To top
23 Jun

เทียบรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นท็อป Audi Porsche และ Tesla

เทียบรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นท็อป Audi Porsche และ Tesla – ปัจจุบันเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลก ในการเปลี่ยนระบบขับเคลื่อน จากรถเครื่องยนต์เบนซิน หรือ เครื่องยนต์ดีเซล ที่สามารถก่อให้เกิดมลพิษ มาเป็นการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่ปราศจากมลพิษหากคุณกำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้ามาใช้งานสักคัน การเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นตัวเลือกที่ดีและคุ้มค่าคุ้มราคา ในปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าได้มีหลายโมเดลออกมาให้เลือกซื้อเพิ่มขึ้น พร้อมฟังก์ชั่นครบครัน หรูหรา ทันสมัย ล้ำอนาคต วันนี้เราได้ เทียบรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นท็อป Audi Porsche และ Tesla มาเป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือกซื้อในอนาคต

Audi RS e-tron GT quattro

 

สำหรับตัวท็อป “Audi RS e-tron GT quattro” เป็นยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าที่มีความโดดเด่นด้านดีไซน์ โดยมีความสมบูรณ์แบบ สวยงาม โฉบเฉี่ยว สปอร์ตทั้งภายนอกและภายใน ด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ผสมผสานดีไซน์ ฟังก์ชัน และความสปอร์ตได้อย่างลงตัว ติดตั้งพวงมาลัยไฟฟ้าแบบ All-wheel steering เพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ในเมืองและการทรงตัวขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว

 

มาพร้อมระบบควบคุมการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตำแหน่ง ให้พละกำลังสูงถึง 646 แรงม้า ใน Boost Mode แรงบิดสูงสุด 830 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 3.3 วินาที ใน Boost Mode ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. สามารถขับได้ไกลถึง 504 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (ทดสอบตามมาตรฐาน NEDC)พื้นที่เก็บสัมภาระกว้างขวาง โดยด้านหน้าความจุ 85 ลิตร ด้านหลัง 350 ลิตร ล้อ 21 นิ้ว ลายพิเศษ ดิสก์เบรกหน้า-หลังเคลือบทังสเตนคาร์ไบด์ (Tungsten Carbide) พร้อมคาลิเปอร์เบรกสีแดง ชุดตกแต่งภายนอกแบบ Black package พร้อมตกแต่งกระจกมองข้างด้วยสีดำ และตกแต่งกระจังหน้าด้วยสี Glossy black

 

พื้นที่ในห้องโดยสารได้รับการออกแบบภายในตามแบบฉบับของ Audi Sport พื้นที่กว้างขวางและนั่งได้อย่างสะดวกสบาย ห้องโดยสารตกแต่งด้วยลาย Matte Carbon Twill ด้านข้างของคอนโซลตรงกลางหุ้มหนัง Alcantara สีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง ทำให้ดูสวยดุดัน และสปอร์ตเพิ่มขึ้น ที่วางแขนข้างประตูหุ้มหนัง Fine Nappa ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง โดดเด่นด้วยสายเข็มขัดนิรภัยสีแดงล้วนสไตล์สปอร์ต และพรมในห้องโดยสารด้านหน้าสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง

เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Sports Pro ตกแต่งแบบ Honeycomb พร้อมฟังก์ชันระบายอากาศ และนวดเพื่อการผ่อนคลาย สำหรับเบาะนั่งคู่หน้า พวงมาลัยไฟฟ้ามัลติฟังก์ชันทรงสปอร์ตท้ายตัดหุ้มหนัง Alcantara พร้อมสัญลักษณ์ RS เพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้ขับขี่ด้วยระบบแสดงข้อมูล Head-up display ภายในที่กว้างขวางตามแบบฉบับของ Audi Sport เต็มเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพอันทรงพลัง และสมรรถนะอันเร้าใจ โดย The New RS e-tron GT quattro เปิดตัวในราคาสุดเร้าใจเพียง 9,490,000 บาท ทั้งนี้ เป็นราคาที่ยังไม่รวมภาษีและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ

