To top
28 Jan

ประวัติ Van Cleef & Arpels อัญมณีของสุภาพสตรีชั้นสูง

vancleef-&-arpels
ประวัติ Van Cleef & Arpels - ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เพชรและอัญมณี คือสิ่งที่อยู่คู่กับผู้หญิงมาในทุกยุคทุกสมัย เครื่องประดับอัญมณีที่มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักในหมู่สุภาพสตรี ชนชั้นสูงมายาวนานนับศตวรรษ คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก แวน คลีฟ แอนด์ อาร์เปลส์ (Van Cleef & Arpels) แบรนด์เครื่องประดับเก่าแก่ ที่มีอายุกว่า 124 ปี เรื่องราวของ Van Cleef & Arpels นั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความรักและโรแมนติก ในวันนี้ เราจะพาทุกท่าน ย้อนเวลากลับไปสัมผัสกับกลิ่นอายความคลาสสิก เรื่องราวของอัญมณีชั้นสูงจากฝรั่งเศส แบรนด์นี้ไปพร้อม ๆ กัน The History of Van Cleef & Arpels  อัลเฟรด แวน คลีฟ (Alfred Van Cleef) และ เอสเทล อาร์เปลส (Estelle Arpels) แวน คลีฟ แอนด์ อาร์เปลส์ Van Cleef & Arpels เป็นบริษัทเครื่องประดับหรูหรา นาฬิกา และน้ำหอม ของฝรั่งเศส ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1896 เรื่องราวของแบรนด์เริ่มต้นขึ้นจากความรักของคู่หนุ่มสาว นามว่า เอสเทล อาร์เปลส (Estelle Arpels) ลูกสาวของพ่อค้าอัญมณี ซาโลมอน อาร์เปลส (Salomon Arpels) ซึ่งได้แต่งงานกับ อัลเฟรด แวน คลีฟ (Alfred Van Cleef) ลูกชายช่างทำเครื่องประดับ  ความหลงใหลในการทำเครื่องประดับของทั้งสองครอบครัว เป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดร้านที่ Place Vendôme สถานที่อันมีชื่อเสียงในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดย แวน คลีฟ แอนด์ อาร์เปลส มีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดหาอัญมณีที่หายาก ไปจนถึงการทำเครื่องประดับ และนาฬิกา ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในตลาดสินค้าหรูหรา โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มีชื่อเสียง  ในปี ค.ศ. 1954 ทางแบรนด์ ได้ทำการเปิดตัวคอลเล็กชั่นเครื่องประดับรูปสัตว์ต่าง ๆ โดยใช้ชื่อว่า La Boutique โดยผลงานที่เป็นที่ชื่นชอบและถูกกล่าวถึงมากที่สุดมีด้วยกันสองชิ้น คือ เครื่องประดับรูปสุนัขนั่งที่ทำจากลวดทองขัดเงา มาพร้อมดวงตาสีเขียวนิล และจมูกสีดำนิล และเครื่องประดับรูปกระต่าย ที่ถูกสร้างขึ้นจากทองคำ 18 K อันมีดวงตาสีมรกตประดับด้วยเพชรเม็ดเดี่ยวทรงกลม พร้อมทั้งจมูกที่ทำจากทับทิม   เครื่องประดับส่วนใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1957 จะมีรูปทรงเป็นดอกไม้ โดยเฉพาะดอก Camellia (คาร์มิเลีย) อันเป็นชิ้นงานสุดแสนโรแมนติกของ Van Cleef & Arpels ซึ่งประกอบไปด้วยเพชรเจียระไนทรงกลมเรียงสลับกันกับแซฟไฟร์ เครื่องประดับชุดดอก Camellia นี้ประกอบไปด้วยเข็มกลัด และต่างหู ที่เข้ากันได้ดี โดยตัวเข็มกลัดนั้นมีน้ำหนักเพชรรวมแล้วประมาณ 10 กะรัต ซึ่งด้านหลังนั้นมีสัญลักษณ์ Van Cleef & Arpels N.Y. 40223 ปรากฏอยู่    Van Cleef &...
Continue reading
16 Jan

