To top
7 Sep

Vintage Chanel Flap Bag มนต์เสน่ห์ที่อยู่เหนือกาลเวลา

Vintage Chanel Flap Bag เป็นกระเป๋าที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานรุ่นหนึ่งของโลก จุดเด่นของกระเป๋าอยู่ที่ฝากระเป๋า 2 ชั้น และตัวล็อค CC ไขว้อันเป็นเอกลักษณ์ โดยตัวกระเป๋าถูกออกแบบมาให้สามารถใช้ได้กับหลาย ๆ โอกาส รวมถึงทุกสไตล์การแต่งตัว ในวันนี้ Flap Bag ถือเป็นกระเป๋าแฟชั่นชั้นแนวหน้าที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เราจะพาคุณดำดิ่งไปสู่โลกของ Iconic Bag ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นกระเป๋าในตำนานจากแบรนด์ดังระดับโลก CHANEL

History Chanel Flap Bag

History Chanel Flap Bag

การเปิดตัวของกระเป๋า Flap Bag นับว่าเป็นการปฏิวัติประวัติศาสตร์วงการแฟชั่นในยุคเริ่มแรก กระเป๋าถูกออกแบบมาสำหรับการถือด้วยมือเท่านั้น ยังไม่มีสายสะพายไหล่เหมือนเช่นทุกวันนี้ ซึ่งมีความเทอะทะและเกะกะอย่างมาก Flap Bag ไม่ได้เป็นเพียงแค่กระเป๋าที่ปฏิวัติวงการแฟชั่นเท่านั้น แต่ยังเป็นกระเป๋ารุ่นแรกที่มีการประดิษฐ์สายสะพายออกมา เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นซิกเนเจอร์อีกชิ้นหนึ่ง ที่เหล่าบรรดาหญิงสาวทั่วโลกต่างก็อยากมีไว้กันในครอบครองแทบทั้งสิ้น

Flap Bag ไม่ใช่กระเป๋าใบแรกของแบรนด์ที่มีการจำหน่ายออกสู่ท้องตลาด กระเป๋าใบแรกของ Chanel ได้ถูกผลิตขึ้นครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1929 ซึ่งนั่นไม่ใช่กระเป๋าที่มีดีไซน์แบบฝาปิดด้านหน้าแต่อย่างใด จนกระทั่งมาถึงปี ค.ศ. 1955

Coco Chanel เปิดตัวกระเป๋า Flap Bag ครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ (เดือน2) ปี ค.ศ. 1955 (หมายเลข 55) ซึ่งเป็นที่มาของชื่อรุ่น “2.55” กระเป๋ารุ่น 2.55 ได้รับความนิยมจากสาวๆ ทั่วฝรั่งเศส ซึ่งกระเป๋ารุ่น 2.55 นั้น มีวิธีถือ 3 แบบด้วยกันคือ ใช้เป็นคลัชต์ เป็นกระเป๋าสะพายข้าง หรือเป็นกระเป๋า Crossbody เป็นการนำเสนอกระเป๋ารูปแบบใหม่ที่มีทั้งความสวยงามและประโยชน์ใช้สอย ตัวล็อคที่ปรากฏในกระเป๋ารุ่นแรก มีชื่อเรียกว่า “Mademoiselle Lock” ซึ่ง Mademoiselle มีความหมายว่า ผู้หญิงที่ไม่ได้แต่งงาน ซึ่งหมายความถึง Coco Chanel นั่นเอง

2.55 Mademoiselle Lock

ชาแนล ยกเลิกการใช้ตัวล็อคแบบ Mademoiselle Lock บนกระเป๋า Flap Bag และเปลี่ยนมาเป็นตัวอักษร CC ไขว้ ซึ่งออกแบบโดย คาร์ล ลาเกอร์เฟล (Karl Lagerfeld) เมื่อเขามารับตำแหน่งในฐานะ Creative Direction ปี ค.ศ. 1983 หลังจากนั้นเป็นต้นมา กระเป๋าที่มีตัวล็อคที่เป็นเครื่องหมาย CC ไขว้เท่านั้น ถึงจะมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “Classic Flap Bag” ในขณะที่ชื่อ “2.55” ได้มาเป็นชื่อเรียกของกระเป๋าอีกรุ่น ที่ยังคงใช้ตัวล็อค Mademoiselle รวมถึงมีการตัดเย็บและใช้วัสดุที่แตกต่างออกไป

และในเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 2005 ชาแนลได้ฤกษ์เปิดตัวกระเป๋ารุ่น 2.55 ตัวใหม่ โดยมีคำลงท้ายว่า “Reissue” ซึ่งเป็นรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสที่ กระเป๋าชาแนลรุ่น 2.55 มีอายุครบ 50 ปี โดย 2.55 รุ่นใหม่นี้ มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของขนาดในบางไซส์ รวมทั้งมีการเปลี่ยนชื่อเรียกแต่ละไซส์เป็นตัวเลขอีกด้วย

Design of the Bag

Design of the Bag

Chanel Flap Bag ถูกออกแบบกระเป๋าที่ถูกตัดเย็บด้วยลวดลายแบบลูกฟูก ฝีเข็มบรรจงเป็นรูปข้าวหลามตัด ด้วยวัสดุอันอ่อนนุ่มอย่างหนังแกะ (Lambskin) ด้านในของกระเป๋าทำจากวัสดุหนังลูกวัว (Calfskin) เป็นสีแดงเบอร์กันดีหรือที่เราเรียกกันว่า สีแดงเลือดนก (Burgundy Red) รวมถึงอะไหล่สีทอง

สำหรับลวดลายการตัดเย็บ The Quilted Leather เป็นเอกลักษณ์ที่มีมาแต่แริ่มแรกของแบรนด์ โดยมีที่มาจากความหลงไหลในการขี่ม้าของโคโค่ จากการที่เธอได้สังเกตบรรยากาศโดยรอบของคอกม้า เสื้อของเด็กหนุ่มผู้ดูแลคอกม้า หรือแม้ระหว่างที่เธอได้อยู่บนหลังม้า ล้วนแล้วแต่เป็นแรงบันดาลใจสร้างสรรค์ผลงานอันเลอค่าเหล่านี้ ในส่วนของสีแดงเบอร์กันดีนั้น ได้แรงบันดาลใจมากจากชุดยูนิฟอร์มของ Coco Chanel ขณะที่เรียนอยู่ที่คอนแวนต์ สำหรับเด็กกำพร้า

สำหรับวัสดุหนังลูกวัวคาร์เวีย (Cavier Leather) ซึ่งถือว่าเป็นวัสดุหนังอีกชนิดหนึ่งซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากเช่นกัน สำหรับกระเป๋ารุ่นนี้ ด้วยคุณสมบัติที่สามารถกันน้ำและป้องกันรอยขีดข่วนได้ดีกว่าวัสดุหนังแกะ ซึ่งมีความนิ่มและอ่อนบางกว่า ในเริ่มแรกราคาของกระเป๋าหนังแกะและหนังคาร์เวียที่จำหน่ายนั้น มีราคาเท่ากัน แต่ในปัจจุบัน หนังคาร์เวียมีราคาสูงกว่าเนื่องจากความต้องการที่มากขึ้นของตลาด

Special Thanks Picture: thebrownpaperbag.net

อีกส่วนหนึ่งที่เสมือนเป็นเครื่องหมายการค้าของ Flap Bag นั่นคือ สายโซ่สะพาย ในกระเป๋ารุ่นแรก ๆ สายสะพายถูกออกแบบให้เป็นสายโซ่ล้วนทั้งหมด (All Chain Straps) หลังจากการเข้ามาร่วมงานกับชาแนลของ คาร์ล ลาเกอร์เฟล (Karl Lagerfeld) ได้มีการนำสายหนังเข้ามาเรียงร้อยในสายโซ่ โดยมีทั้งอะไหล่สีทองและสีเงิน เพื่อเพิ่มความสวยงามและสร้างความเป็นเอกลักษณ์ โดยมีชื่อเรียกว่า “Leather Woven Straps” แต่สำหรับกระเป๋ารุ่น 2.55 Reissue ยังคงใช้สายโซ่เพียงอย่างเดียว คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ดั้งเดิม

 

