To top
10 Jul

How to วิธีอ่าน Louis Vuitton Datecode ฉบับอัพเดต

How to วิธีอ่าน Louis Vuitton Datecode ฉบับ 2023 หลุยส์ วิตตอง แบรนด์หรูสัญชาติฝรั่งเศส สัญลักษณ์ของแฟชั่นชั้นสูงและประวัติศาสตร์ของการเดินทาง ที่มีความซับซ้อนมากกว่าศตวรรษ ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน และผลิตภัณฑ์เครื่องหนังของแบรนด์ที่มีคุณภาพและขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน สินค้าจากหลุยส์ วิตตอง จึงถือเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ ซึ่งที่เป็นที่รู้จักและเป็นที่ต้องการมากที่สุดในโลก

ลักษณะเฉพาะอย่างหนึ่งของกระเป๋า Louis Vuitton ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นั่นก็คือรหัส Datecode ซึ่งเป็นชุดตัวอักษรและตัวเลขที่ประทับอยู่ภายในตัวสินค้า เพื่อระบุว่าสินค้าชิ้นนั้น ๆ ถูกผลิตเมื่อใดและถูกผลิตขึ้นที่ไหน โดยรหัสเหล่านี้ สามารถให้ข้อมูลที่มีค่าเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดและประวัติของสินค้า รวมถึงให้เบาะแสเกี่ยวกับความถูกต้องของสินค้า รวมถึงความเป็นของแท้อีกด้วย ในบทความนี้ KATEXOXO จะพาเจาะลึกรหัส Datecode ของ Louis Vuitton รวมทั้งสำรวจความหมาย ความสำคัญ และวิธีการอ่านรหัสเหล่านี้

 

Country Codes : รหัสประเทศที่ผลิต

ส่วนแรกของรหัส Datecode ของ Louis Vuitton มักจะประกอบด้วยตัวอักษรสองหรือสามตัวที่บ่งบอกถึงโรงงานผลิตต้นทางของสินค้านั้น ๆ โดยปกติแล้วจะจัดกลุ่มตามประเทศ เนื่องจากจะสอดคล้องกับ “made in” หรือประเทศผู้ผลิตที่ปรากฎบนฉลากโลโก้ (logo label)

ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้บ่อยคือ “SD” ซึ่งระบุว่าสินค้าดังกล่าวถูกผลิตขึ้นจากโรงงาน ซานดิมาส (San Dimas) แคลิฟอร์เนีย แต่ทาง Louis Vuitton ก็ไม่ได้ใช้ชื่อย่อของเมือง เป็นรหัสเสมอไป เนื่องจากรหัสแต่ละรหัสถูกสร้างขึ้นโดยแบรนด์และใช้เป็นตัวบ่งชี้ถึงแหล่งกำเนิดของโรงงานเท่านั้น ตัวอย่างนี้จะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนด้วยรหัสประเทศ “TX” ซึ่งระบุว่าสินค้านั้นผลิตขึ้นที่โรงงานของ Louis Vuitton ในเมืองอัลวาราโด (Alvarado) รัฐเท็กซัส (Texas)

Louis Vuitton Factory Location Codesรหัสเดทโค้ด LV-Country Codes

ยกตัวอย่างเช่น รหัสกระเป๋า FL0041 ตัวอักษรภาษาอังกฤษ 2 ตัวหน้า ระบุว่าผลิตจากประเทศฝรั่งเศสหรืออเมริกา สัปดาห์ที่ 04 ปี ค.ศ. 2001 นั่นหมายความว่า ตัว Heat Stamp หรือตัวปั๊มทั้งภายในและภายนอกกระเป๋า จะต้องระบุคำว่า “Made in France” หรือ “Made in USA” เท่านั้น หากตัวปั๊มระบุประเทศอื่นที่ไม่ใช่ฝรั่งเศสหรืออเมริกา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่า อาจไม่ใช่กระเป๋าของแท้