ประวัติ Piaget กว่า 140 ปี ความงามของเครื่องบอกเวลาชั้นสูง

ประวัติ piaget
ประวัติ Piaget - หากกล่าวถึงนาฬิกาที่ได้รับการนิยมในระดับสากล ก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนาฬิกาสัญชาติสวิส ซึ่งนาฬิกาที่ประทับตรา Swiss Made นั้นเป็นเครื่องการันตีถึงคุณภาพที่ทั้งโลกให้การยอมรับ Piaget แบรนด์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องความสง่างามของอัญมณีชั้นสูง ทั้งยังมีชื่อเสียงในด้านการออกแบบนาฬิกาหรูหราที่มีรูปลักษณ์เพรียวบาง โดดเด่นด้วยกลไกที่บางเฉียบ และเรื่องราวความน่าสนใจ รวมถึง ประวัติ Piaget ที่มีอายุยาวนานกว่า 140 ปี จะถูกเปิดเผยในบทความนี้   The History of Piaget จุดเริ่มต้นของนาฬิกา Piaget (เพียเจต์) เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ใน La Côte-aux-Fées บนเทือกเขา Jura ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จอร์ช - เอดูอาร์ด เพียเจต์ (Georges-Édouard Piaget) ผู้หลงใหลในการผลิตนาฬิกาตั้งแต่วัยเยาว์ ได้จัดตั้งเวิร์กชอปการผลิตนาฬิกาขึ้นในฟาร์มของครอบครัวในปี ค.ศ. 1874 ในขณะที่มีอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น เขาได้ทุ่มเทให้กับการสร้างกลไกนาฬิกาที่มีความแม่นยำสูง โดยเขามีคติที่ใช้ผลักดันการทำงานของตัวเองว่า "Always do better than necessary" หรือมีความหมายว่า ทำให้ดีกว่าเสมอ ในปี ค.ศ. 1910 ธุรกิจของครอบครัวกำลังเฟื่องฟูโดยทุกคนได้ทำงานร่วมกันเพื่อสืบสานมรดกตกทอดของ จอร์ช - เอดูอาร์ด เพียเจต์ และลูกชายของเขา ทิโมธี เพียเจต์ (Timothée Piaget) บุคคลสำคัญที่เป็นแรงขับเคลื่อนให้ธุรกิจพัฒนา จากการเป็นผู้ผลิตกลไกนาฬิกา กลายมาเป็นผู้ผลิตนาฬิกาพกและนาฬิกาข้อมือหรูหรา จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1943 เพียเจต์ ได้รับการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า และได้มีการขยายไลน์การผลิตที่ใหญ่ขึ้นใหม่ที่ La Côte-aux-Fées ทายาทรุ่นที่สามของตระกูล Gérald...
Continue reading
14 Jan

KAWS คือ ศิลปะกราฟฟิตี้ที่ก้าวเข้าสู่แฟชั่นแนวสตรีท

KAWS คือ ตัวการ์ตูนคาแรกเตอร์ประหลาด ๆ ที่มีความโดดเด่นตรงสัญลักษณ์กากบาท (X X) ที่ดวงตา และส่วนหัวที่เป็นรูปกะโหลก แน่นอนว่ามองปราดเดียวก็รู้ได้ว่า มันคือผลงานการออกแบบของ ควอส์  (Kaws) ซึ่งเป็นนามแฝงของศิลปินและดีไซเนอร์ชาวอเมริกัน ไบรอัน โดเนลลี (Brian Donnelly) ซึ่งผลงานของเขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นศิลปะสไตล์ Street Art และการออกแบบสไตล์ Street Fashion ที่ดึงดูดความสนใจจากผู้คนไปทั่วโลก ...
Continue reading
12 Jan

Tory Burch อ่านว่า อย่างไร ? ถึงจะไม่โป๊ะ

แบรนด์แฟชั่นส่วนใหญ่ที่มาจากต่างประเทศนั้นมักจะถูกอ่านชื่อแบรนด์ผิด หรือออกเสียงไม่ตรงตามต้นฉบับของภาษานั้น ๆ และ Tory Burch เองก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่คนส่วนใหญ่ มักจะออกเสียงชื่อแบรนด์ไม่ถูกต้อง การอ่านออกเสียงที่ถูกต้องจริง ๆ แล้ว คือ Tory Burch อ่านว่า ทอรี่ – เบิร์ซ และในบทความนี้เราจะกล่าวถึงประวัติของ Tory Burch ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในนิวยอร์ก ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 2004 เพื่อทำความรู้จักกับแบรนด์แฟชั่นสัญชาติอเมริกันแบรนด์นี้ มากยิ่งขึ้น...
Continue reading
9 Jan