Chanel Double & Single Flap

Difference Chanel Double & Single Flap

ในโลกของ Flap Bag เราให้ความสำคัญในการแยกความแตกต่างระหว่าง Single Flap (ฝากระเป๋าชั้นเดียว) กับ Double Flap (ฝากระเป๋า 2 ชั้น) กระเป๋า Flap Bag ส่วนมากในปัจจุบัน จะเป็นแบบ Double Flap ซึ่งเมื่อเปิดฝากระเป๋าด้านในขึ้นมา จะพบกับ The Iconic Double C หรือฝีเข็มที่เย็บเป็นตัว C ไขว้ขนาดใหญ่ อันเป็นสัญญลักษณ์ของ Chanel ที่ออกแบบโดย คาร์ล ลาเกอร์เฟล (Karl Lagerfeld)

ในปี ค.ศ. 1990 เป็นปีแรกที่ชาแนลได้เริ่มผลิตกระเป๋าแบบฝาชั้นเดียวหรือ Single Flap ซึ่งในปัจจุบัน ทางชาแนลได้หยุดการผลิตกระเป๋าแบบฝาชั้นเดียวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา นั่นทำให้ Single Flap กลายเป็นของหายากไปโดยปริยาย และราคาของกระเป๋ารุ่นนี้ ในตลาดซื้อขายของมือ 2 หรือตลาดขายของวินเทจ พุ่งทะยานขึ้นไปแบบไม่ต้องสงสัย

Single Flap

Single Flap

ย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ. 1955 เมื่อ Flap Bag ได้มีการเปิดตัวครั้งแรก ราคาออกจำหน่ายครั้งนั้นอยู่ที่ราคา US$220 หรือประมาณ 7,100 บาทเท่านั้น จนมาถึงปัจจุบันนี้ ราคาเริ่มต้นของ Flap Bag พุ่งทะยานไปถึงใบละ US$6,000 หรือประมาณ 194,000 บาท ซึ่งนี่เป็นราคาของวัสดุหนังธรรมดา นั่นยังไม่นับกระเป๋าที่เป็น Seasonal ที่ออกมาตามฤดูกาลและผลิตด้วยวัสดุแบบต่าง ๆ กัน นับว่าเป็นกระเป๋าที่คุ้มค่าแก่การลงทุนเป็นอย่างมาก ด้วยแนวโน้มราคาที่พุ่งสูงขึ้นในทุก ๆ ปี

Styles of Chanel Flap Bags

Styles of Chanel Flap Bags

กระเป๋า Chanel Flap Bag รุ่นเก่าจะมีขนาด รูปร่าง และสี ที่ค่อนข้างเป็นมาตรฐานเหมือนกันทุกใบ แต่ในปัจจุบันด้วยการเติบโตของโลกแฟชั่นที่ไม่หยุดยั้ง Flap Bag จึงมีความหลากหลายอย่างมากในตลาดซื้อขาย และนี่คือเกณฑ์การจำแนกกระเป๋าบางส่วน

  • Size : ขนาดของกระเป๋า มีด้วยกันหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดใหญ่สุด นั่นรวมถึง Extra Mini, Mini Regular, Mini Square, Small, Medium, Jumbo and Maxi
  • Leathers and Materials : วัสดุหนังที่นิยมนำมาผลิตกระเป๋ามีหลากหลายเช่นกัน นอกเหนือจากหนังแกะ (Lambskin), หนังลูกวัวคาร์เวีย (Caviar), หนังแก้ว (Patent) รวมไปถึงหนังหายากเช่นหนังงู (Python), หนังตะกวด (Alligator), วัสดุผ้า Jersey ผ้ากำมะหยี่ (Velvet)
  • Colors : โดยปกติแล้ว สีที่ได้รับความนิยมตลอดกาลได้แก่ สีคลาสสิกอย่าง สีดำ (Black) และสีเบจ (Beige) แต่ยังมีสีอื่น ๆ ที่หลากหลายที่ออกมาตามฤดูกาลเช่น สีชมพู (Pink), สีน้ำเงิน (Navy), สีแดง (Red) และ สีขาว (White) รวมทั้งลายประทับต่าง ๆ ที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละ Season
  • Hardware Colors and Finishes : สำหรับอะไหล่ที่ปรากฏบนกระเป๋า จะต้องเป็นสีเดียวกันกับอะไหล่ทั้งหมดที่อยู่บนตัวกระเป๋าเช่นกัน โดยยึดตัวล็อค CC ไขว้เป็นจุดสังเกต โดยสีของอะไหล่ที่พบเห็นได้โดยทั่วไป มีทั้ง สีเงิน (Silver), สีทอง (Gold), สีบรอนซ์ (Bronze), สีเขม่าปืน (Gunmetal), สีดำ (Black) และสีอื่น ๆ อีกมากมาย