ข้อยกเว้น : เช่นเดียวกับกฎเกณฑ์ทั่วไป ที่อาจมีข้อยกเว้นได้เสมอ ยกตัวอย่างรหัส SD ตามตารางข้างต้น SD อาจหมายถึงต้นทางการผลิตจากฝรั่งเศสหรือซานดิมัสก็ได้ (เมืองในแคลิฟอร์เนียสหรัฐอเมริกา) กระเป๋าที่ผลิตหลังจากปี 1995 เป็นต้นมา อาจหมายถึงผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยทั้งนี้ต้องดูจากตัวเลขอีก 4 ตัวประกอบด้วยเพื่อความถูกต้องแม่นยำ

 

Louis Vuitton Country Code Guide : การรหัสประเทศของ Louis Vuitton

ตารางด้านบน แสดงถึงตัวอย่างรหัสตัวอักษร ซึ่งแทนถึงประเทศต้นทางที่ผลิต มีรหัส 2 รหัส ที่มีความหมายพิเศษ โดยมีความหมายดังต่อไปนี้

รหัส AAS – รหัสประเทศนี้ใช้สำหรับรายการสั่งซื้อพิเศษเท่านั้น
รหัส DK – รหัสประเทศนี้ใช้สำหรับสินค้าที่ถูกเปลี่ยนซับในกระเป๋าทั้งหมด (relined items)

คุณอาจสังเกตเห็นว่า รหัสเดียวกัน สามารถใช้ได้กับหลายประเทศอาจเป็นเพราะรหัสประเทศสามารถเปลี่ยนแปลงได้เมื่อ Louis Vuitton เปิด ปิด หรือย้ายโรงงานการผลิต Louis Vuitton ยังคงเปลี่ยนโรงงาน (และรหัส) อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงมีการเพิ่มใหม่และเลิกใช้รหัสอยู่เสมอ

รหัส Date Code ไม่ใช่รหัสเฉพาะของกระเป๋า มันเป็นเพียงรหัสที่ระบุสถานที่ผลิตและผลิตเมื่อไหร่เท่านั้น ซึ่งหมายความว่า การซ้ำกันของรหัสบนกระเป๋าถือหลายๆ ใบเป็นเรื่องปกติ หากกระเป๋านั้นผลิตด้วยช่างฝีมือของ Louis Vuitton ในเวลาและสถานที่เดียวกัน

Reading The Date Codes – การอ่านรหัส Date Codes

Louis Vuitton DATE CODE TIMELINE- Louis Vuitton Factory Location Codesรหัสเดทโค้ด LV-Country Codes

ช่วงก่อน Pre-1982

ก่อนช่วงต้นทศวรรษ 1980 (จนถึงประมาณปี 1982) Louis Vuitton ไม่ได้ใช้ระบบ Datecode ดังนั้น กระเป๋าที่ผลิตก่อนช่วงเวลาดังกล่าว จะไม่ปรากฏรหัสวันที่หรือรหัสประเทศอยู่ภายในสินค้าช่วงนั้น ๆ

กระเป๋าในยุคนี้ จะมีฐานการผลิตเฉพาะที่ประเทศฝรั่งเศส โดยจำแนกจากแหล่งผลิตกระเป๋า 3 แห่งคือ French Company , Saks Fifth Avenue และ Fabric Design ซึ่งทั้ง 3 แหล่ง กระเป๋าจะไม่ปรากฏ Date Code มีเพียง Stamp และเฉพาะกระเป๋าที่หลักฐานการผลิต French Company เท่านั้น ที่จะมี tyvek-like tag และ Stamp

ก่อนปี ค.ศ. 1982 Louis Vuitton ใช้สัญลักษณ์นูนเป็นบางครั้งเพื่อระบุวันที่ผลิตบนชิ้นงานยอดนิยม เช่น FC หรือ SA (ส่วนใหญ่เห็นบนแถบ Speedy และ Keepall) กระเป๋า Louis Vuitton แบบวินเทจบางรุ่นผลิตโดยบริษัทฝรั่งเศสและ เป็นเรื่องปกติที่กระเป๋าถือเหล่านี้จะไม่มีรหัสวันที่อยู่ข้างใน

