To top
9 Apr

Vintage Chanel Bag – 9 วิธีตรวจกระเป๋าวินเทจของแท้

Vintage Chanel Bag แบรนด์สินค้าลักชัวรี่ ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานร่วม 112 ปี หนึ่งในแบรนด์ที่สาวกแฟชั่นแบรนด์เนม ต่างเทใจใฝ่ฝัน อยากครอบครอง ความสวยงามคลาสสิกที่เดินทางข้ามผ่านกาลเวลา กระเป๋าที่ขึ้นชื่อว่าเป็นกระเป๋ารุ่น Vintage ได้นั้น จะต้องมีอายุอย่างน้อย 10 , 20 หรือ 25 ปีขึ้นไป ซึ่งปัจจุบัน  มีการนำเอากระเป๋าเหล่านั้นมา รีเมคเป็นกระเป๋ารุ่นใหม่ โดยมีการเพิ่มเติมบางชิ้นส่วน ให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น แต่ความนิยมและความหลงไหลในกระเป๋าวินเทจยังคงมีอยู่ กลิ่นอายความเก่าแก่ รวมถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ทำให้แฟชั่นวินเทจได้กลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง

กระเป๋ารุ่นวินเทจจากแบรนด์ Chanel ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากเหล่าบรรดานักสะสมทั่วโลก แต่เราจะทราบได้อย่างไร ว่ากระเป๋าวินเทจเหล่านั้น ผลิตออกมาปีใด เป็นกระเป๋าวินเทจหรือเป็นเพียงแค่กระเป๋าที่มีการนำมารีเมค ในบทความนี้จะปลดเปลื้องทุกความสงสัย ด้วยวิธีการตรวจสอบกระเป๋าวินเทจอย่างมืออาชีพ กระเป๋าแฟชั่นชั้นแนวหน้าที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก มาติดตามไปพร้อมกัน

 

1. Leather

ส่วนที่สำคัญและโดดเด่นที่สุดของกระเป๋า ก็คือส่วนของวัสดุหนัง ที่นำมาใช้ในการตัดเย็บขึ้นรูปกระเป๋า ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว แบรนด์ชาแนล มักจะนิยมใช้หนังแกะนุ่ม หรือหนังลูกวัว (lambs leather หรือ caviar calf leather) ซึ่งในปัจจุบัน ธุรกิจสินค้าลอกเลียนแบบได้มีการพัฒนาขึ้น มีการนำหนังแท้มาทำการตัดเย็บกระเป๋า แทนการใช้วัสดุราคาถูกดั่งเช่นอดีต ดังนั้น เรื่องของวัสดุหนัง จึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่ไม่ควรมองข้าม ในการตรวจสอบกระเป๋าก่อนการซื้อขายทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋ารุ่นวินเทจ หรือกระเป๋ารุ่นใหม่ก็ตาม

กระเป๋าหนังแกะ จะให้ผิวสัมผัสที่อ่อนนุ่ม แตกต่างจากหนังลูกวัวอย่างสิ้นเชิง มีความหอมอันเป็นเอกลักษณ์ แต่มีข้อเสียคือ สามารถเกิดร่องรอยบนพื้นผิวได้ง่าย สำหรับวัสดุหนังลูกวัวคาร์เวีย (Caviar Leather) ซึ่งถือว่าเป็นวัสดุหนังอีกชนิดหนึ่งซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยคุณสมบัติที่สามารถกันน้ำและป้องกันรอยขีดข่วนได้ดีกว่าวัสดุหนังแกะ โดยมีลักษณะเป็นเม็ด ๆ แต่ยังคงให้ผิวสัมผัสที่ลื่น ไม่หยาบ หากวัสดุหนังมีผิวสัมผัสที่หยาบกร้าน จึงมีความเป็นไปได้สูงที่มันจะเป็นกระเป๋าของปลอม