Coach Thailand ร้านบูติกของแบรนด์สัญชาติอเมริกัน

coach
Coach Thailand - หากพูดถึงกระเป๋าสำหรับสุภาพสตรี ที่มีราคาตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหมื่นต้น ๆ แน่นอนว่า จะต้องมีกระเป๋าจากแบรนด์ Coach (โค้ช) อยู่ในลิสต์อย่างแน่นอน ในปัจจุบันโค้ชนั้นมีช่องทางการจำหน่ายสินค้าหลากหลายช่องทางไม่ว่าจะเป็นแบบออนไลน์ หรือจำหน่ายในร้านบูติก และสำหรับประเทศไทยนั้นมีร้าน Coach Thailand อยู่ด้วยกันถึง 21 สาขา  ในบทความนี้ เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จัก กับเรื่องราวประวัติของแบรนด์ที่ยืนหยัดมานานกว่า 79 ปี จากธุรกิจเล็ก ๆ สู่แบรนด์ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก The History of Coach โค้ช (Coach) ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1941 ที่ Manhattan ในมหานครนิวยอร์ก ซึ่งเริ่มแรกนั้นเป็นเพียงธุรกิจครอบครัวที่ทำสินค้าเกี่ยวกับเครื่องหนัง ภายใต้ชื่อ "Gail Manufacturing Company" โดยมีช่างฝีมือเครื่องหนังเพียงหกคนเท่านั้น ซึ่งสินค้าแต่ละชิ้นนั้นทำขึ้นด้วยมือทั้งหมด ต่อมา ไมล์ส คาห์น (Miles Cahn) เจ้าของโรงงานผลิตเครื่องหนังแห่งหนึ่ง ต้องการเอากระเป๋าสตางค์ไปซ่อม เขาจึงเดินทางไปหาพ่อซึ่งทำงานเป็นช่างเครื่องหนังให้กับแบรนด์โค้ช ซึ่งนั่นทำให้เขามีโอกาสมาเยือนโรงงานแห่งนี้เป็นประจำ และรู้สึกผูกพันกับสถานที่แห่งนี้ จนในที่สุด ไมล์ส คาห์น ก็ตัดสินใจเข้ามาทำงานที่โค้ชเมื่อปี ค.ศ. 1946 พร้อมกับภรรยาของเขา ลิลเลียน คาห์น (Lillian Cahn) เมื่อเข้ามาทำงานที่โค้ช ไมล์ส คาห์น ได้สังเกตเห็นคุณสมบัติที่โดดเด่นของหนังที่ใช้ทำถุงมือเบสบอล ที่ผ่านการใช้งานจนสึกหรอจะทำให้หนังนั้นนุ่มขึ้น เขาจึงพยายามจะเลียนแบบกระบวนการสึกหรอของหนังชนิดนี้ โดยใช้วิธีการแปรรูปหนังเพื่อให้หนังมีความแข็งแรงและยืดหยุ่นมากขึ้น ไมล์ส คาห์น จึงเริ่มผลิตกระเป๋าถือสำหรับผู้หญิง ซึ่งได้รับความนิยมในทันที ไม่นานหลังจากที่เขามาทำงานที่โค้ชและเริ่มเชี่ยวชาญในเรื่องของเครื่องหนัง เขาและภรรยาก็ได้ตัดสินใจซื้อกิจการเป็นของตัวเองในปี ค.ศ. 1961 ในปีเดียวกันนั้นเอง โค้ชได้ว่าจ้างนักออกแบบชาวอเมริกัน...
Continue reading
21 Dec