 

Porsche Taycan Turbo S

 

ไทคานน์เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% เต็มรูปแบบคันแรกจากค่ายปอร์เช่ ที่มาพร้อมสมรรถนะโดดเด่น การออกแบบภายนอกที่เฉียบคม ห้องโดยสารที่ดูสปอร์ตทรงพลังในแบบของค่าย ที่แม้จะเปลี่ยนมาเป็นพลังงานสะอาด แต่ก็เน้นความดุดันทรงพลัง สมรรถนะสูงเหมือนเช่นเคย ซึ่งขอบอกเลยว่าราคานั้นมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก หากใครที่ต้องการเป็นมิตรกับโลกแบบไม่ทิ้งความสปอร์ต รถยนต์รุ่นนี้ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ที่น่าสนใจไม่น้อย

มอเตอร์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง การขับเคลื่อนรถยนต์คันนี้เป็นหน้าที่ของมอเตอร์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง 2 ตัว ที่มาพร้อมระบบไฟฟ้าแรงขับเคลื่อนสูง 800 มาพร้อมกำลังสูงสุด 625 แรงม้า โดยในโหมด Launch Control จะเพิ่มเป็น 761 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 1,050 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 2.8 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โวลต์ และมาพร้อม Performance Battery Pack และระบบ Launch Control ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ของรถอย่างเต็มพิกัดเหนือชั้นกว่าใคร

มาพร้อมขนาดตัวถังกว้าง 1,966 มิลลิเมตร ยาว 4,963 มิลลิเมตร สูง 1,381 มิลลิเมตร โดยมีระยะฐานล้อ 2,900 มิลลิเมตร และมีการออกแบบอย่างลู่ลมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่แบบสูงสุด จนทำตัวรถนั้นลดค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานลงไปเหลือ 0.22 เท่านั้น ภายนอกมาพร้อมสีตัวถังแบบเมทัลลิก ไฟหน้าแบบแอลอีดี แมทริกซ์ พร้อมระบบไฟหน้า PDLS Plus กระจกมองข้างสีดำเงา ปรับและพับด้วยไฟฟ้า สปอยเลอร์หลังและกระจังหน้าแบบเปิด-ปิดได้ กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ

ล้ออัลลอยคู่ใหญ่มาพร้อมยางต่างขนาดที่ด้านหน้าและด้านหลัง โดยล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว มาพร้อมกับฝาปิดดุมล้อสีเดียวกับล้อ คู่หน้ามาพร้อมยาง 265/35 ZR21 ขณะที่คู่หลังเป็นยาง 305/30 ZR21 ระบบเบรกแบบเซรามิก มาพร้อมคาลิปเปอร์เบรกสีเหลืองเพิ่มความสปอร์ต การตกแต่งห้องโดยสารภายในของไทคานน์ เลือกใช้โทนสีทูโทน พร้อมหนังแบบนุ่มทั้งห้องโดยสาร พวงมาลัยมัลติฟังชั่นส์ หน้าจอกลางแบบโค้งมนขนาด 16.8 นิ้ว พร้อมระบบสัมผัส ทำหน้าที่สั่งการระบบความบันเทิงและระบบช่วยเหลืออื่น ๆ ในรถคันนี้

ระบบความบันเทิงของ BOSE ที่ให้เสียงกระหึ่ม มาพร้อมระบบนำทางและระบบการเชื่อมต่อของปอร์เช่ รองรับการเชื่อมต่อแอปเปิล คาร์เพลย์ เพื่อความบันเทิงสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ ยังสร้างบรรยากาศตลอดการเดินทางด้วยการติดตั้งไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร เบาะที่นั่งแบบสปอร์ต สามารถปรับได้ด้วยไฟฟ้ามากถึง 18 ทิศทาง พร้อมด้วยระบบความจำเบาะ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 4 โซน พร้อมระบบอำนวยความสะดวกในการเข้าห้องโดยสาร ที่ตกแต่งด้วยวัสดุสีเงินมันวาวสลับหนังด้านสีเทาให้บรรยากาศแบบสปอร์ตรอบคัน

