เจาะลึก ! ส่องอาชีพเก่าของ 7 ดีไซเนอร์ระดับโลก เราทุกคนต่างมีความฝัน แต่จะมีสักกี่คน ที่เริ่มต้นฝันเหล่านั้น และสำเร็จตั้งแต่ต้นจนจบ หลายต่อหลายคน สำเร็จสมดังฝัน แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ และล้มเลิกกลางทาง ในบทความนี้ KATEXOXO ขอยกตัวอย่าง 7 ดีไซเนอร์ชื่อดังระดับโลก ระดับตำนาน ซึ่งแต่ละคนกว่าที่จะประสบความสำเร็จในสายอาชีพนั้น ต้องผ่านอุปสรรคและความยกลำบากอย่างไรบ้าง มาติดตามไปพร้อมกัน
Guccio Gucci จากเด็กยกกระเป๋า สู่เจ้าของแบรนด์ Gucci
กุชชิโอ กุชชี่ (Guccio Gucci) เกิดเมื่อวันที่ 26 มีนาคม ปี ค.ศ. 1881 ณ เมือง Florence (ฟลอเรนซ์) ประเทศอิตาลี ในครอบครัวของช่างฝีมือทำเครื่องหนัง แต่การเป็นช่างผลิตเครื่องหนังนั้น ยังไม่ค่อยตรงกับความชอบของเขาในช่วงนั้นเท่าใดนัก กุชชี่จึงเดินทางไปตามล่าความฝันที่เมืองลอนดอนประเทศอังกฤษ โดยได้ทำอาชีพรับจ้างทั่วไป ตั้งแต่พนักงานล้างจาน เด็กเสิร์ฟ พนักงานบริการในลิฟท์ จนกระทั่งมาลงเอยทำงานที่โรงแรมซา-วอย (Savoy) ในตำแหน่งพนักงานยกกระเป๋า
ในปีถัดมา หลังจากฝึกฝนงานฝีมือจนมีความชำนาญพอสมควรแล้ว กุชชี่ จึงตัดสินใจที่จะเปิดกิจการเป็นของตัวเอง ในที่สุด อาณาจักร Gucci จึงได้ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรก ใน ปี ค.ศ. 1921 ณ เมืองฟลอเรนซ์ บ้านเกิดของเขานั่นเอง เพื่อผลิตและจำหน่ายสินค้าจำพวกเครื่องหนัง โดยขณะนั้น กุชชี่ มีอายุได้ 40 ปี
ในปัจจุบันน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักแบรนด์หรู เจ้าของโลโก้ GG ที่คุ้นตา รวมทั้งดีไซน์การออกแบบที่หรูหรา เป็นเอกลักษณ์มานานเกือบศตวรรษ Gucci เป็นแบรนด์ Luxury สัญชาติอิตาลี ที่มีไลน์การผลิตสินค้าตั้งแต่กระเป๋า เครื่องประดับ น้ำหอม รวมไปถึงนาฬิกา ที่ประสบความสำเร็จ และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
Gabrielle Chanel จากนักร้องคาบาเร่ สู่เจ้าของแบรนด์ Chanel
โคโค่ ชาแนล (Coco Chanel) ซึ่งเดิมมีชื่อว่า กาเบรียล บอนเนอร์ ชาแนล (Gabrielle Bonheur Chanel) เกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ปี ค.ศ.1883 ที่เมือง ซูเมอร์ (Saumur) ประเทศฝรั่งเศส เป็นบุตรสาวคนที่ 2 จากพี่น้องทั้งหมด 5 คน (ผู้หญิง 3 คน ผู้ชาย 2 คน) ของ เฮนรี่ อัลเบิร์ต ชาแนล (Henri Albert CHANEL) กับ ยูเชนี ชาน เดอโวล (Jeanne Eugénie DEVOLLE)
จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 1895 แม่ของเธอก็ได้เสียชีวิตลงด้วยโรคหลอดลมอักเสบ ในขณะที่อายุได้เพียง 31 ปี ซึ่งในขณะนั้นชาแนลซึ่งอายุได้เพียง 12 ปี เท่านั้น พ่อของเธอ จึงนำเธอและพี่น้องซึ่งเป็นผู้หญิงอีก 2 คน คือ Julia และ Antoinette มาฝากไว้กับแม่ชี ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า Aubazine (โอบาซีน) ซึ่งผู้เป็นพ่อ ได้หายสาบสูญไปหลังจากนั้น และไม่เคยกลับมาเหลียวแลพวกเธออีกเลย
