To top
20 May

นาฬิกา Rolex น่าลงทุน 4 รุ่นที่น่าจับตามองในปี 2021

นาฬิกา Rolex น่าลงทุน – อีกหนึ่งการลงทุน ที่ให้ผลกำไรดี ไ่ม่แพ้การลงทุนอื่น ๆ ในตลาด นั่นก็คือ การลงทุนกับนาฬิกาแบรนด์หรู ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุน ที่สามารถให้ผลตอบแทนที่เร็ว และบางรุ่น ราคาพุ่งสูงยิ่งกว่าราคาของทองคำเสียอีก สำหรับแบรนด์ที่มีประวัติยาวนานอย่าง Rolex ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ผู้ลงทุนต่างให้ความสนใจ Rolex เป็นที่หมายปองของสุภาพบุรุษ สุภาพสตรีทั่วโลก ได้รับความนิยมและครองใจกลุ่มลูกค้าได้มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน 

แน่นอนว่า Rolex บางรุ่นเหมาะกับการลงทุนมากกว่ารุ่นอื่น ๆ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับหลักการพื้นฐานของอุปสงค์และอุปทาน ในวันนี้ เราจะพาเหล่าสาวกผู้หลงใหลใน Luxury Watches ไปทำความรู้จักกับ 4 นาฬิกาจาก Rolex ที่น่าลงทุน ในปี 2021 นี้ จะมีรุ่นใดบ้าง คุ้มค่ากับการลงทุนเพียงใด รวมถึงอะไรที่ทำให้นาฬิกาแต่ละเรือนมีราคาพุ่งสูงยิ่งกว่าราคาเปิดตัวนั้น ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกัน

 

Rolex Submariner Ref.116610LN

 Rolex Submariner Ref.116610LN

นาฬิการุ่นยอดนิยมรุ่นหนึ่งของแบรนด์ Rolex ทำไม Submariner ถึงได้กลายเป็นต้นแบบในการดีไซน์ Diver Watch ของโลก ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1953 Rolex ได้ทำการเปิดตัวนาฬิการุ่น Submariner นาฬิกาดำน้ำรุ่นแรก ที่สามารถกันน้ำได้ที่ความลึกสูงสุดถึง 100 เมตร มาพร้อมกับขอบหน้าปัด ที่สามารถใช้จับเวลาในการดำน้ำได้ ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านนาฬิกากันน้ำ Submariner ได้ทำลายสถิติโลก ด้วยการเป็นนาฬิกาดำน้ำ ได้ลึกที่สุดในโลก ที่ความลึก 10,335 เมตร โดยครองสถิตินั้นมาเป็นเวลาถึง 7 ปี จนถึงปี ค.ศ. 1960

สำหรับนาฬิกา Rolex Submariner Date 116610LN เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 2010 ดีไซน์โดดเด่นด้วยขอบหน้าปัด Cerachrom สีดำ ขนาด 40 มิลลิเมตร ตัวเรือนแบบ steel หนา 13 มิลลิเมตร ระบบ Movement แบบ Self-Winding ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ Calibre 3135 ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความคงทนและความเที่ยงตรง ได้รับการรับรองจาก Certified Swiss Chronometer (COSC) เป็นการยืนยันในเรื่องของประสิทธิภาพระดับสูง อันได้รับการยอมรับระดับสากล

ในด้านการลงทุนกับนาฬิการุ่น Submariner ราคาพุ่งสูงขึ้นจากปี ค.ศ. 1990 ถึง 4 เท่า ถ้ามองในช่วงระยะเวลา 5 ปี ราคาของนาฬิกามือ 2 ในปี ค.ศ. 2015 นั้น อยู่ที่ 225,000 บาท , ในปี ค.ศ. 2019 ราคาอยู่ที่ 345,000 บาท อัตราการเติบโตอยู่ที่ 48.9% โดยราคาซื้อขายในปี ในช่วงต้นปี ค.ศ. 2020 ราคาซื้อขายของนาฬิการุ่นนี้ อยู่ที่ประมาณ 491,000 บาท และช่วงท้ายปี ราคาของนาฬิการุ่นนี้ อยู่ที่ 592,000 บาท คิดเป็นอัตราการเติบโตจากปี 2019 อยู่ที่ 71.5%

 

