวงการแฟชั่นอย่าง Coco Chanel นี่คือกระเป๋าที่ถูกขนานนามว่า “Archetype of a feminine city bag ”
ราคามือสองจะจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 40,000 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับสภาพและปีที่ผลิตกระเป๋า)
Louis Vuitton NéoNoé
Louis Vuitton Noé สุดยอดกระเป๋าคลาสสิก ที่เคยโด่งดังมากในช่วงยุค 90s โดยการสร้างกระเป๋าใบนี้ในครั้งแรกนั้น Gaston Louis Vuitton ได้รับออเดอร์พิเศษจากผู้ผลิตแชมเปญรายใหญ่ ในปี ค.ศ. 1932 เพื่อผลิตกระเป๋าสำหรับบรรจุขวดไวน์และแชมเปญ เพื่อมอบเป็นของขวัญให้ลูกค้าคนสำคัญ สำหรับ Louis Vuitton NeoNoé ที่ได้รับการรีดีไซน์ใหม่นี้ มีรูปทรงที่สวยงามสะดุดตา เป็นการผสมผสานความคลาสสิกและความทันสมัยได้อย่างลงตัว ทำให้กระเป๋าดูทะมัดทะแมงและเป็นที่นิยมมากขึ้น
ราคามือสองจะจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 53,000 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับสภาพและปีที่ผลิตกระเป๋า)
กระเป๋า Louis Vuitton นั้นเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับตลาดสินค้าแบรนด์เนม เพราะนอกจากจะมีราคาที่สามารถจับต้องได้โดยง่าย และเป็นกระเป๋าคลาสสิกของแบรนด์แล้ว บางรุ่นนั้นยังเป็น Investment Bag ที่คุ้มค่าเหมาะกับการลงทุน เนื่องจากมีความต้องการในตลาดสูง และแบรนด์เองก็มีการปรับราคาสินค้าขึ้นทุก ๆ ปี จะเห็นได้ว่ากระเป๋าแบรนด์เนมไม่ได้เป็นแค่สินค้าฟุ่มเฟือยเพียงเท่านั้นแต่ยังเป็นสิ่งที่มีคุณค่าด้านจิตใจ และด้านทรัพย์สิน เพราะมูลค่าของกระเป๋านั้นเพิ่มขึ้นตามของต้องการของตลาดอยู่เสมอ
รัก
xoxo