กระเป๋ารุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นวินเทจ การจะตรวจสอบกระเป๋า Louis Vuitton ที่ไม่มีรหัสวันที่ จะต้องทำการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นกระเป๋าของแท้  ในขณะที่ตลาดของปลอมมีการเติบโตอย่างมาก และถูกผลิตขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ที่น่ากังวลก็คือยังมีของปลอมที่จงใจทำขึ้นมาเพื่อให้ดูเป็นกระเป๋าวินเทจโดยเฉพาะ โดยมีการปั๊มรหัสปลอมเพื่อให้ตรงกันกับของแท้อีกด้วย

รูปแบบ DATE CODE ช่วง ปี 1982-1989 

รูปแบบ Louis Vuitton DATE CODE ช่วง ปี 1982-1989

ตามตารางด้านบน :  C หมายถึง Country code (รหัสประเทศ) , M หมายถึง Month (เดือน) , Y หมายถึง Year (ปี)

ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1982 เป็นต้นมา Louis Vuitton เริ่มต้นการใช้รหัส Datecode บนกระเป๋าถือและเครื่องประดับ ซึ่งประกอบด้วยตัวเลขสามหรือสี่ตัว ในช่วงกลางทศวรรษ หลุยส์ วิตตองได้เพิ่มรหัสประเทศ ซึ่งเป็นตัวอักษรสองตัวใกล้กับรหัสวันที่เพื่อระบุโรงงานต้นกำเนิดของกระเป๋าถือให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ตัวอย่าง Datecode จากกระเป๋าจากช่วง 1980s

ตัวอย่าง Datecode จากกระเป๋าจากช่วง 1980s

ในช่วงเวลานี้รูปแบบมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เนื่องจากแต่ละโรงงาน จะมีเอกลักษณ์ในการประทับตรา Datecode ด้วยฟอนต์และรูปแบบตัวอักษรและตัวเลขของรหัสที่ประทับลงในกระเป๋าถือและสินค้าอื่น ๆ แตกต่างกันออกไป ตามแต่พื้นที่

ตัวอย่างการอ่าน Datecode ในยุคนี้ 

ตัวเลขสามหรือสี่ตัวที่มีตัวเลขสองตัวแรกแทนปีและตัวเลขสุดท้ายแทนเดือน บางครั้งอาจนำหน้าหรือตามด้วยตัวอักษรก็ได้ หรืออาจไม่มีตัวอักษรก็ได้ ตัวอย่างเช่น “818” หมายถึง กระเป๋าใบนี้ ถูกผลิต เมื่อเดือนสิงหาคม ปี ค.ศ. 1981

ต้นถึงปลายทศวรรษ 1980 ตัวเลขสามหรือสี่หลักนำหน้าหรือตามด้วยตัวอักษรสองตัว โดยสองหลักแรกแทนปี หลักถัดไปแทนเดือน และตัวอักษรสองตัวสุดท้ายแทนประเทศ (ดูแถบด้านข้างขวาสำหรับรหัสที่ตั้งโรงงาน) เช่น. “8511VX” หมายถึงกระเป๋าใบนี้ ถูกผลิตในเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ.1985 และที่ตั้งโรงงานในฝรั่งเศส ช่วงปลายทศวรรษที่ 1980 ตัวอักษรที่แสดงถึงที่ตั้งโรงงานจะอยู่ก่อนตัวเลขสามหรือสี่ตัวที่แสดงถึงวันที่ผลิต

ช่วงยุค 1990-2006

รูปแบบ Louis Vuitton DATE CODE ช่วง ปี 1990-2006 – รูปแบบ Louis Vuitton DATE CODE ช่วง ปี 1990-2006

