To top
29 Apr

Rolex Datejust นวัตกรรมนาฬิกาแสดงวันที่เรือนแรก

Rolex Datejust คือ นาฬิกาข้อมือโครโนมิเตอร์กันน้ำแบบไขลานอัตโนมัติเรือนแรกที่แสดงวันที่บนหน้าปัดนาฬิกา อันเป็นที่มาของชื่อรุ่น ด้วยความงดงาม ที่อยู่เหนือกาลเวลา การออกแบบที่ได้รับการรังสรรค์ออกมาอย่างปราณีตและตั้งใจ รวมถึงระบบกลไกการทำงานอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ จึงนับเป็นนาฬิกาที่ได้รับความนิยมและเป็นที่จดจำมากที่สุดรุ่นหนึ่ง บทความนี้ จะพาทุกคนตามรอยความเป็นมา อันเต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ ของ Datejust

 

The History

Rolex Datejust

นาฬิกา Oyster Perpetual Datejust เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรก เมื่อ ปี ค.ศ. 1945 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสที่ Rolex มีอายุครบรอบ 40 ปี ถือว่าเป็นนาฬิกาโครโนมิเตอร์ซึ่งมีกลไกการทำงานแบบอัตโนมัติกันน้ำเรือนแรกที่มีการแสดงวันที่บนหน้าปัดนาฬิกา โดยระบุอยู่ตรงตำแหน่งหมายเลข 3 นับว่าเป็นการรวบรวมนวัตกรรมสำคัญ ๆ ทั้งหมดเอาไว้ครบในเรือนเดียว ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติกันน้ำ ระบบกลไกแบบไขลานอัตโนมัติ รวมถึงความเที่ยงตรง ซึ่งทาง Rolex ได้สร้างสรรค์ขึ้น จนกลายเป็นเอกลักษณ์จวบจนถึงปัจจุบัน

Datejust รุ่นดั้งเดิม ในวัสดุ ทองคำ 18 กะรัต

Datejust รุ่นดั้งเดิม ในวัสดุ ทองคำ 18 กะรัต

Datejust ได้เปิดศักราชใหม่ของวงการนาฬิกา ด้วยการเพิ่มฟังก์ชั่นการแสดงวันที่บนหน้าปัดนาฬิกา จากแต่เดิมจะถูกแสดงโดยเข็มนาฬิกาที่ชี้รอบหน้าปัด ซึ่งการแสดงวันที่แบบใหม่นี้ จะแสดงผ่านการหมุนของดิสก์ ระบุอยู่ตรงช่อง 3 นาฬิกา อันนวัตกรรมใหม่นี้ ไม่เพียงแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความงดงามของการออกแบบอย่างมีสุนทรีภาพเท่านั้น แต่มันยังเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้ สามารถอ่านเวลาและวันที่ได้ ภายในระยะเวลาอันสั้น รวมทั้งป้องกันการสับสนที่อาจเกิดขึ้น นับตั้งแต่นั้นมา การแสดงวันที่บนหน้าปัดนาฬิกาก็ได้รับความนิยมและกลายมาเป็นมาตรฐานสำหรับนาฬิกาข้อมือในยุคต่อ ๆ มา

ในปี ค.ศ. 1947 เมื่อ Rolex ทำการผลิตนาฬิกาโครโนมิเตอร์ที่ได้ที่จำนวน 100,000 เรือน ทางฮันส์ วิลส์ดอร์ฟ (Hans Wilsdorf) ผู้ก่อตั้งแบรนด์ ได้มีความปรารถนา ที่จะให้นาฬิกาเรือนพิเศษนี้ ประดับอยู่บนข้อมือของผู้มีชื่อเสียง ดังนั้น เขาจึงทำการมอบ Oyster Perpetual Datejust ที่ทำจากทองคำ 18 กะรัต หน้าปัดสีขาว ขอบหน้าปัดแบบเซาะร่อง พร้อมสายข้อมือแบบ Jubilee ให้กับ เซอร์วินสตัน เชอร์ชิล (Sir Winston Churchill) นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร และหนึ่งในบุคคลผู้มีชื่อเสียง โดดเด่นที่สุดในยุคสมัยนั้น

Oyster Perpetual Datejust เรือนที่ถูกมอบแก่ Sir Winston Churchill

Oyster Perpetual Datejust เรือนที่ถูกมอบแก่ เซอร์วินสตัน เชอร์ชิล (Sir Winston Churchill)