ประวัติ Paul Smith – แบรนด์แฟชั่นคลาสสิกจากอังกฤษ

หากจะกล่าวถึงแฟชั่นเครื่องแต่งกายสำหรับสุภาพบุรษ หลาย ๆ คนอาจจะนึกถึงแบรนด์ Paul Smith (พอล สมิธ) ดีไซน์เนอร์คนดังจากเมืองผู้ดีอังกฤษ ที่มีชื่อเสียงในวงการออกแบบแฟชั่นเสื้อผ้าสำหรับผู้ชาย ผสมผสานสีสัน ความทันสมัย โดยเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของแบรนด์นี้คือ เส้นลายทางหลากสี อันเป็นตัวแทนของความสนุกสนาน ซึ่งถูกแฝงไว้ในการตัดเย็บอันคงความคลาสสิก เราได้รวบรวมเอาเรื่องราวที่น่าสนใจ และ ประวัติ Paul Smith แบรนด์แฟชั่นระดับโลกที่มีอายุกว่า 5 ทศวรรษ   The History of Paul Smith ประวัติ Paul Smith (พอล สมิธ) แบรนด์ถูกก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1970 โดย เซอร์ พอล ไบรเออร์ลีย์ สมิธ (Sir Paul Brierley Smith CH CBE RDI) หรือที่รู้จักกันในชื่อ พอล สมิธ เขาเกิดเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 1946 ที่เมืองน็อตติงแฮม ประเทศอังกฤษ เมื่ออายุได้ 15 ปี เขาได้ไปทำงานในโกดังเสื้อผ้าในน็อตติงแฮม ความใฝ่ฝันของเขาในขณะนั้นคือการเป็นนักปั่นจักรยาน โดยเขาเดินทางไปทำงานและกลับบ้านด้วยจักรยานในทุกวัน แต่เส้นทางความฝันเขาก็ต้องเปลี่ยนไป เมื่อเขาได้รับประสบอุบัติเหตุจากการขี่จักรยานตอนอายุได้ 17 ปี  หลังจากที่ พอล สมิธ ประสบอุบัติเหตุเขาได้พักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลนานกว่า 6 เดือน ซึ่งตลอดช่วงระยะเวลานั้น พอลลีน (Pauline) เพื่อนของเขาได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้ พอล สมิธ ก้าวเข้าสู่โลกของศิลปะและแฟชั่น...
Continue reading
23 Nov

ประวัติ MCM แบรนด์ยอดฮิตของคนเอเชีย

ถ้าหากพูดถึงแบรนด์กระเป๋า และเครื่องหนังยอดฮิตที่ดาราเกาหลีนิยมใช้ หลาย ๆ คนก็คงนึกถึงแบรนด์ MCM อย่างแน่นอน และคนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า MCM เป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งโดยคนเกาหลี แต่จริง ๆ แล้ว ประวัติ MCM เริ่มขึ้นที่มิวนิก ประเทศเยอรมนีเมื่อกว่า 40 ปีที่แล้ว ด้วยเฉดสีคอนยัค (Cognac) ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร และลวดลายโมโนแกรม Visetos (วิเซโต้) ทำให้แบรนด์กลายเป็นที่จดจำจนได้รับความนิยมจากคนทั่วทั้งเอเชียละยุโรป!   The History of MCM ประวัติ MCM นั้นเริ่มจากแบรนด์เครื่องหนังหรูหราสัญชาติเยอรมัน MCM ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1977 ที่มิวนิกในเยอรมนี ผู้ก่อตั้งแบรนด์คือ ไมเคิล โครเมอร์ (Michael Cromer) เขาเกิดเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ. 1939 ที่เมืองเครเฟลด์ ประเทศเยอรมนี โดย ไมเคิล โครเมอร์ และภรรยาของเขาได้ร่วมกันเปิดร้านเสริมสวยโดยใช้ชื่อว่า  Modern Coiffeur München ด้วยความที่เขาเป็นดาราทำให้เพื่อน ๆ ในวงการแวะเวียนมาใช้บริการร้านเสริมสวยอยู่เป็นประจำ ในปี ค.ศ. 1975 เขาและภรรยาได้สร้างชุดกระเป๋าเครื่องสำอางสีขาวที่มีโลโก้ MCM ไว้มอบให้สำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการร้านเสริมสวย ซึ่งในปีเดียวกันนั้นเองที่ ไมเคิล โครเมอร์ ได้ไปถ่ายทำภาพยนต์ที่อิตาลี เขาสังเกตเห็นว่าพนักงานบริการของโรงแรมจะดูแลลูกค้าที่ใช้กระเป๋าเดินทางจากแบรนด์ Louis Vuitton เป็นพิเศษ นั่นทำให้เขามีความคิดที่จะสร้างกระเป๋าเดินทางของภายใต้แบรนด์ตัวเองขึ้นมา ไมเคิล โครเมอร์ ร่วมมือกับผู้ผลิตกระเป๋าเดินทาง เพื่อออกแบบและสร้างกระเป๋าเดินทางสีคอนยัค (Cognac) ซึ่งเขาเรียกว่า Visetos มาพร้อมกับโลโก้ MCM...
Continue reading
21 Sep