ปอร์เช่ได้ทำการติดตั้ง Performance Battery PLUS ระบบที่จะช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ในรถที่จำหน่ายในประเทศไทย นอกจากนี้ รถยังมาพร้อมระบบควบคุมการลื่นไถล ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบควบคุมแชสซีส์แบบไดนามิก รวมถึงช่วงล่างแบบปรับได้ นอกจากนี้ ยังติดตั้งระบบหมุนวนพลังงานจากการเบรก และระบบเสียงอิเลกทรอนิกส์เพื่อความปลอดภัยของคนเดินถนน ระบบเลี้ยว 4 ล้อ พร้อมพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร เซนเซอร์กะระยะหน้า-หลัง รวมถึงกล้องมองภาพรอบคัน

สายการผลิต Porsche Taycan ถูกปรับให้ปราศจากคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งถือเป็นมลภาวะที่เป็นพิษ การประกอบในโรงงานโดยเน้นการลดมลพิษมีส่วนช่วยทำให้สภาพแวดล้อมดีขึ้น มาพร้อมการรับประกันแบตเตอรี่จากเอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการนานถึง 8 ปี โดยรุ่นท็อป Porsche Taycan Turbo S ราคาอยู่ที่ประมาณ 11.7 ล้านบาท

 

Tesla Model S Plaid

ทาง Tesla ได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในตระกูล Model S นั่นคือ Tesla Model S Plaid โดยจุดเด่นของมันอยู่ที่ขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 3 ตัวด้วยกัน รีดพละกำลังสูงสุดได้ถึง 1,100 แรงม้า ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 2 วินาทีเท่านั้น และทดสอบการวิ่งควอเตอร์ไมล์ (402 เมตร) ได้เวลาเพียง 9 วินาทีเท่านั้น จัดว่า Model S Plaid เป็นรถยนต์ที่มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เร็วที่สุดในโลก และสามารถทำเวลาในสนาม Laguna Sega ประเทศสหรัฐอเมริกาได้เวลาต่อรอบที่ 1.30.3 นาที

อีกทั้งยังมีจุดเด่นเรื่องของแบตเตอร์รี่ ที่ชาร์จแบตเพียงครั้งเดียว สามารถทำระยะทางขับขี่ได้ไกลกว่า 800 กม. เลยทีเดียว นอกจากความแรงแล้ว ในเรื่องออปชั่นไฮเทคอื่น ๆ ก็ยังใส่มาให้เหมือนกับ Model S รุ่นก่อนหน้าทุกประการ โดยเฉพาะระบบ Autopilot อันขึ้นชื่อของ Tesla ก็สามารถเลือกใช้งานกับรถคันนี้ได้ นอกจากนี้ยังมีการอัพเกรดเพิ่มเติมในส่วนอื่น ๆ เช่น พื้นที่สำหรับผู้โดยสารที่นั่งด้านหลัง รวมถึงที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายในเบาะหลัง

Tesla Model S Plaid เป็นรถรุ่นใหม่ที่มีการยกเครื่องครั้งใหญ่ครั้งแรกสำหรับรถซีดานตั้งแต่เปิดตัว Model S ในปี 2012 การออกแบบภายนอกส่วนใหญ่ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ภายในถือว่าเป็นการปรับโฉมครั้งใหญ่ ตั้งแต่หน้าจอสัมผัสแบบแนวนอน 17 นิ้วที่มาพร้อมกรอบจอบาง , แผงหน้าปัดดิจิทัลหลังพวงมาลัย , หน้าจอที่ 3 ด้านหลังคอนโซลกลางสำหรับผู้โดยสารที่นั่งด้านหลัง และเพิ่มฟีเจอร์ waypoint ในระบบนำทางของ Tesla