ในช่วงปี 1990 Louis Vuitton ตัดสินใจที่จะสร้างมาตรฐานให้กับระบบรหัส Datecode ในโรงงานทั้งหมดโดยใช้รูปแบบฟ้อนต์ที่มีมาตรฐานมากขึ้น เป็นรูปแบบเดียว โดยกำหนดให้มี อักษรภาษาอังกฤษ 2 ตัวและตัวเลข 4 ตัว สำหรับตัวอักษร 2 ตัวหมายถึงสถานที่ผลิต ส่วนตัวเลขแบ่งการอ่านออกเป็น 2 ส่วนคือ ตัวเลขลำดับ 1 และ 3 หมายถึงเดือนที่ผลิต ตัวเลขลำดับที่ 2 และ 4 หมายถึงปีที่ผลิต

ตัวอย่าง Datecode จากกระเป๋าช่วงปี ค.ศ. 1988-1994

ตัวอย่าง Datecode จากกระเป๋าช่วงปี ค.ศ. 1988-1994

รหัสกระเป๋าของ Louis Vuitton ในปี ค.ศ. 1980 เป็นต้นมา ถือเป็นต้นแบบของการผลิตกระเป๋ารุ่นต่อๆ มา ในการกำหนดรหัส เพื่อใช้ระบุที่มาที่ไปของกระเป๋า รวมถึงเดือนปีที่ผลิต เพื่อง่ายต่อการค้นหา และทำให้ง่ายต่อการยืนยันว่าเป็นกระเป๋าของแท้หรือไม่

ตัวอย่างการอ่าน Datecode ในยุคนี้ 

ตัวอักษรสองตัวตามด้วยตัวเลขสี่ตัว โดยตัวอักษรสองตัวแรกแทนที่ตั้งโรงงาน ตัวเลขตัวแรกและตัวที่สามแทนเดือน และตัวเลขตัวที่สองและสี่แทนปี ตัวอย่างเช่น “VI1025” หมายถึงกระเป๋าถูกผลิตขึ้นในประเทศฝรั่งเศส (VI) ในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 2005

ช่วงยุค 2007-2021

ตามตารางด้านบน : C หมายถึง Country code (รหัสประเทศ) , W หมายถึง Week (สัปดาห์) , Y หมายถึง Year (ปี)

ตามตารางด้านบน : C หมายถึง Country code (รหัสประเทศ) , W หมายถึง Week (สัปดาห์) , Y หมายถึง Year (ปี)

ในปี 2007 การอ่าน Date Code Louis Vuitton เริ่มใช้รหัสตัวเลขของสัปดาห์แทนเดือน โดยยังจัดรูปแบบมาตรฐานเดิมเอาไว้ แต่แบ่งการระบุรหัสออกเป็น 52 สัปดาห์แทนที่จะเป็น 12 เดือน (1 ปี มี 52 สัปดาห์) ซึ่งเพิ่มความละเอียดและแม่นยำมากยิ่งขึ้น จากที่จะรู้แค่ว่ากระเป๋าของคุณผลิตที่ประเทศฝรั่งเศส ในเดือนพฤศจิกายน แต่ตอนนี้สามารถรู้ได้ว่า กระเป๋าของคุณผลิตในสัปดาห์ที่ 46 ของปีที่ผลิต (ซึ่ง 1 สัปดาห์ มี 7 วัน) ซึ่งยังไม่มีแบรนด์ไหนระบุรหัสได้ชัดเจน และละเอียดเท่า หลุยส์ วิตตอง

ตัวอย่าง Datecode ช่วงปี ค.ศ. 2011

ตัวอย่าง Datecode ช่วงปี ค.ศ. 2011

ต่อมาคือการขึ้นต้นด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษ 2 ตัว ตามด้วยตัวเลข 4 หลัก ตัวอักษรสองตัวแรก แสดงถึงประเทศที่ผลิต ส่วนตัวเลขตำแหน่งที่ 1 และ 3 แสดงถึงสัปดาห์ของปี และตัวเลขตำแหน่งที่ 2 และ 4 หมายถึงปีที่ผลิต