Tips : สืบค้นข้อมูลจากหนังสือหรือเว๊ปไซต์ที่มีประวัติของกระเป๋าแบรนด์ดีไซเนอร์ที่เราต้องการทราบรายละเอียด ภายในหนังสือหรือเว๊ปไซต์เหล่านั้น คุณจะได้พบกับรูปของกระเป๋า ชาแนล รุ่นวินเทจ ข้อมูลเชิงลึกของแบรนด์ อีกทั้งข้อมูลเกี่ยวกับคอลเล็กชั่นต่าง ๆ ของดีไซเนอร์ในอดีต

2. Authentic serial number and card

กระเป๋าจากชาแนลทุกใบ ที่ผลิตหลังจากปี ค.ศ. 1986 เป็นต้นมา จะมีการระบุความเป็นของแท้ด้วยสติ๊กเกอร์ Hologram มาพร้อมด้วยหมายเลข 7-8 หลักบนนั้น ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ จะต้องสัมพันธ์กับตัวเลขที่ปรากฏบน Authenticity Card ซึ่งมาพร้อมกับตัวกระเป๋า กระเป๋าที่ผลิตก่อนปี ค.ศ. 1986 จะไม่มีสัญลักษณ์เหล่านี้ จึงไม่สามารถใช้วิธีนี้ ในการพิสูจน์ความเป็นของแท้ ในกระเป๋ารุ่นก่อนปี ค.ศ. 1986 ได้ จึงต้องสังเกตจากหลาย ๆ จุดบนกระเป๋า เพื่อประกอบการพิจารณา

จากข้อมูลที่ได้รับ ตัวเลขบนการ์ดส่วนมาก ที่จะปรากฏบนกระเป๋าละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งควรหลีกเลี่ยงการซื้อ-ขายกระเป๋า จะมีตัวเลข Hologram ดังต่อไปนี้ 7244764, 8947749, 9316391, 9395451, 9395455, 9675223, 9777617, 9889754, 9892039, 10218184, 10380486, 10501946, 10995820 และ 11062948 ซึ่งต้องอาศัยความสังเกตอย่างละเอียด

Fake Chanel authenticity card

Fake Chanel authenticity card

ยกตัวอย่างเช่น กระเป๋าที่ผลิตช่วงปี 2000 เป็นต้นมา ตัวเลข Hologram ที่ปรากฏบนตัวสติ๊กเกอร์ จะประกอบด้วยตัวเลขเป็นจำนวน 7 หลัก และกระเป๋าที่ผลิตในปีใหม่กว่านั้น อาจประกอบด้วยตัวเลข 8 หลัก คุณสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ เจาะลึกวิธีตรวจกระเป๋า Chanel ของแท้แบบกูรู

สิ่งแรกที่ควรสังเกต คือหมายเลข Hologram Sticker ภายในกระเป๋า จะต้องตรงกับเลขที่ระบุบนตัวการ์ด ข้อสังเกตถัดมาคือ ตัวเลขของโฮโลแกรม ควรมีความสัมพันธ์กันกับคอลเล็กชั่นสินค้า ซึ่งมีการเปิดตัวในปีนั้น ๆ การค้นหาข้อมูลจากเว๊ปไซต์โดยทั่วไป จะสามารถให้ข้อมูลโดยละเอียดได้เกี่ยวกับ serial number ของชาแนล รวมถึงวันที่วางจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณตรวจสอบพบว่าในกระเป๋าระบุหมายเลขซีเรียลที่ผลิตขึ้นในปี ค.ศ. 2005 ในขณะที่สินค้าคอลเล็กชั่นดังกล่าว เริ่มผลิตในปี ค.ศ. 2013 ถือว่ากระเป๋าใบนั้น เป็นของปลอม

ข้อควรทราบ : ตัวเลข Serial Number บนผลิตภัณฑ์ของชาแนล ไม่ควรเกิน 8 หลัก หากคุณเห็นตัวเลข 9 หลักขึ้นไปบนการ์ดหรือบนสติกเกอร์ Hologram เป็นข้อพิสูจน์ว่า Chanel ใบนั้น ไม่ใช่ของแท้อย่างแน่นอน คุณภาพของการ์ดก็มีความสำคัญเช่นกัน ลักษณะของการ์ดคล้ายกับบัตรเครดิตมาตรฐาน สีของขอบและตัวเลขควรเป็นสีทองเรียบหากเป็นเอฟเฟกต์โฮโลแกรมหรือสีรุ้ง ถือว่าเป็นบัตรของปลอม โดยข้อความทั้งหมดและเส้นรอบขอบ ควรอยู่ในแนวเดียวกันและมีความสม่ำเสมอ