Tesla มีการปรับปรุงในส่วนของปั๊มความร้อน โดยในรุ่น Model S Plaid ปั๊มปรับปรุงในช่วงที่อากาศหนาวเย็นได้ดีขึ้นถึง 30% ลดการใช้พลังงานระบบ HVAC ลง 50% พร้อมปรับปรุงให้หม้อน้ำมีขนาดใหญ่ขึ้นมากเพื่อช่วยระบายความร้อนให้กับชุดแบตเตอรี่ในขณะขับเคลื่อน พร้อมทั้งพัฒนาโรเตอร์ที่หุ้มคาร์บอนใหม่ในมอเตอร์ไฟฟ้าที่จ่ายกำลังไฟให้กับระบบ Plaid เพื่อป้องกันไม่ให้แตกออกจากกันที่ RPM ที่สูง

ในส่วนของพวงมาลัยสำหรับ Model S Plaid เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ต้องกล่าวถึงเช่นกัน เพราะ มันมาพร้อมกับพวงมาลัยรูปทรง U ที่คล้ายกับพวกมาลัยที่ใช้ในรถ Formula One และกำจัดในส่วนของก้านทั้งหมดบนคอพวงมาลัยออกไปด้วย แถมมีตัวเลือกบนหน้าจอสัมผัสให้เลือกโหมดการขับขี่ซึ่ง เทสล่า มีไว้เป็นแบ็คอัพคนขับ นอกจากนี้ รถยังมีการตั้งค่าตั้งต้นให้เปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติระหว่างทำการจอด , ถอยหลัง และระหว่างขับเคลื่อน

อีกจุดที่น่าสนใจนั้น Model S Plaid มีการประมวลผลที่ถือว่าทรงพลัง สามารถเล่นเกมระดับ AAA บนหน้าจอในรถได้ที่ 60 เฟรมต่อวินาที อีกทั้งยังมาพร้อมบริการสตรีมมิ่งอย่าง Netflix และ Spotify เป็นต้น ซึ่ง Elon Musk ต้องการให้ผู้ที่โดยสารได้รับประสบการณ์โฮมเธียเตอร์ในรถรุ่นนี้ โดยรถยนต์รุ่นนี้เป็นการมุ่งเน้นไปที่ตลาดลักชูรีโดยเฉพาะ

Tesla Model S Plaid ได้ทำการเปิดให้สั่งจองที่สหรัฐฯ ในราคา 136,990 ดอลลาร์ฯ (ราว 4.1 ล้านบาท)  สามารถสั่งจองได้แล้ววันนี้ในเว็บไซต์ของ Tesla และจะเริ่มส่งมอบรถตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ซึ่งพวงมาลัยขวาในไทยมีมาจากสองแหล่งคือ อังกฤษและฮ่องกง และถูกนำเข้ามาไทยโดยผ่านผู้นำเข้าอิสระต่างๆ ซึ่งไม่ใช่ Official จากทาง Tesla แนะนำให้เลือกที่ที่มีประสบการณ์ซ่อม รับประกันซ่อม และความพร้อมในการบริการดูแลหลังการขายที่ดี

 

สถานการณ์โควิด-19 ทำให้เกิดการเปลี่ยนถ่ายอุตสาหกรรมรถยนต์เกิดขึ้นเร็วขึ้น เพื่อกระตุ้นการพัฒนาภายในประเทศเตรียมพร้อมดันไทยเป็นฐานการผลิต “รถยนต์ไฟฟ้า” ที่สำคัญของโลก พร้อมมาตรการสนับสนุนตอบสนองนักลงทุนต่างชาติ แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะมีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรถยนต์ทั่วไป แต่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายค่าเชื้อเพลิงได้ในระยะยาว ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดปัญหาภาวะโลกร้อน และช่วยลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงของโลกลง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรถยนต์ไฟฟ้าจะกลายเป็นเรื่องปกติในเมืองไทยในอนาคตอย่างแน่นอน

Wariya Pokawaranon