ตัวอย่างการอ่าน Datecode ในยุคนี้ 

ตัวอักษรสองตัวตามด้วยตัวเลขสี่ตัว โดยตัวอักษรสองตัวแรกแทนที่ตั้งโรงงาน ตัวเลขตัวแรกและตัวที่สามแทนสัปดาห์ของปี และตัวเลขตัวที่สองและสี่แทนปี ตัวอย่างเช่น “FO3057” หมายถึง กระเป๋าใบนี้ ถูกผลิตขึ้นที่ประเทศอิตาลี (FO) สัปดาห์ที่ 35 (เดือนพฤษภาคม) ของปี ค.ศ. 2007

ระบบนี้ใช้จนถึงวันที่ 1 มีนาคม ปี ค.ศ. 2021 ก่อนที่ Louis Vuitton  จะหยุดใช้ระบบรหัส Datecode และเปลี่ยนไปใช้ระบบไมโครชิปขนาดเล็กที่เรียกว่า Small radio frequency identification หรือ RFID

Microchips

สำหรับเทคโนโลยีใหม่นี้ มีการระบุลักษณะเฉพาะของกระเป๋าแต่ละใบซึ่งแตกต่างกันไป ที่สำคัญจะถูกฝังอยู่ในตำแหน่งที่ไม่สามารถนำออกมาได้ เว้นเสียแต่จะทำลายหรือแยกชิ้นส่วนกระเป๋าออกเป็นชิ้น ๆ เท่านั้น ซึ่งนับว่าเป็นก้าวใหม่ของการแก้ไขปัญหาการลอกเลียนแบบได้อย่างดีเยี่ยม โดยบุคคลภายนอกจะไม่สามารถเพิ่มข้อมูลใด ๆ เข้าไปในฐานข้อมูลได้เลย ด้วยระบบความปลอดภัยอันเป็นส่วนตัวของ LVMH ซึ่งรายละเอียดที่ไมโครชิพจะแสดงให้ทราบ มีดังนี้

  • สถานที่ ที่กระเป๋าถูกผลิต (ประเทศและโรงงานผลิต)
  • คำอธิบาย (Description) เฉพาะของกระเป๋า เช่น รุ่น หรือขนาดต่าง ๆ
  • รหัสของกระเป๋า (Style Code)
  • วันที่กระเป๋าถูกจำหน่าย
  • รายละเอียดต่าง ๆ ของลูกค้าที่ซื้อกระเป๋าไป (Customer Details)
  • ร้านค้า / Website ที่กระเป๋าถูกจำหน่ายออกไป รวมทั้งชื่อของพนักงานผู้เป็นคนขายกระเป๋าใบนั้น ๆ

ตำแหน่งในการหา CHIP กระเป๋า Louis Vuitton ในปัจจุบัน

สำหรับจุดที่ทางหลุยส์ วิตตองฝังไมโครชิพนั้น ไม่มีการระบุเป็นที่แน่ชัด ซึ่งตำแหน่งของมัน อาจถูกฝังอยู่ในช่องกระเป๋า หรือขอบมุมของกระเป๋าก็ได้ ทั้งนี้จะไม่สามารถสัมผัสได้ถึงตัวชิฟเหล่านั้น เนื่องจากชิพที่มีขนาดเล็ก และเคลือบด้วยแผ่นฟิล์มที่มีความบางมาก จึงทำให้ยากที่จะสัมผัสถึงชิพเหล่านี้ ที่ถูกฝังอยู่ภายใต้แผ่นหนังหรือผืนผ้า

เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการป้องกันการปลอมแปลงสินค้า สำหรับการฝังไมโครชิพรุ่นใหม่นี้ บุคคลที่สามารถทำการสแกนและอ่านข้อมูลทั้งหมดของชิพได้ มีเพียงพนักงานขายของบูทีคจากหลุยส์ วิตตองเท่านั้น ! ด้วยแอพลิเคชั่นที่ถูกติดตั้งโดยเฉพาะ ซึ่งผลของการสแกนยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ถึงข้อมูลที่จะแสดงออกมา หากเป็นไปตามคาด หลังจากทำการสแกน ระบบจะนำคุณไปยังเว๊ปไซต์ที่สามารถยืนยันได้ว่าสินค้านั้นเป็นของแท้

