To top
21 Oct

กระเป๋าลายโมโนแกรม จาก 7 แบรนด์ดังระดับตำนาน

กระเป๋าลายโมโนแกรม (Monogram Canvas) หรือที่รู้จักกันในรูปแบบของผ้าใบลายต่าง ๆ ที่นำมาตัดเย็บกระเป๋ารวมถึง Item แฟชั่นต่าง ๆ นอกเหนือจากสัญลักษณ์โลโก้ของแบรนด์แล้ว อย่างนึงที่ไม่ควรมองข้ามเลยก็คือลายกราฟฟิกที่ถูกบรรจงประดิษฐ์ขึ้น แต่งแต้มสีสันลวดลายลงบนผืนผ้าใบ เพื่อสร้างเอกลักษณ์เป็นจุดเด่นให้ทุกคนจดจำ อีกทั้งเพื่อเป็นการป้องกันการลอกเลียนแบบจากสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ วันนี้เราจะมานำเสนอ 7 ลายโมโนแกรมยอดนิยม จากแบรนด์ดังระดับโลก จะมีแบรนด์ใดบ้างนั้น ติดตามได้จากบทความนี้ได้เลยค่ะ

 

1. Louis Vuitton Damier Canvas

ผ้าใบลายตารางหมากรุกจากแบรนด์ Louis Vuitton ถูกประดิษฐ์ขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1888 สำหรับกระเป๋าเดินทางและหีบสัมภาระ เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการค้า ป้องกันปัญหาการถูกลอกเลียนแบบ แต่เดิมถูกออกแบบมาให้เป็นสีแดงและสีขาว จนเปลี่ยนมาเป็นสีน้ำตาลอ่อนและน้ำตาลเข้ม ดังเช่นที่พบเห็นได้ทั่วไปในทุกวันนี้ ปัจจุบันลาย Damier มีการดัดแปลงเพิ่มเติมสีสันอีกหลายเฉดสี พบได้ทั้งผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง เครื่องแต่งกาย รวมถึงรองเท้าอีกด้วย

Louis Vuitton Speedy Damier Canvas

Louis Vuitton Speedy Damier Canvas

 

2. Louis Vuitton Monogram Canvas

เนื่องจากลายผ้าใบ Damier ยังแก้ปัญหาการลอกเลียนแบบไม่ได้ ลาย Monogram จึงถือกำเนิดขึ้น เป็นผลงานการออกแบบของ จอร์จ วิตตอง (Georges Vuitton) หลังเข้ารับช่วงบริหารบริษัทต่อเมื่อปี ค.ศ. 1892 โดยทำการเปิดตัวผ้าใบ Monogram อย่างเป็นทางการ และจดสิทธิบัตรเป็นลายลักษณ์อักษร ลวดลายของ Monogram นี้ประกอบไปด้วย ตัวอักษรภาษาอังกฤษ LV ตัวพิมพ์ใหญ่ไขว้กัน ตัวสัญลักษณ์ Quatrefoils และรูปดอกไม้ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากการออกแบบของญี่ปุ่นและยุควิคตอเรียน ปัจจุบันถือเป็นเอกลักษณ์และเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ Louis Vuitton ที่ทั่วโลกรู้จักและให้การยอมรับ

Louis Vuitton Neverfull Monogram Canvas

Louis Vuitton Neverfull Monogram Canvas

 

3. Goyardine Monogram Canvas

ผ้าใบ Goyardine ถูกประดิษฐ์ขึ้น เมื่อปี ค.ศ. 1892 โดย เอ็ดมอนด์ โกยาร์ (Edmond Goyard) ถือว่าเป็นการปฏิวัติวงการผลิตหีบใส่ของในยุคนั้นเลยก็ว่าได้ เนื่องจากในขณะนั้นหีบใส่ของส่วนใหญ่ วัสดุที่ห่อหุ้ม ทำจากผ้าลินินธรรมดาเท่านั้น ด้วยผ้าใบแบบใหม่นี้ วัสดุเป็นผ้าเคลือบผสมผ้าลินินและผ้าฝ้าย มีน้ำหนักเบา ทนทาน สามารถกันน้ำได้ และมีความคล้ายคลึงกับหนังแท้อย่างมาก ผ้าใบ Goyardine จึงเป็นมรดกตกทอดทางความรู้ ที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นของตระกูลโกยาร์

สิ่งที่โดดเด่นบนผ้าใบ Goyardine คือ ลายเพ้นต์ที่เป็นจุด ๆ ติดกันเรียงเป็นรูปตัว “Y” ซึ่งเป็นตัวอักษรที่อยู่ตรงกลางของชื่อตระกูล Goyard มีลักษณะคล้ายรูปท่อนซุง ซึ่งสะท้อนถึงอาชีพดั้งเดิมของตระกูลโกยาร์ที่เกี่ยวกับกิจการค้าไม้ ความพิเศษของลายอยู่ที่ตัว Y มีตัว Y หนึ่งตัว มีการเพ้นต์คำว่า E. Goyard ด้วยสีขาวตัดกัน และเพ้นต์ที่อยู่ของร้าน Honoré Paris เป็น 2 เฉดสี น้ำตาลอ่อนและน้ำตาลเข้ม

Goyard Saint Louis Tote Bag

Goyard Saint Louis Tote Bag

 