เมื่อชาแนล อายุได้ 18 ปี เธอได้ย้ายไปอาศัยอยู่ที่หอพักสำหรับเด็กสาวที่นับถือศาสนาคริสต์ นิกายคาทอลิกในเมือง มูแลงส์ ตลอดระยะเวลา 6 ปี ที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น เธอได้มีโอกาสเรียนรู้การตัดเย็บเสื้อผ้า ด้วยความที่ชาแนลเป็นคนขยันกระตือรือร้น ใฝ่รู้ และมีความสนใจในงานตัดเย็บอยู่แล้ว เธอฝึกฝนจนสามารถนำความรู้ความสามารถที่ได้รับมาประกอบอาชีพเป็นช่างตัดเย็บเสื้อผ้า เพื่อหารายได้เลี้ยงชีพ
ในเวลาว่างนอกเหนือจากการตัดเย็บเสื้อผ้า อีก 1 รายได้เสริมของเธอมาจากการไปร้องเพลงกับเพื่อน ๆ ที่คาบาเร่ โดยเพลงที่เธอชอบร้องเป็นประจำคือ “Ko Ko Ri Ko” (ทำนองมาจากเพลง cock-a-doodle-doo ของฝรั่งเศส) กับ “Qui qu’a vu Coco” (เนื้อหาเป็นเรื่องราวของเด็กสาวที่สูญเสียสุนัขของเธอ) หลังจากที่เธอทำอาชีพนักร้องไปสักพัก ชาแนลรู้สึกว่าอาชีพนี้ ไม่ค่อยเหมาะกับเธอเท่าไหร่นัก เธอจึงตัดสินใจหยุดมัน และนั่นถือเป็นจุดเปลี่ยนจุดแรกบนเส้นทางใหม่ของเธอ
“Coco Chanel” นักธุรกิจหญิงชาวฝรั่งเศส ที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมากในช่วงศตวรรษที่ 20 ชื่อเรียกสั้นๆ ติดหูว่า Chanel ซึ่งปัจจุบันเป็นแบรนด์กระเป๋าสุดหรูที่สาวๆ ทั่วโลกปรารถนาที่จะได้ครอบครอง แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า กว่าเธอจะมีวันนี้ได้นั้น เส้นทางชีวิตของเธอไม่ได้สวยหรูอย่างที่ทุกคนเห็น โคโค่ ชาแนล (Coco Chanel) เติบโตมาในครอบครัวที่ยากจน และกำพร้าแม่ตั้งแต่เธอยังเด็ก แต่ทว่าเธอนั้นไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา และนำพาตัวเองมาสู่เส้นทางความสำเร็จ
Vivienne Westwood จากอาชีพครู สู่นักออกแบบที่ประสบความสำเร็จ
เวสต์วูต มีชื่อเต็มว่า เดม วิเวียน อิซาเบล เวสต์วูด (Dame Vivienne Isabel Westwood) เกิดที่เมืองทินซัล มณฑลเชชเชอร์ เมื่อวันที่ 8 เมษายน ปีค.ศ. 1941 แม่ของเธอเป็นช่างทอผ้าในโรงงานท้องถิ่น ส่วนพ่อมาจากตระกูลช่างทำรองเท้า หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในช่วงที่วิเวียนเพิ่งเกิด ครอบครัวของเธอได้ดำเนินกิจการร้านค้าในโรงงานเครื่องบิน จนถึงช่วงปลายทศวรรษ 1950 จึงย้ายไปอยู่ทางฝั่งตะวันเฉียงเหนือของกรุงลอนดอน
เมื่ออายุได้ 16 ปี หลังเรียนจบระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนของรัฐ วิเวียนจึงเข้าศึกษาต่อ ณ โรงเรียนศิลปะ Harrow School of Art (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยเวสต์มินสเตอร์) และ University of Westminster ตามรายงานของ The Business of Fashion เธอเรียนวิชาแฟชั่นและการทำเครื่องเงิน เป็นเวลา 1 ภาคการศึกษา ก่อนจะเลิกเรียนเพื่อมุ่งความสนใจไปที่งาน เธอให้เหตุผลที่ลาออกจากโรงเรียนว่า สาวชนชั้นแรงงานไม่สามารถหาเลี้ยงชีพในโลกศิลปะได้