Vintage chanel คลาสสิค คลาสสิก

 

Vintage Chanel Flap Bag

Why invest in a Vintage Chanel Flap Bag?

ต่อจากนี้ คือ 3 เหตุผลหลัก ว่าทำไมกระเป๋า Flap Bag รุ่นเก่า ถึงยังมีค่า โดยถือได้ว่าเป็นสมบัติที่สามารถต่อยอดทำเงินและเป็นกระเป๋าที่น่าลงทุนอย่างยิ่ง

  • Practicality combined with style : การออกแบบดีไซน์ตัวกระเป๋าที่สามารถใช้งานได้จริง พื้นที่ภายในกว้างขวางที่สามารถบรรจุสิ่งของที่จำเป็นของคุณได้อย่างครบถ้วน สิ่งสำคัญที่สุดคือ การเข้ากันได้กับทุกสไตล์การแต่งตัว ไม่ว่าคุณกำลังจะออกงานสำคัญกลางคืนหรือแม้แต่เดินตลาดในช่วงกลางวัน Flap Bag ตอบสนองกับทุกการใช้งานของคุณอย่างดีเยี่ยม การออกแบบที่เรียบง่ายแสดงให้เห็นถึงความมีสไตล์ที่อยู่เหนือคำว่าแฟชั่นใด ๆ
  • Quality : กระเป๋าที่ถูกผลิตขึ้นในช่วงปี 80’s จนถึงช่วงต้นปี 2000s ใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูงสุดในการผลิตกระเป๋า รวมทั้งงานฝีมือจากช่างฝีมืออันมากประสบการณ์ ทำให้ผลงานนั้น ๆ เลอค่ามีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง อีกทั้งโครงสร้างของกระเป๋าที่มีความแข็งแรง ซึ่งสามารถรักษารูปทรงได้หลายสิบปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเก็บรักษา
  • They are actual investment : คุณอาจคุ้นเคยกับคำว่า “investment piece” ไม่มากก็น้อย Flap Bag ขึ้นชื่อว่าเป็นกระเป๋าที่คุ้มค่าแก่การลงทุน ด้วยราคาที่เพิ่มสูงขึ้น ในอัตรา 2-8 % ทุกปี ราคาของกระเป๋า Chanel Classic Flap ในปัจจุบัน มีมูลค่า US$5,500 หรือประมาณ 178,140 บาท ในขณะที่กระเป๋ารุ่นวินเทจ ในสภาพดีงาม ด้วยอะไหล่ทองคำแท้ 22K อาจมีราคาถูกกว่าเพียง US$3,500 โดยตีเป็นเงินไทยราว ๆ 113,375 บาท ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพโดยรวมของกระเป๋า

และทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เป็นมนต์เสน่ห์ของกระเป๋า Classic Flap Bag ที่ยังคงมูลค่าและกลิ่นอายของความคลาสสิก ซึ่งมีประวัติศาสตร์มายาวนานถึง 65 ปี ดีไซน์ที่สวยงาม โดดเด่น ผ่านการออกแบบมาอย่างปราณีตทุกชิ้นส่วน ซึ่งแม้ปัจจุบันจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบเพื่อให้ทันกับยุคสมัย แต่ก็ไม่เคยทิ้งความเป็นตัวตนที่มี ด้วยคุณค่าของแบรนด์และคุณภาพที่สมราคา ปูทางให้กระเป๋ารุ่นนี้ เฉิดฉายบนพรมแดง เป็นสุดยอดกระเป๋าในตำนานที่สาว ๆ หลายคน ต้องมีไว้ในครอบครอง

 

รัก
xoxo

 

KATE