Rolex Submariner Date Ref.116610LV

Rolex Submariner Date Ref.116610LV

Rolex Submariner Date รหัสรุ่น 116610LV หรือชื่อเรียกที่คุ้นหูว่า “Hulk” ยักษ์เขียวแห่ง Rolex เปิดตัวครั้งแรกที่งาน Baselworld เมื่อปี ค.ศ. 2010 แทนที่รุ่นเดิมที่เป็นหน้าดำขอบเขียว (Submariner 50th Anniversary) เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปในเรื่องของความแข็งแรง ทนทาน คุณลักษณะพิเศษและความโดดเด่น มาพร้อมกับขอบหน้าปัด Cerachrom สีเขียวหุ้มข้อหนา และหน้าปัด สีเขียว ที่มีมาร์คเกอร์ชั่วโมงเรืองแสงขนาดใหญ่

หน้าปัดพร้อมจอแสดง Chromalight เป็นนวัตกรรมที่ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นตัวช่วยเพิ่มการมองเห็นในสภาพแวดล้อมอันมืดมิดใต้น้ำซึ่งเป็นคุณสมบัติหลักสำคัญในนาฬิกาสำหรับนักดำน้ำ ตัวเรือนขนาด 40 มิลลิเมตร เข็มแสดงชั่วโมงในรูปทรงที่เรียบง่าย เช่น สามเหลี่ยม วงกลม สี่เหลี่ยม รวมถึงเข็มแสดงชั่วโมงและนาทีที่กว้าง ซึ่งจะช่วยให้ทำการอ่านเวลาได้ทันที และสามารถเชื่อถือได้เพื่อป้องกันความสับสนขณะอยู่ใต้น้ำ ซึ่งนาฬิการุ่นนี้ สามารถใช้การในน้ำลึกได้สูงสุดถึง 300 เมตร โดยไม่สูญเสียความสามารถในการทำงาน

ราคาหน้า Website สำหรับ Rolex Submariner Date รหัสรุ่น 116610LV หรือ Rolex Hulk รุ่นนี้ อยู่ที่ 320,900 บาท ราคาที่มีการซื้อขายกัน ณ รายงานปี 2015 อยู่ที่ 320,000 บาท ราคาจำหน่ายในปี 2019 อยู่ที่ 497,840 บาท คิดเป็นอัตรผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น 55.5% โดยสิ่งที่ทำให้เรือนนี้ราคาพุ่งสูงขึ้น นั่นก็คือการสั่งยกเลิกผลิตเมื่อเดือนกันยายนปี 2020 โดยราคาเมื่อต้นปี 2020 อยู่ที่ประมาณ 546,000 บาท  ส่วนราคาในช่วงท้ายปี 2020 อยู่ที่ประมาณ 878,000 บาท อัตราการเติบโตอยู่ที่ 60.8%

 

Rolex GMT Master II “Batgirl” 126710BLNR

Rolex GMT Master II "Batgirl" 126710BLNR

Rolex GMT-Master II 126710BLNR เปิดตัวครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ. 2019 เพื่อมาแทนที่ Rolex รหัส 116710BLNR หรือ รุ่น “Batman” ที่เหล่าบรรดานักสะสมต่างคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ภาพลักษณ์โดยทั่วไป ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นขอบหน้าปัด Cerachrom สีน้ำเงินและสีดำ ขนาดตัวเรือนการออกแบบหน้าปัดและโครงสร้าง stainless steel โดยมีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ สายนาฬิกา Jubilee แบบ 5 ลิงค์ ที่มาแทนสายนาฬิกา Oyster แบบ 3 ลิงค์ใน Batman ซึ่ง Rolex ไม่ผลิตนาฬิกา GMT แบบ Steel พร้อมสายข้อมือแบบ Oyster อีกต่อไป โดยเลือกใช้สายข้อมือแบบ Jubilee โดยเฉพาะ ยังมาพร้อมกับส่วนขยายสายข้อมือ Easylink 5 มม. ที่ใช้งานได้จริง เนื่องจากความยืดหยุ่นของสายข้อมือแบบ Jubilee ที่สวมใส่สบายมากกว่า เมื่อเทียบกับสายนาฬิกา Oyster ที่สปอร์ตกว่า ทำให้ GMT-Master II 126710BLNR ได้รับสมญานามว่า “Batgirl” แม้ว่าคนส่วนใหญ่มักเรียกมันว่า “New Rolex Batman”