จากนั้นไม่นานเธอได้เข้ารับการฝึกอบรมเป็นครูโรงเรียนชั้นประถม และเริ่มการทำงานด้วยอาชีพรับจ้างสอนหนังสือนักเรียนประถม และเริ่มออกแบบเครื่องประดับในช่วงเวลาว่าง ในช่วงปี ค.ศ. 1970 เธอหาเลี้ยงชีพได้จากการขายงานออกแบบของเธอ ก่อนที่จะเปิดร้านบูติกแฟชั่นของตัวเองในที่สุด
Miuccia Prada นักแสดงละครใบ้ ผู้กอบกู้แบรนด์ Prada
Miuccia Prada หรือชื่อเดิม Maria Bianchi เกิดวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1949 โดยพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดมีนามว่า Luigi Bianchi และ Luisa Prada เธอจบการศึกษาปริญญาเอกทางด้านรัฐศาสตร์จาก University of Milan อีกทั้งเธอยังเป็นหนึ่งในเรียกร้องสิทธิตัวยง เธอได้เป็นหนึ่งใน Feminist ที่ช่วยรณรงค์เรียกร้องสิทธิเสรีภาพ และยังเป็นหนึ่งในนักแสดงละครใบ้ที่ Piccolo Teatro ในกรุงมิลานยาวนานถึง 5 ปีอีกด้วย
เธอเริ่มแสดงความเป็นอัจฉริยะด้านการออกแบบโดยการรังสรรค์ผลงานชิ้นเยี่ยมออกมาจนเป็นที่ยอมรับในวงการอุตสาหกรรมแฟชั่น หนึ่งในผลงานที่สร้างชื่อให้เธอได้เป็นที่รู้จักคือ กระเป๋าสะพายผ้าไนล่อนสีดำขลับ ด้วยการออกแบบที่ประณีต เรียบหรู ทนทานต่อการใช้งานทำให้ผลงานนั้นได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของ Prada ทำให้แบรนด์เป็นเครื่องประดับชั้นนำในอิตาลี และเป็นที่นิยมในระดับสากล
ในปี 1992 Miuccia Prada ได้เปิดตัวแบรนด์ Miu Miu ออกมารองรับกลุ่มลูกค้าอายุน้อยเช่น ดารา เซเลบริตี้ ฯลฯ ด้วยความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถในการออกแบบของ Miuccia Prada และการบริหารธุรกิจของ ปาตริซิโอ เบรเตลลิ (Patrizio Bertelli) ทำให้แบรนด์ Prada เติบโตขยายกิจการไปทั่วยุโรปและสหรัฐอเมริกาได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว
แบรนด์ Prada ภายใต้การบริหารงานของ Miuccia Prada และสามี ทำให้มูลค่าของบริษัท Prada เพิ่มสูงขึ้น Prada เริ่มต้นจากการเป็นที่รู้จักเรื่อง Fashion House และมีอิทธิพลมากที่สุด และแบรนด์ก็เป็นที่รู้จักในสถานะสัญลักษณ์ของความพรีเมี่ยมแห่งยุค
Marc Jacobs จากเด็กยกของ สู่ดีไซเนอร์มือฉมังระดับโลก
Marc Jacobs เกิดเมื่อวันที่ 9 เมษายน ปี ค.ศ. 1963 เป็นนักออกแบบแฟชั่นชาวอเมริกัน เขาเป็นหัวหน้าดีไซเนอร์ให้กับแบรนด์แฟชั่นของเขาเองอย่าง Marc Jacobs (ชื่อเดิม Marc by Marc Jacobs) อีกทั้งยังเป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Louis Vuitton ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1997 ถึง ค.ศ. 2014 Jacobs อยู่ในรายชื่อ “2010 Time 100” ของนิตยสาร Time จาก 100 บุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก และอยู่ในอันดับที่ 14 ในรายชื่อนิตยสาร Out ประจำปี 2012 ของ “50 ชายและหญิงที่ทรงพลังที่สุดในอเมริกา
เมื่ออายุได้ 15 ปี จาคอบส์ทำงานเป็นเด็กสต๊อกสินค้าที่ Charivari ซึ่งเป็นร้านบูติกเสื้อผ้าแนวหน้าในนิวยอร์กซิตี้ที่ปัจจุบันเลิกกิจการแล้ว ขณะที่เรียนที่ Parsons เขาได้ออกแบบและขายเสื้อสเวตเตอร์ถักมือกลุ่มแรก นอกจากนี้เขายังออกแบบคอลเลกชั่นแรกของเขาให้กับ Reuben Thomas, Inc. ภายใต้ชื่อ Sketchbook