4. Gucci GG Supreme Monogram

Gucci ได้เริ่มขยายการผลิตสินค้าไปสู่อุตสาหกรรมสิ่งทอ จากแต่เดิมที่มุ่งเน้นกิจการเกี่ยวกับการขี่ม้าและเครื่องหนัง เนื่องจากในช่วงกลางศตวรรษ 1930 เกิดการคว่ำบาตรสินค้าจากอิตาลี อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากภาวะเศษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา เกิดผลกระทบต่อประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรป และเป็นสาเหตุประการหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่ 2  นำไปสู่การกำเนิดลายสัญลักษณ์ของ Gucci เป็นครั้งแรก คือ ลายข้าวหลามตัด โดยมีมุมทั้ง 4 ด้านเปนตัว G 2 ตัวต่อเนื่องสลับกันบนผืนผ้าใบสีน้ำตาลเข้ม ถักทอจากผ้าใยกัญชง (tan hemp fabric) ซึ่งออกแบบโดย กุชชิโอ กุชชี่ (Guccio Gucci)

1955 Horsebit Shoulder bag

1955 Horsebit Shoulder bag

 

5. Dior Oblique Pattern Canvas

ลวดลายตัว D เฉียงอันคุ้นตาจากแบรนด์ Christian Dior ที่มาของชื่อนั้นมาจากคอลเลกชั่น Fall/Winter ในปี ค.ศ. 1950-1951 ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1967 โดย มาร์ค โบแฮน (Marc Bohan) ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่ง Creative Director ของ Dior ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1961 ถึง ปี ค.ศ. 1989 ลวดลาย Dior Oblique Pattern Canvas นี้ ได้ออกสู่สายตาคนทั่วไปครั้งแรก ในงานแฟชั่นโชว์ Spring/Summer ในปี ค.ศ. 1969 ลวดลายประกอบไปด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษ Dior โดยที่ตัว D เป็นตัวพิมพ์ใหญ่

Dior Saddle Bag

Dior Saddle Bag

6. The Burberry Check

ลวดลายสก๊อตหรือลายตารางอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเมื่อใครได้เห็นแล้วจะต้องนึกถึงแบรนด์ดังอย่าง Burberry อย่างแน่นอน ถูกสร้างสรรค์ขึ้นตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1920 โดยเริ่มต้นจากการเป็นลวดลายบนเทรนช์โค้ท (Trench Coat) ซึ่งเป็น Item หลักของแบรนด์ เป็นโค้ทชนิดพิเศษของ Burberry จากการคิดค้นพัฒนาผ้าที่มีชื่อเรียกว่า “กาบาร์ดีน” (Gabardine) โดยมีคุณสมบัติน้ำหนักเบา กันน้ำได้ มีความเหนียวแน่น และทนทาน

BURBERRY medium check bum bag

BURBERRY medium check bum bag

ออกแบบโดย โทมัส เบอเบอรี่ (Thomas Burberry) ผู้ก่อตั้งแบรนด์ ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากเสื้อกันหนาวผ้าลินินของชาวไร่และคนเลี้ยงแกะในศตวรรษที่ 19 ผ้ากาบาร์ดีน ถูกนำมาพัฒนา จนกลายมาเป็นจุดกำเนิดของเสื้อกันฝนเทรนช์โค้ท ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ตลอดมา ปัจจุบันลาย Burberry Check ได้ถูกพัฒนาเป็นลวดลายใหม่โดยมีองค์ประกอบหลักจากตัวอักษร T และ B เพิ่มความสนุกสนานและความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งลายโมโนแกรมลายใหม่นี้ ได้ถูกออกแบบโดย พีเตอร์ สวิลล์ (Peter Saville) ผู้กำกับศิลป์และนักออกแบบกราฟฟิกชาวอังกฤษ

7. Fendi Classic Monogram

อีกหนึ่งลายโมโนแกรมที่มองครั้งเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์สัญชาติอิตาลีอย่าง Fendi ซึ่งถูกออกแบบเมื่อปี ค.ศ. 2013 โดย คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ (Karl Lagerfeld) Fashion Stylish ระดับโลกผู้ล่วงลับ จากการคิดและวาดลายลงบนกระดาษภายใน 3 วินาทีของเขา เปลี่ยนตำนานบทใหม่ของแบรนด์ Fendi ไปตลอดกาล ด้วยโลโก้ที่มีเพียงตัวอักษร F แค่ 2 ตัว (Double F) แต่กลับได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน

FENDI Mon Tresor Mini leather bucket bag

FENDI Mon Tresor Mini leather bucket bag

 

กระเป๋าแบรนด์เนมลายโมโนแกรม เรียกได้ว่าเป็นกระเป๋าที่แต่ละแบรนด์รังสรรค์ออกมาด้วยความตั้งใจ เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์ ที่ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านล่วงเลยไปนานเท่าใด ความสวยงามและความคลาสสิคของลวดลายบนผืนผ้าใบเหล่านี้จะไม่มีวันจางหายไปตามกาลเวลา ในปัจจุบันบางแบรนด์อาจมีการปรับเปลี่ยนลวดลายเพิ่มความสนุกสนาน เพื่อให้เข้ากับยุคสมัย แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงอยู่ คือ สัญลักษณ์ของความสำเร็จที่จะตราตรึงอยู่ในใจของเหล่าแฟชั่นนิสต้าทั่วโลก

 

รัก
xoxo

 

 

KATE