อีกสิ่งหนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลง ในตัว Batgirl เรือนนี้ ได้แก่ตัวกลไก ซึ่งขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ Calibre 3285 รุ่นใหม่ มีการสำรองพลังงานยาวนานขึ้นเป็น 70 ชั่วโมง และสิ่งที่ทำให้นาฬิกาเรือนนี้น่าลงทุน นั่นก็คือ การผลิตมาทีละน้อยทำให้ Waiting List ยาวเยียด ยากที่จะได้ครอบครองโดยง่าย เป็นหนึ่งในนาฬิกา ที่หาซื้อยากที่สุดในโลก หากคุณต้องการจะซื้อของใหม่มือ 1 จากตัวแทนจำหน่าย Rolex อย่างเป็นทางการ โดยราคาเมื่อต้นปี 2020 ประมาณ 476,000 บาท ส่วนราคาช่วงสิ้นปี 2020 อยู่ที่ประมาณ 577,000 บาท

 

Rolex Daytona “Panda” 116500LN

Rolex Daytona "Panda" 116500LN

Rolex Cosmograph Daytona นาฬิกาอันเป็นตัวแทนของความหลากหลายที่แตกต่างกันออกไป ตามสไตล์ของแต่ละบุคคล เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 1963 ผ่านงานดีไซน์ที่มุ่งตอบสนองความต้องการของนักแข่งรถมืออาชีพ นาฬิกาที่รวบรวมชื่อและฟังก์ชันเข้ากับโลกแห่งการขับรถแข่งสมรรถนะสูง และหนึ่งในรุ่นที่เป็นตามหาของเหล่าบรรดานักสะสมนั้นก็คือ 116500LN หรือที่รู้จักกันในนาม “Panda” ตัวเรือนแบบ Oystersteel ขนาด 40 มิลลิเมตร พร้อมเม็ดมะยมแบบขันเกลียว โดดเด่นด้วยหน้าปัดสีขาว ขอบหน้าปัด Cerachrom สีดำ

เอกลักษณ์ของ Daytona อยู่ที่ขอบหน้าปัดที่เป็นสเกลวัดระยะ เพื่อวัดความเร็วเฉลี่ยสูงสุด 400 ไมล์หรือกิโลเมตรต่อชั่วโมง ขอบหน้าปัดเซรามิก Cerachrom แบบหล่อชิ้นเดียวซึ่งเป็นเทคโนโลยีชั้นสูงมีข้อดีหลายประเภท เช่น ทนทานต่อการกัดกร่อน ป้องกันรอยขีดข่วน และสีที่ทนต่อรังสียูวี ผลิตขึ้นจากแผ่นโลหะเพียงหนึ่งชิ้น พร้อมยึดกระจกหน้าปัดให้แนบแน่นกับตัวเรือน เพิ่มคุณสมบัติในการกันน้ำ ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติ Calibre 4130

ย้อนกลับไปที่งาน Baselworld 2016 ซึ่ง Daytona รหัส 116500LN เปิดตัวครั้งแรกด้วยราคา £9,600 หรือ 365,780 บาท ในปี 2020 ราคาของนาฬิการุ่นนี้ ซึ่งซื้อขายในตลาดมือสองพุ่งไปมากกว่่า £22,500 (ในช่วงต้นปี 2020 ราคาอยู่ที่ £19,800 หรือ 983,000 บาท ราคาท้ายปี 2020 อยู่ที่ประมาณ £23,000 หรือ 1,100,xxx บาท) เป็นอีกหนึ่งรุ่น ที่หายาก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมราคาของ Daytona จึงพุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และเหล่าบรรดานักสะสมจำนวนมากยินดีที่จะยอมจ่ายเงินเป็นสองเท่าจากราคาปกติ เพื่อได้ครอบครอง

 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การลงทุนกับนาฬิกา Rolex เป็นการลงทุนแบบหนึ่งที่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า หากคุณเป็นคนหนึ่ง ซึ่งสนใจและหลงไหลในตลาดซื้อขายนาฬิกาหรูในฐานะนักลงทุน คงจะทราบดีว่านาฬิกา Rolex หลายรุ่นมีความโดดเด่นด้วยมูลค่าที่เติบโตอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับความนิยมที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย

ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเรื่องยุติธรรมที่จะกล่าวได้ว่านาฬิกา Rolex เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างรายได้จากนาฬิกาสุดหรู ความสวยงามของ Rolex คือการที่คุณสามารถเป็นได้ทั้งนักลงทุนและนักสะสมในเวลาเดียวกัน นั่นหมายถึงการเพลิดเพลินไปกับประวัติศาสตร์และประเพณีของแบรนด์ ในขณะที่เก็บสะสมชิ้นงานอันทรงคุณค่าเหล่านี้ เพื่อรักษามูลค่าและรอวันที่มันจะเพิ่มมูลค่าของตัวมันเองในอนาคตข้างหน้า

รัก
xoxo

KATE