แต่อย่าได้นำกระเป๋าสุดโปรดของคุณ ไปให้พนักงานในร้านตรวจเพื่อพิสูจน์ความเป็นของแท้สำหรับกระเป๋า Pre-loved พวกเขาไม่ได้มีหน้าที่ ที่จะต้องทำเช่นนั้น พนักงานจะทำการสแกนตรวจสอบกระเป๋าให้ ในกรณีที่ต้องการคืนสินค้าเท่านั้น ซึ่งพนักงานแต่ละคน ไม่ได้มีหน้าที่ตรวจสอบความเป็นของแท้หรือของปลอมให้กับกระเป๋า Pre-loved การระบุความเป็นของแท้ของปลอมของกระเป๋ารุ่นเก่า ๆ อาจต้องใช้บริการจากเว๊ปไซต์ที่เชื่อถือได้ หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อเป็นการยืนยัน

คำเตือน : การแสดงผลหรือสแกนไมโครชิพเพื่อตรวจสอบ สามารถทำได้ที่บูทีค โดยพนักงานขายของ Louis Vuitton เท่านั้น หากมีบุคคลอ้างว่า มีโปรแกรมที่สามารถตรวจสอบกระเป๋าเหล่านั้นได้ โดยอ้างอิงจากโปรแกรมที่ใช้บนเครื่องโทรศัพท์ของพนักงาน ให้สันนิษฐานว่าเป็นมิจฉาชีพ Louis Vuitton ยังไม่อนุญาตให้มีการนำเครื่องเหล่านั้น ออกมาใช้นอกบูทีค

 

Where to Find The Date Codes : จะหา Date Codes ได้ที่ไหน?

สำหรับตำแหน่งที่ระบุรหัส Datecode จะอยู่ตามจุดต่าง ๆ ของกระเป๋าแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับรุ่นและประเภทของสินค้านั้น ๆ ต่อไปนี้คือจุดสังเกตที่ Louis Vuitton นิยมวางตำแหน่ง Datecode

  • Look at the lining of the bag : ดูที่ซับในกระเป๋า บางครั้งอาจอยู่ด้านหลังรอยพับหรือช่องเก็บของภายใน
  • Check the pockets : ตรวจสอบช่องภายในกระเป๋า กระเป๋า Louis Vuitton ส่วนใหญ่ จะมีช่องเล็ก ๆ ภายในกระเป่าอย่างน้อย 1-2 ช่อง ตรวจสอบรหัส Datecode ที่ด้านในของกระเป๋าแต่ละข้าง โดยเฉพาะที่ด้านขวาหรือซ้ายของกระเป๋าใกล้กับตะเข็บ
  • Look for a leather tag : กระเป๋า Louis Vuitton บางรุ่นมีแท็กหนังติดอยู่ที่ซับในซึ่งอาจมีรหัส Datecode ประทับอยู่บนแผ่นหนังเล็ก ๆ นั้น หรืออาจพบได้ที่มุมด้านหลังของกระเป๋าใบเล็กด้านใน ยกตัวอย่างเช่น Datecode บนกระเป๋ารุ่น Neverfull
leather tag

Leather Tag

  • Check for a heat stamp : กระเป๋า Louis Vuitton บางรุ่น อาจมีการประทับด้วยความร้อน หรือ Heat Stamp โดยตรงบริเวณซับในผลิตภัณฑ์ ดังนั้นควรตรวจสอบซับในอย่างระมัดระวัง คุณยังสามารถเปิดซับออกเพื่อให้ค้นหาได้ง่ายขึ้น
heat stamp

Heat Stamp

หากคุณยังคงมีปัญหาในการค้นหารหัส Datecode  คุณอาจทำการค้นหาทางออนไลน์ เพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิง เมื่อคุณทราบชื่อรุ่นของกระเป๋าของคุณแล้ว การค้นหาอย่างรวดเร็วในรายการของเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงมักจะแสดงภาพรหัสของกระเป๋า ซึ่งจะช่วยแสดงให้คุณพบว่ารหัส Datecode เหล่านั้น ระบุอยู่บนส่วนใดของกระเป๋าของคุณ