Boyy แบรนด์หรูฝีมือคนไทยที่ดังไกลระดับโลก

วงการแฟชั่นของเมืองไทยเฟื่องฟูมาอย่างต่อเนื่อง แต่มีเพียงไม่กี่แบรนด์จากประเทศไทยที่ก้าวสู่แบรนด์แฟชั่นชั้นนำระดับโลกได้อย่าง Boyy (บอย) แบรนด์ฝีมือคนไทยได้เป็นที่รู้จัก และเป็นที่นิยมไปทั่วโลกจนสามารถเทียบกับแบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ ได้ แม้ว่าแบรนด์จะเพิ่งก่อตั้งได้ไม่นานนัก แต่ด้วยดีไซน์สไตล์สตรีทที่โดดเด่นและเติบโตมาท่ามกลางกระแสที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ได้รับความนิยมมากที่สุดเท่าที่ดีไซเนอร์ของเมืองไทยเคยทำมา The History of Boyy  บอย (Boyy) ก่อตั้งขึ้นใน ปี ค.ศ. 2006 โดย คุณบอย วรรณศิริ คงมั่น (Wannasiri Kongman) และเจสซี่ ดอร์ซีย์ (Jesse Dorsey) ซึ่งตัวเธอเองเธอเป็นคนไทยที่ไปใช้ชีวิตที่นิวยอร์ก โดยไปเรียนภาษาและทำงานในร้านอาหาร จุดเริ่มต้นของการสร้างแบรนด์ คือ ความรัก ความชื่นชอบ และความหลงใหลในกระเป๋า เธอเป็นคนที่รอบรู้เรื่องกระเป๋า และเธอยังชอบมองดูพฤติกรรมของผู้คนที่เดินบนถนน เพื่อดูว่าแต่ละคนจะสะพายกระเป๋าแบบใดอีกด้วย นอกจากจะทำงานแล้ว เธอยังไปเรียนภาคค่ำที่สถาบัน FIT (Fashion Institute of Technology) ในขณะที่คุณบอยกำลังศึกษาอยู่นั้น เธอก็ได้พบกับ เจสซี่ ดอร์ซีย์ (Jesse Dorsey) ซึ่งต่อมาได้กลายมาเป็นคู่ชีวิตของเธอ ต่อมาเขาก็ได้เป็นหุ้นส่วนคนสำคัญของคุณบอย ซึ่งคุณรู้หรือไม่ว่า ที่ผ่านมาคุณบอยได้ทำกระเป๋าขึ้นมาใช้เอง เพราะกระเป๋าแบรนด์ดังในท้องตลาดมีราคาแพงมาก เจสซี่ ดอร์ซีย์จึงได้ผลักดันให้เธอออกมาทำกระเป๋าเป็นของตัวเอง! เรื่องราวของความสำเร็จของคุณบอย คือ "การสร้างสรรค์ที่เกิดจากความหลงใหล" ซึ่งเริ่มขึ้นในนิวยอร์กสู่กรุงเทพมหานคร การขับเคลื่อนอย่างไม่หยุดหย่อน และความมุ่งมั่นของทั้งคู่ ทำให้กระเป๋าคอลเล็กชั่นแรกได้เกิดขึ้น ซึ่งเป็นกระเป๋าแบบเดียวที่มีสองขนาด และมีทั้งหมดสามสี ทั้งหมดนี้ถูกแสดงอยู่ที่ห้องครัวในอพาร์ทเมนต์ของ เจสซี่ ดอร์ซีย์ ในใจกลางเมืองนิวยอร์ก โดยมีผู้ซื้อ และผู้จัดจำหน่ายค้าส่งจากญี่ปุ่นได้ไปเยี่ยมชม ซึ่งทั้งคู่ยังได้นำเสนอกระเป๋าไปยังร้านค้า ๆ ในเมืองแบบ door-to-door อีกด้วย ทั้งบอยและเจสซี่ ได้รับโอกาสในการแสดงผลงานออกแบบให้กับบรรณาธิการของนิตยาสาร Visionaire Magazine นอกจากนี้ การออกแบบของ บอย ยังสะดุดตาผู้ก่อตั้งและครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ของ Colette Concept Store นั่นก็คือ ซาราห์ แอนเดลแมน (Sarah Andelmen) ซึ่งสั่งซื้อสินค้าในช่วงแรก ๆ หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้เซ็นสัญญากับ สตีเวน อลัน (Steven Alan) นักออกแบบแฟชั่นชาวอเมริกัน นั่นทำให้กระเป๋าของพวกเขาถูกนำแสดงในโชว์รูมที่แมนฮัตตัน บอยและเจสซี่ ได้จัดหาวัสดุ และฮาร์ดแวร์จากโรงงานในอิตาลี การย้ายไปมิลานดูเหมือนจะเป็นก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้อง ทั้งสองคนยังเชิญ พอล ปารวัฒน์ วราทิพย์ มาเป็นกรรมการผู้จัดการคนใหม่ ซึ่งจะทำหน้าที่ดูแลการดำเนินงานทั้งหมดในขณะที่ทั้งสองมุ่งเน้นไปที่การขยายธุรกิจ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการเจาะลึกไปที่แว่นตารวมถึงเครื่องประดับ และสินค้าอื่น ๆ ทั้งคู่ยังมีแผนที่จะเปิดร้านบูติกในฮ่องกงและตะวันออกกลางอีกด้วย นับว่าเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งของดีไซเนอร์ชาวไทยอย่าง วรรณศิริ คงมั่น ที่เริ่มต้นการสร้างสรรผลงานการออกแบบด้วยความหลงใหล และเธอเองก็มีความรู้ในเรื่องของกระเป๋า ด้วยความมุ่งมั่นบวกกับมีแรงผลักดัน ทำให้เธอได้สร้างกระเป๋า Boyy...
Continue reading
14 Sep