 

3. Shape and lining

รูปทรงของกระเป๋า หากเป็นกระเป๋าของแท้ รูปทรงของกระเป๋าจะต้องสมมาตรพอดีกัน ทั้งเปิดและปิดกระเป๋า กระเป๋าของปลอมจำนวนมาก จะมีฝีเย็บที่ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งนั่นทำให้รูปทรงของกระเป๋าเกิดการบิดเบี้ยว โค้งนูนจนเกินไป ไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงสภาพของซับในภายในกระเป๋า เป็นตัวบ่งบอกคุณภาพของกระเป๋าได้เป็นอย่างดี

ขอบมุมกระเป๋า ซ้าย : แท้ , ขวา : ปลอม

ขอบมุมกระเป๋า ซ้าย : แท้ , ขวา : ปลอม

กระเป๋าของปลอม ตัวซับในส่วนใหญ่จะตัดเย็บขึ้นจากหนังเทียมหรือพีวีซีที่มีตะเข็บไม่เรียบร้อย และให้ความรู้สึกหยาบเมื่อสัมผัส ในขณะที่ซับในของกระเป๋าแท้ จะมีการเย็บติดกับตัวกระเป๋าภายนอกอย่างสมบูรณ์

สภาพซับในกระเป๋าของแท้

สภาพซับในกระเป๋าของแท้

 

 

4. Look for an authentic Chanel zipper pull

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ชาแนลใช้ซิปจาก แลมโป (Lampo) และเอแคลร์ (Éclair) เป็นหลัก ซึ่งพบเห็นได้ทั่วไป ในกระเป๋ารุ่นวินเทจ รวมถึงตัวซิป ที่มีเครื่องหมายตัว C ภายในวงกลม และไม่มีเครื่องหมายอื่นใด ๆ บนตัวซิป ก็สามารถพบเห็นได้ในกระเป๋ารุ่นเก่า ๆ อีกด้วย ตั้งแต่ยุค 90 เป็นต้นมา ชาแนลก็เลือกใช้ซิปจากหลายแบรนด์มากขึ้น เช่น OPTI DMC , DMC ,YKK , EP Zipper รวมถึงซิปที่ใช้กับหัวซิปเป็น Pull Tag ที่ทำจากหนังอีกด้วย

 

5. Quilting and Stitching

ลวดลายการตัดเย็บแบบข้าวหลามตัด (Diamond pattern) จะต้องสอดคล้องและเป็นระเบียบเรียบร้อยกับทุกส่วนทุกมุมของกระเป๋า ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้า ด้านหลัง ด้านข้างของกระเป๋า หรือแม้แต่ในส่วนช่องกระเป๋าเล็กที่ส่วนใหญ่มีการเย็บติดที่ส่วนด้านหลังของกระเป๋านั้น ลวดลายควรบรรจบกันดี สำหรับกระเป๋าวินเทจ เมื่อผ่านการใช้งานมาเป็นเวลานาน อาจมีส่วนของหนังบางส่วนขยายออก ทำให้ตำแหน่งของลวดลายอาจมีการคลาดเคลื่อนเล็กน้อย ซึ่งเป็นเรื่องปกติของกระเป๋าหนังแท้

ในส่วนของลูกฟูกด้านในในกระเป๋าวินเทจ อาจไม่ฟูเหมือนกระเป๋าใหม่ (เว้นแต่กระเป๋าที่ได้รับการดูแลหรือเก็บรักษาอย่างดี อาจจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์) ในขณะที่กระเป๋าของปลอม ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าใด ความฟูของลูกฟูกภายในจะไม่เปลี่ยนแปลง นี่เป็นอีกจุดหนึ่ง ที่ต้องทำการสังเกตอย่างรอบคอบ