เขาก่อตั้ง Jacobs Duffy Designs ร่วมกับ Robert Duffy ผู้ร่วมงานสร้างสรรค์และหุ้นส่วนทางธุรกิจของ Jacobs ในช่วงกลางทศวรรษ 1980 ก่อนที่โชคชะตาจะพัดพาให้เขามาตกในที่นั่งของดีไซเนอร์โต้โผใหญ่แห่งแบรนด์ Marc Jacobs ในเวลาต่อมานั่นเอง
Michael Kors จากพนักงานขาย สู่การเป็นตัวแม่แห่งวงการแฟชั่น
Michael David Kors เกิดเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ปี ค.ศ. 1959 เป็นนักออกแบบแฟชั่นชาวอเมริกัน เขาเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสร้างสรรค์ของแบรนด์ Michael Kors ซึ่งจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องประดับ นาฬิกา เครื่องประดับ รองเท้า และน้ำหอมสำหรับบุรุษและสตรี Kors เป็นนักออกแบบเสื้อผ้าสำเร็จรูปสำหรับผู้หญิงคนแรกสำหรับแบรนด์ Celine แบรนด์ฝรั่งเศส ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1997 ถึง ค.ศ. 2003
เดิมที Michael Kors ชื่อเดิมคือ Karl Anderson ในช่วงวัยเด็ก เขาอาศัยอยู่ที่ลองไอส์แลนด์ รัฐนิวยอร์ก แม่ของเขาเป็นชาวยิว พ่อของเขามีเชื้อสายสวีเดน ขาเติบโตขึ้นมาในเมืองเมอร์ริก รัฐนิวยอร์ก และสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมจอห์น เอฟ. เคนเนดี้ ในเมืองเบลล์มอร์ รัฐนิวยอร์ก บนลองไอส์แลนด์
ความหลงใหลในแฟชั่นของ Kors เริ่มต้นเมื่อเขายังเด็กมาก แม่ของเขาคิดว่าความสัมพันธ์ของเขาอาจมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่เขาได้สัมผัสกับอุตสาหกรรมเครื่องแต่งกายผ่านอาชีพนางแบบของเธอ ไมเคิลในวัยห้าขวบได้ออกแบบชุดแต่งงานของแม่เขาใหม่สำหรับการแต่งงานครั้งที่สองของเธอด้วย เมื่อเป็นวัยรุ่น Kors เริ่มออกแบบเสื้อผ้าและขายออกจากห้องใต้ดินของพ่อแม่ ซึ่งเขาเปลี่ยนชื่อเป็น Iron Butterfly
ในปี ค.ศ.1977 เขาเข้าเรียนที่ Fashion Institute of Technology ในนิวยอร์กซิตี้ อย่างไรก็ตาม เขาลาออกหลังจากนั้นเพียงเก้าเดือนและเข้าทำงานที่ร้านบูติกชื่อ Lothar’s ตรงข้ามกับ Bergdorf Goodman บนถนน 57th ในมิดทาวน์แมนฮัตตัน ซึ่งเขาเริ่มต้นจากการเป็นพนักงานขายและได้เป็นทั้งนักออกแบบและหัวหน้าฝ่าย visual display
Tom Ford จากนายแบบนักท่องราตรี สู่ดีไซเนอร์ผู้กอบกู้แบรนด์ Gucci
Tom Ford ชื่อแบรนด์แฟชั่นที่สายแฟ(ชั่น)ต่างรู้จักกันดี ชื่อแบรนด์ที่ได้รับการการันตีด้วยคุณภาพของเหล่าสินค้า ทั้งไลน์ของเสื้อผ้า และบิวตี้ที่ใครก็ไม่อาจปฏิเสธได้ลงในปัจจุบัน เป็นอีกหนึ่งแบรนด์แฟชั่นที่น่าสนใจไม่น้อย ด้วยตัวของผู้ให้กำเนิดแบรนด์ในชื่อเดียวกันอย่าง ทอม ฟอร์ด ที่เป็นมากกว่าดีไซเนอร์ธรรมดา หากเขาคนนี้ยังมีความสามารถอันหลากหลาย และน่าสนใจไม่น้อย