เปิดประวัติ Mikimoto จุดกำเนิดราชินีแห่งอัญมณี

เปิดประวัติ Mikimoto จุดกำเนิดราชินีแห่งอัญมณี - หากพูดถึงอัญมณีอันล้ำค่าที่เป็นสัญลักษณ์ของ "ความงามแห่งท้องทะเล" อยู่เคียงคู่กับผู้หญิงมาอย่างยาวนานหลายร้อยปี คงหนีไม่พ้นอัญมณีที่มีชื่อว่า "ไข่มุก" และไข่มุกยังได้ฉายาราชินีแห่งอัญมณีอีกด้วย เพราะในสมัยโบราณนั้นไข่มุกเป็นสิ่งที่มีความสวยงามเฉพาะตัวและค่อนข้างหาได้ยาก ซึ่งส่วนใหญ่มักจะพบจากหอยนางรมตามธรรมชาติ ที่มีสิ่งแปลกปลอมหลุดเข้าไปอยู่ในตัวหอย ทำให้ตัวหอยระคายเคืองแล้วปล่อยสารออกมาเคลือบ จนกลายเป็นไข่มุกธรรมชาติ มีลักษณะเงางามเหมือนเปลือกหอยชนิดนั้น ๆ เชื่อว่าหลายต่อหลายคนต้องรู้จักเครื่องประดับที่มีความสวยงามชนิดนี้อย่างแน่นอน ด้วยมูลค่าของไข่มุกไม่ต่างการเพชรมากเท่าไหร่นัก จึงทำให้เป็นที่นิยมไม่แพ้กัน และในปัจจุบันนี้ เราสามารถเลี้ยงมุกให้มีคุณภาพได้ และยังความสวยงามเช่นเดียวกับมุกธรรมชาติ การผลิตไข่มุกจึงได้กลายมาเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่า และได้เข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตให้กับชาวประมงทั่วโลก ตั้งแต่ที่ประเทศญี่ปุ่นจรดหมู่เกาะทะเลใต้ รวมถึงในประเทศไทย ในวันนี้ เราจะมาพูดถึงตำนาน "ราชินีแห่งอัญมณี" ที่มีมายาวนานมากกว่า 122 ปี ของแบรนด์ดังอย่าง "MIKIMOTO"  โดยบรนด์ได้นำมาขยายการเพาะเลี้ยงหอยมุกในหลายจังหวัด ที่ประเทศญี่ปุ่น   Founder (ผู้ก่อตั้ง)   โคคิจิ มิกิโมโตะ (御木本 幸吉) ในปลายศตวรรษที่ 19 บุคคลที่มีนามว่า โคคิจิ มิกิโมโตะ (Kokichi Mikimoto) เกิดเมื่อวันที่ 25 มกราคม ค.ศ. 1858 ได้เติบโตขึ้นในตระกูลพ่อค้าขายอุด้งของเมืองโทบะ แคว้นทสึ (ในปัจจุบัน คือ เมืองโทบะ จังหวัดมิเอะ ประเทศญี่ปุ่น)​ โดยในวัยเด็กโคคิจิได้ใช้ชีวิตในชุมชนชาวประมง จึงทำให้เขาเห็นวิถีชีวิตของอามะซัง (ในที่นี้ คือ สาวดำน้ำงมหอย)​ ซึ่งบุคคลเหล่านี้มักจะพบไข่มุกธรรมชาติแล้วนำไปขาย และโคคิจิก็ได้หลงใหลในไข่มุกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แต่ไข่มุกธรรมชาติมักมีรูปร่างค่อนข้างบิดเบี้ยว มีขนาดเล็ก และผุกร่อนไม่สวยงามสมบูรณ์แบบเท่าไหร่นัก เมื่อโคคิจิอายุได้ 13 ปี เขาได้เริ่มออกทำการค้าเพื่อช่วยเหลือครอบครัวไปพร้อม ๆ กับการสะสมและค้าขายไข่มุก และเมื่อโคคิจิอายุ 20 ปี...
Continue reading
2 Sep