ซ้าย : กระเป๋าวินเทจของแท้ , ขวา : กระเป๋าของปลอม

ซ้าย : กระเป๋าวินเทจของแท้ , ขวา : กระเป๋าของปลอม

ฝีเข็มต่อ 1 ลวดลายข้าวหลามตัด ในกระเป๋าวินเทจ ควรนับได้อย่างน้อย 10-11 ฝีเข็ม (ในปัจจุบันจะอยู่ที่ 9-11 ฝีเข็ม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของกระเป๋าที่ปัจจุบันมีหลากหลายมากขึ้น) ฝีเย็บไม่ควรเย็บลึกเกินไป ควรมีระเบียบและสะอาดเรียบร้อย การเย็บที่ลงฝีเข็มลึกเกินไป จนลวดลายนูนออกมาผิดปกติ อาจสันนิษฐานได้ว่า กระเป๋าใบนั้นอาจเป็นของปลอม

 

6. CC Logo Clasp

สิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นชาแนล เอกลักษณ์ที่คุ้นตา นั่นก็คือสัญลักษณ์ตัว CC ไขว้ ซึ่งถูกนำมาตีความใหม่ โดย Karl Lagerfeld ในช่วงปีค.ศ. 1983 และถูกจารึกลงบนผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นของชาแนลจนถึงปัจจุบัน โดยตัว CC บนกระเป๋าของแท้ มีขอบแบนไม่โค้งมน ตัว C ทางขวาจะเหลื่อมกันทางซ้ายที่ด้านบนเสมอ โดยที่ส่วนที่ทับซ้อนกันจะกลับด้านที่ด้านล่าง ลักษณะอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ ให้สันนิษฐานว่าอาจเข้าข่ายเป็นกระเป๋าของปลอมทั้งสิ้น

สัญลักษณ์ CC ไขว้บนกระเป๋าของแท้

สัญลักษณ์ CC ไขว้บนกระเป๋าของแท้

ข้อยกเว้น : สำหรับกระเป๋ารุ่นวินเทจบางรุ่น ที่ผลิตก่อนช่วงยุคปี 80s ตัว CC ไขว้จะสามารถปรากฏในลักษณะซ้ายทับขวาได้ ซึ่งพบเห็นได้ยาก ทั้งนี้ ควรได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญซึ่งได้รับการรับรอง เพื่อเป็นการยืนยันความเป็นของแท้อย่างเป็นทางการ

โลโก้ซ้ายทับขวา ซึ่งสามารถพบเห็นได้ในกระเป๋าวินเทจยุคก่อน 80

โลโก้ซ้ายทับขวา ซึ่งสามารถพบเห็นได้ในกระเป๋าวินเทจยุคก่อน 80

ผู้ปลอมแปลงหลายรายพยายามอย่างยิ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าตัวล็อคบนกระเป๋าของปลอมออกมาเนียนจนแทบจะแยกไม่ได้ แต่ทว่าลืมรายละเอียดปลีกย่อยไป นั่นคือ ก้านล็อค นี่คือชิ้นส่วนที่ลอดผ่านตัวล็อคและบิดเพื่อยึดกระเป๋า ในกระเป๋าวินเทจ โทนสีทองหรือสีเงินบนก้านมักจะซีดจางจากการใช้งาน แต่กลไกการใช้งานยังคงสมบูรณ์แบบ ในขณะที่กระเป๋าของปลอมจะใช้วัสดุทองหรือเงินชุบราคาถูก ซึ่งเมื่อผ่านการใช้งาน ตัวทองเหล่านี้จะลอกเป็นสะเก็ด รวมถึงตัวล็อคบางส่วน ยังถูกติดตั้งไม่ตรงตำแหน่งอีกด้วย

 

7. Brand Stamping

เป็นอีกส่วนหนึ่งที่สังเกตได้ง่าย บนกระเป๋าชาแนลรุ่นวินเทจ หลายคนอาจคิดว่า รอยประทับส่วนใหญ่ จะต้องในรูปแบบที่สมบูรณ์ ชัดเจน และไม่มีร่องรอยใด ๆ แต่ทว่าในกระเป๋าวินเทจ ตราประทับเหล่านั้น อาจมีสีซีดจางลงบ้าง เนื่องจากการใช้งานและการดูแลรักษา แต่ตัวหนังสือบนตราประทับจะเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ สะอาด