 

A Final Note on LV date Codes : ข้อสุดท้ายที่คุณควรรู้เกี่ยวกับรหัสวันที่ของ LV

แม้ว่าการตรวจสอบหมายเลขรหัส Datecode จะถือเป็นขั้นตอนสำคัญ ในการตรวจสอบความเป็นของแท้ของสินค้าแบรนด์เนมนั้น ๆ แต่ทว่าสิ่งที่ควรต้องระมัดระวังและสังเกตนั่นก็คือความเสี่ยงและหลุมพราง ของเหล่าบรรดาสินค้าลอกเลียนแบบ ซึ่งผุดเป็นดอกเห็ดในปัจจุบัน และแบรนด์ Louis Vuitton ถือเป็นแบรนด์แรก ๆ ที่ถูกบริษัทลอกเลียนแบบเหล่านี้ นำรูปแบบของผลิตภัณฑ์มาปลอมแปลงมากที่สุด

รหัส Datecode อาจเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในการตรวจสอบข้อมูลที่มีค่าเกี่ยวกับเวลาและสถานที่ผลิตกระเป๋า สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือแม้ว่ารหัสเหล่านี้สามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้ แต่ก็ไม่ควรเป็นเพียงปัจจัยเดียวที่ใช้ในการรับรองความเป็นของแท้ของกระเป๋า Louis Vuitton ปัจจัยอื่นๆ เช่น วัสดุที่ใช้ งานฝีมือ ฮาร์ดแวร์ แบรนด์ ฯลฯ ควรนำมาพิจารณาด้วย เป็นไปไม่ได้ที่จะตรวจสอบความถูกต้องของกระเป๋า Louis Vuitton อย่างถูกต้องหากไม่มีประสบการณ์เพียงพอ

ตลาดสินค้าแบรนด์เนมลอกเลียนแบบ มีความซับซ้อนและเติบโตมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และบริษัทผู้ลอกเลียนแบบบางรายสามารถลอกเลียนแบบผลิตภัณฑ์ ได้ใกล้เคียง และเสมือนของจริงมาก เกือบจะสมบูรณ์แบบ ซึ่งยากต่อการแยกแยะความแตกต่างจากสินค้าของแท้จนกว่าจะเริ่มชำรุดเมื่อใช้งาน

นอกจากนี้ บริการตรวจสอบความเป็นของแท้ของบางบริษัท ยังไม่มีความเชี่ยวชาญเพียงพอ ที่จำเป็นในการตรวจจับสินค้าลอกเลียนแบบอย่างแม่นยำ ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำการศึกษาข้อมูลรหัส Datecode เหล่านี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน สุดท้าย สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าแม้ว่ารหัส Datecode ของ Louis Vuitton จะบอกเป็นนัยว่าสินค้านั้นเป็นของแท้หรือไม่ แต่ก็ไม่ใช่การรับประกัน บริษัทลอกเลียนแบบมีการปรับปรุงเทคนิคของตนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สินค้า มีความคล้ายคลึงกับของจริงอย่างเหลือเชื่อ

ที่ KATEXOXO เรามีบริการตรวจสอบความเป็นของแท้ของกระเป๋าแบรนด์เนม โดยเครื่องมือที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ รวมถึงช่างผู้ชำนาญการด้วยประสบการณ์หลายสิบปี พร้อมให้บริการ เราขอให้คำมั่นสัญญาว่า สินค้าทุกชิ้น ที่จำหน่ายบน Katexoxo.com เป็นสินค้าของแท้ทุกรายการ ผ่านการทดสอบความถูกต้องอย่างเข้มงวด เพิ่มความมั่นใจว่า คุณจะได้รับสินค้าของแท้และสินค้ามีคุณภาพอย่างแน่นอน และทั้งหมดนี้คือ How to วิธีอ่าน Louis Vuitton Datecode ฉบับ 2023 จาก KATEXOXO

สนใจตรวจกระเป๋า Add Line : @katexoxo

KATE