ดอกคามิเลีย Chanel ที่เป็นมากกว่าแค่ดอกไม้

The Camellia - ดอกคามิเลียนั้นเป็นดอกไม้ชนิดโปรดและดอกไม้ประจำตัวของ Coco Chanel เลยก็ว่าได้ โดยดอกคามิเลีย หรืออีกชื่อที่เป็นที่รู้จักกันในแถบเอเชีย คือ กุหลาบญี่ปุ่น  (Japanses Rose) นั้นมีมากกว่า 120 สายพันธุ์ ตามบันทึกมีการกล่าวถึงดอกคามิเลียว่า ได้มีการนำเข้ามาในประเทศแถบยุโรป ช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 โดย พระเจ้าหลุย ฟิลิป แห่งฝรั่งเศส (Louis-Philippe) และ ซาร์ แห่งรัสเซีย (Tsarist Russia)  แต่กว่าดอกคามิเลียจะมาเป็นส่วนหนึ่งของ Chanel นั้น มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ ซึ่งทางเราได้รวบรวมเนื้อหาทั้งหมดมาให้เหล่าสาวก Chanel ได้รับชมกันไว้ที่นี้เป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ   ดอกคามิเลีย chanel     The meaning of the camellia flower ดอกคามิเลีย (Camellia) เป็นสัญลักษณ์แห่งความเย้ายวนและสง่างามของผู้หญิง เนื่องจากความขาวบริสุทธิ์  กลีบดอกไม้ที่เรียงทับซ้อนกันอย่างสวยงามและลงตัว ประกอบกับความมนกลม ถูกหลักสมมาตร จึงถูกเลือกใช้และจัดสรรให้เป็นดอกไม้ของผู้หญิงชนชั้นสูงในสมัยนั้น ซึ่งได้มีการนำดอกไม้มาประดับตกแต่งตามเสื้อผ้า และประดับผม อีกทั้งยังได้มีการนำมาตกแต่งตามสถานที่สำคัญต่าง ๆ เช่นกัน อย่างโรงหนัง, โรงละครโอเปร่า และรถม้าลากโดยสาร รอบสวนสาธารณะบัวส์ เดอ บูโลญ (Bois de Boulogne) อีกด้วย  Camellia is not just a flower จุดเริ่มต้นของการนำดอกคามิเลียมาเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์  Chanel นั้น มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ เนื่องจากความหมายของดอกคามิเลียที่เป็นสัญลักษณ์ของความเย้ายวนและสง่างามของผู้หญิง แต่ได้เริ่มมีการนำมาใช้อย่างจริงจังในแวดวงแฟชั่นเครื่องแต่งกายของสุภาพบุรุษในช่วงปีคริสต์ศตวรรษที่...
Continue reading
19 Mar