Tom Fordเกิดเมื่อ 27 สิงหาคม ปี ค.ศ. 1961 ที่เมืองออสติน รัฐเทกซัส ในครอบครัวที่ประกอบธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยเริ่มสนใจแฟชั่นและแต่งตัวดีแต่เด็กจนแม่ไว้ใจให้ช่วยดูเรื่องการแต่งตัว ความสนใจในเรื่องศิลปะและแฟชั่นทำให้เขาตัดสินใจไปเรียนต่อในด้านนี้ แต่ก็ดันหลงแสงสีเสียงยุคดิสโก้ ระหว่างสิ้นยุค 70 ถึงส่วนใหญ่ของยุค 80 จนแทบถอนตัวไม่ขึ้น ประกอบกับหันไปมุ่งกับการเป็นนายแบบโฆษณามากกว่า จนเสียการเรียนทำให้ต้องลาออกจากสถาบันศึกษา 2 แห่งช่วงวัยรุ่น
หลายคนอาจรู้ และหลายคนก็อาจจะไม่รู้ในเวลาเดียวกันว่า ครั้งหนึ่งนั้น ทอม ฟอร์ดผู้หล่อเหลา เคยดำรงชีพด้วยการประกอบอาชีพเป็นนายแบบมาก่อน ในช่วงวัย 19-20 ปี จากการที่เขานั้นเป็นนักท่องราตรี และแวะเวียนไปที่ Studio 54 บ่อยครั้ง
Tom Ford วัยหนุ่มได้ทำงานกับแบรนด์ยุโรปสมใจ ในช่วงปลายยุค 80 โดยเขาตัดสินใจไปเป็นดีไซเนอร์ใหญ่ฝ่ายแฟชั่นสตรีของ Gucci ซึ่งกำลังตกต่ำ และปรากฏว่าเขาสามารถทยอยฟื้นแบรนด์แฟชั่นอิตาลีแบรนด์นี้ขึ้นมาได้ตามลำดับ บทบาทของ Tom Ford ใน Gucci เพิ่มขึ้น ๆ โดยเขาขยายไปคุมฝ่ายแฟชั่นบุรุษ น้ำหอมและโฆษณาด้วย ซึ่ง ณ จุดนี้ทำให้ไม่ว่าเขาจะจับอะไรก็ประสบความสำเร็จไปหมด จนปี 1994 ได้นั่งเก้าอี้ดีไซเนอร์ใหญ่ของแบรนด์
ปี 1999 Tom Ford ชุบชีวิต Gucci และเปลี่ยนให้เป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ จนดันให้มูลค่าแบรนด์เพิ่มเป็น 4,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 138,000 ล้านบาทตามค่าเงินปัจจุบัน) หลังจากที่ทอม ฟอร์ดได้ แยกตัวจากกุชชี่ในปี 2004 ไม่นานนัก ทอม ฟอร์ด ยังได้เนรมิตแบรนด์ Tom Ford ขึ้นมาเป็นของตัวเองในทันที พร้อมออกไอเท็มเครื่องประดับชิ้นแรก นั่นคือแว่นตา ที่ได้กลายเป็นอีกหนึ่งไอเท็มประจำแบรนด์ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยในปัจจุบัน
ไม่เพียงบทบาทของการเป็นดีไซเนอร์เท่านั้น เพราะอย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า ทอม ฟอร์ด มีความสามารถอันหลากหลาย และอีกหนึ่งความสามารถที่ได้รับการเลื่องลือเสมอมานั้น ก็คือการนั่งแท่นเป็นผู้กำกับภาพยนตร์
และหากจะพูดถึง Tom Ford ในส่วนของแวดวงภาพยนตร์แล้วล่ะก็ หลายคนคงเคยได้ยลฝีมือของเขากันมาบ้างแล้ว จากผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่อง A Single Man ในปี 2009 ที่ทำให้ Colin Firth เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายมาแล้ว หรือจะเป็น Nocturnal Animals ภาพยนตร์แนวทริลเลอร์ในสไตล์ฟิล์มนัวร์ ที่นำเสนอความรุนแรงผสมผสานภาพแนวแฟชั่น
ทุกเส้นทางความสำเร็จ ระหว่างทาง ต้องพบเจอกับเส้นทางขรุขระเต็มไปด้วยขวากหนาม ซึ่งต้องใช้ความพยายาม และความอุตสาหะ ความตั้งใจอย่างแรงกล้า ในการที่จะผ่านด่านชีวิตต่าง ๆ มาได้จนประสบความสำเร็จในท้ายที่สุด ไม่ว่าปลายทางที่เราฝันใฝ่นั้นจะเป็นอย่างไร หากเรามีความแน่วแน่แล้ว ความสำเร็จย่อมอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม ดังเช่นทั้ง 7 ดีไซเนอร์ระดับโลก ที่ KATEXOXO นำมาเสนอในบทความนี้