ตัวอย่างตราประทับในกระเป๋าวินเทจ

ตัวอย่างตราประทับในกระเป๋าวินเทจ

หากคุณเห็นรอยเปื้อนหรือตัวอักษรไม่ตรงแนว ให้สันนิษฐานว่าอาจเป็นกระเป๋าของปลอม ซึ่งต้องพิจารณาและสังเกตอย่างละเอียด ตามตัวอย่างจากรูป รูปขวาคือตราประทับจากกระเป๋าของปลอม จะสังเกตเห็นว่า ตัว M มีลักษณะขาดหายไปเล็กน้อย ส่วนรูปซ้ายคือตราประทับจากกระเป๋าของแท้ ซึ่งสามารถปรากฏได้ทั้ง “Made in Italy” หรือ “Made in France”

ซ้าย : ของแท้ , ขวา : ของปลอม

ซ้าย : ของแท้ , ขวา : ของปลอม

8. Dust bag

 

สำหรับถุงผ้า ที่มาพร้อมกับชาแนลรุ่นวินเทจ ในยุค ช่วงปี 80s – 90s ถุงผ้าจะมีการตัดเย็บมาจากผ้าสักหลาดสีขาว พิมพ์โลโก้ชาแนล ตัว C ไขว้ ภายใต้วงกลมสีดำ ใต้วงกลมระบุคำว่า “CHANEL” ในปัจจุบัน ถุงผ้าของชาแนลมีหลากหลาย ขึ้นอยู่กับรุ่นของกระเป๋า แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นโดยทั่วไปจะเป็นผ้าฝ้าย ลักษณะค่อนข้างหยาบสีดำ สกรีนคำว่า CHANEL เป็นตัวอักษรสีขาวตรงกลาง โดยถุงผ้ามีทั้งแบบหูรูดและแบบฝาพับ

9. Chain Strap

กระเป๋ารุ่นวินเทจ ในส่วนของสายโซ่สะพาย จะไม่มีรอยเย็บบนสายหนังที่ร้อยบนโซ่ ในขณะที่ในกระเป๋ารุ่นใหม่ จะมีรอยเย็บที่ด้านหนึ่งของสายสะพายซึ่งสามารถมองเห็นได้ชัด การเย็บควรเรียบเสมอกันโดยไม่ทำให้เกิดรอยนูนใดๆ ในแถบหนังที่พันกัน

ด้านขวา : สายสะพายวินเทจ

ด้านขวา : สายสะพายวินเทจ

ปัจจุบัน สินค้าวินเทจ กลับมาได้รับความนิยมอย่างมาก ในตลาดซื้อขายแบรนด์เนมมือ 2 ผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์หลากหลายรูปแบบ ซึ่งต้องยอมรับว่าด้วยความเจริญทางเทคโนโลยี ทำให้การซื้อขายดำเนินการง่ายดายมากขึ้น แต่ทว่า ก็มีข้อเสียคือ ผู้ซื้อและผู้ขาย ขาดการโต้ตอบแบบเห็นหน้ากัน ทำให้ผู้ซื้อขาดโอกาสตรวจสอบความถูกต้องของผลิตภัณฑ์ได้โดยตรง ก่อให้เกิดช่องโหว่ สำหรับการแสวงหาผลประโยชน์ของผู้จำหน่ายสินค้าของปลอมมากยิ่งขึ้น

กระเป๋าวินเทจจากชาแนลหลายรุ่น เป็นที่ต้องการของนักสะสม (สามารถศึกษาประวัติเพิ่มเติมของกระเป๋าระดับตำนาน Vintage Chanel Flap Bag) ด้วยคุณค่าความคลาสสิก รวมถึงประวัติศาสตร์ของแบรนด์ ทำให้ราคาของมันพุ่งสูงขึ้น โดยในบางรุ่น อาจสูงกว่ากระเป๋ารุ่นใหม่เสียด้วยซ้ำ การเลือกซื้อขายกับตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ รวมถึงการศึกษารายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ แม้ในจุดที่เล็กที่สุด จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

รัก
xoxo

KATE