6 วิธีดู Cartier Love Bracelet ฉบับ Guru

เมื่อพูดถึงเครื่องประดับ Luxury Brand ที่มีดีไซน์เรียบโก้ อัตลักษณ์ที่ชัดเจน คงจะหนีไปพ้นแบรนด์ Cartier ที่ถือกำเนิดมามากกว่า 173 ปี ได้รับการขนานนามว่า "ความสง่างามแห่งอัญมณีของโลก" ซึ่งแบรนด์เริ่มต้นจากร้านเพชรธรรมดา กลายมาเป็นแบรนด์ระดับโลกได้ ซึ่ง ณ ตอนนี้เป็นที่นิยมและต้องการสูง แน่นอนว่าสาวๆ หลายทั่วโลกใฝ่ฝันที่จะครอบครองเครื่องประดับแบรนด์นี้สักชิ้น หรือหนุ่มคนไหนที่กำลังมองหาของขวัญ เนื่องในวันพิเศษ โดยเราจะมาเจาะลึกไปกับ 6 วิธีดู Cartier Love Bracelet ฉบับ Guru เพื่อเป็นความรู้ในเรื่องการเลือกซื้อของคุณผู้หญิง และคุณผู้ชายกันค่ะ ซึ่ง Cartier Love Bracelet ได้รับแรงบัลดาลใจมาจาก เข็มขัดพรหมจรรย์ และมีแนวคิดที่ว่า สัญลักษณ์แห่งความรักจะคงอยู่ตลอดไป ที่เป็นเสน่ห์ของ Cartier Love Bracelet จึงเรียกได้ว่า สร้อยข้อมือ Cartier Love ทำให้เครื่องประดับชิ้นนี้ เป็นที่นิยมอย่างล้นหลามตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน   1. Material กำไลแขนของแบรนด์ Cartier นั้นวัสดุหลักๆ ในการออกแบบและผลิตกำไล คือ ทองคำแท้และแพลทินัม ในส่วนของทองมีค่า 18K ด้วยกัน (18K หมายถึง ค่าความบริสุทธิ์ของทองคำอยู่ประมาณ 75%) หากรุ่นฝังเพชร เพชรที่ใช้ก็คือ เพชรแท้ และสีของกำไล จะมี 3 สี ได้แก่ Yellow Gold , Pink Gold , White Gold   2. Logo And Hallmarks จุดแรก...
Continue reading
13 Mar

ประวัติแบรนด์ BVLGARI ย้อนร้อยอัญมณีชั้นสูงของอิตาลี

BVLGARI (บุลการิ) แบรนด์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องการทำอัญมณี ด้วยเอกลักษณ์การดีไซน์ ที่มีการผสมผสานระหว่างศิลปะของกรีกโรมันเข้าด้วยกัน ใครจะรู้ว่าจากร้านเครื่องเงินเก่าแก่ธรรดา จะกลายเป็นเจ้าแห่งอัญมณีชั้นสูงที่นิยมไปทั่วโลกได้ เราจะนำท่านไปทำความรู้จักกับ ประวัติแบรนด์ BVLGARI ย้อนรอยตำนานเครื่องประดับรูปงู อัญมณีเครื่องรางที่มีความสร้างสรรค์สวยงาม และมีความล้ำค่าเหนือกาลเวลา   จุดเริ่มต้นของ BVLGARI ประวัติแบรนด์ BVLGARI เริ่มต้นจาก นาย โซเทริโอ บุลการิ (Sotirio Bulgari) ชายซึ่งอาศัยอยู่ทางตอนเหนือของกรีก ที่หมู่บ้าน Kalarites โซเทริโอเป็นช่างฝีมือที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการทำเครื่องประดับจากเงิน และเครื่องเงินโบราณ เขาได้อพยพมาอยู่ที่อิตาลีในปี ค.ศ. 1880 และอีกสี่ปีต่อมา เขาก็ได้เปิดร้านเครื่องประดับบนถนน Via Sistina ในกรุงโรม เป็นแห่งแรก ด้วยฝีมือการทำเครื่องประดับที่ปราณีต มีสไตล์ที่โดดเด่น มีการสร้างสรรค์เครื่องประดับจากสีสันที่สดใสของหินสีและอัญมณี ทำให้ BVLGARI สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศอิตาลีในด้านความเป็นเลิศของการทำเครื่องประดับ รวมทั้งแบรนด์เองก็ได้พัฒนาแนวความคิดเกี่ยวกับอัญมณีตามจักรราศี ถือเป็นภาพลักษณ์ที่โดดเด่นของแบรนด์ BVLGARI   โซเทริโอ บุลการิ (Sotirio Bulgari)   จากเครื่องเงินเก่าแก่สู่อัญมณีชั้นสูง เครื่องประดับเงินที่ปราณีตซึ่งสร้างขึ้นโดย โซเทริโอ บุลการิ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เดินทางมายังกรุงโรม ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวเพื่อเยี่ยมชมวัฒนธรรมดั้งเดิมของท้องถิ่น ทำให้ธุรกิจเครื่องประดับของเขาประสบความสำเร็จ หลังจากการเปิดร้านแรกที่ Via Sistina  โซเทริโอ บุลการิ ก็ได้เปิดร้านค้าแห่งใหม่อีกหลายแห่ง ทั้งใน Via Condotti และแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ โซเทริโอ บุลการิ มี ลูกชายสองคน คือ โจรโจ่ บุลการิ (Giorgio Bulgari) และ คอสแตนติโน่ บุลการิ (Costantino Bulgari) พวกเขาทั้งคู่ได้เข้าร่วมธุรกิจเครื่องประดับของครอบครัว...
Continue reading