ในปี ค.ศ. 1953 เลนส์ที่มีชื่อเรียกว่า “Cyclops Lens” ได้ถูกนำมาเสริมบนกระจกคริสตัลบนหน้าปัด เพื่อขยายในส่วนของวันที่ ให้สามารถมองเห็นวันที่ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น รูปทรงโดมของเลนส์ที่นูนขึ้นมา ได้กลายมาเป็นลักษณะอันโดดเด่นของนาฬิการุ่นนี้ไปโดยปริยาย

Rolex Cyclops Lens

Cyclops Lens

ปี ค.ศ. 1955 แบรนด์ได้ออกรูปแบบพิเศษที่เรียกว่า “Turn-O-Graph Model” ได้ถูกนำมาใช้ ซึ่งเป็นการติดตั้งฝาหมุนไว้สำหรับบอกเวลาเป็นนาที ทั้งหมด 60 นาที เป็นคุณสมบัติที่ใช้สำหรับวัดช่วงเวลา ซึ่งได้รับการขนานนามว่า “Thunderbirds” อันเป็นข้อแตกต่างสำคัญที่แยกแยะระหว่าง Standard Datejust และ Thunderbird Datejust ได้อย่างชัดเจน

Turn-O-Graph Model

Turn-O-Graph Model

นาฬิการุ่น Datejust ได้รับความนิยมอย่างสูงตลอดมา จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1956 Rolex ได้ทำการเปิดตัวรุ่น Day-Date President อันเป็นรุ่นพิเศษ และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วหลังจากถูกสวมใส่โดย ประธานาธิบดี ลินดอน บี. จอห์นสัน (Lyndon B. Johnson) แห่งสหรัฐอเมริกา คือ Day-Date President ขนาด 36 มม. ตัวเรือนสีเหลืองทอง

Day-Date President Lyndon Johnson แห่งสหรัฐอเมริกา

ในปี 1970 Datejust ได้มีการปรับปรุงโฉม ด้วยการเพิ่มระบบกลไกแบบใหม่ caliber 3135 เพื่อเพิ่มความเที่ยงตรง รวมทั้งการออกแบบตัวเรือนและหน้าปัดแบบใหม่ รวมถึงกระจกหน้าปัดที่เปลี่ยนมาเป็น sapphire crystal จากแต่เดิมที่ใช้ acrylic crystal เพิ่มความสามารถในการป้องกันรอยขีดข่วน และยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน

 

Timeless Style

ROLEX

ความงดงามอันเป็นอมตะ ซึ่งสามารถเป็นที่จดจำได้ในทันที คือ รูปทรงตัวเรือนแบบ Oyster อันถูกออกแบบให้มีลักษณะพิเศษ ด้วยขอบหน้าปัดแบบเซาะร่อง ผลิตจากวัสดุทองคำ 18 กะรัต มาพร้อมกับเลนส์ Cyclops ที่ครอบอยู่เหนือช่องวันที่ อีกทั้งสายนาฬิกา Jubilee พร้อมข้อต่อ 5 ชิ้น ซึ่งประกอบเข้ากับชุดตัวล็อคแบบ Crownclasp หรือ Oysterclap ทั้งหมดนี้ คือ ความคลาสสิค ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นอย่างบรรจง อันเต็มเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ แห่ง Rolex

สำหรับนาฬิการุ่น Datejust ประกอบด้วยสายนาฬิกาทั้งหมด 3 แบบด้วยกัน ได้แก่ Jubilee, Oyster หรือ President ซึ่งทั้งนี้ จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับแบบและรุ่นของแต่ละเวอร์ชั่น โดยสายนาฬิกา Jubilee นั้น เป็นสายนาฬิกาที่ได้รับการออกแบบขึ้นเป็นพิเศษสำหรับการเปิดตัวนาฬิการุ่นนี้เมื่อปี ค.ศ. 1945 เป็นสายนาฬิกาโลหะอันแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ ประกอบด้วยข้อต่อ 5 ชิ้นที่ต่อเข้ากันได้อย่างสวยงาม ถือเป็นสายนาฬิกาที่บ่งบอกถึงความเป็น Datejust มากที่สุด

สายนาฬิกาแบบ Jubilee

สายนาฬิกาแบบ Jubilee

สำหรับสายนาฬิกาแบบ Oyster นั้น เป็นสายแบบโลหะแข็งแกร่ง ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงปลายทศวรรษ 1930 ตัวสายมีลักษณะเป็นข้อต่อแบบ 3 ชิ้นแบน และสุดท้าย สายนาฬิกาแบบ President คือ สายนาฬิกาโลหะที่ถูกผลิตขึ้นอย่างปราณีตและหรูหรา มาพร้อมกับข้อต่อ 3 ชิ้นแบบครึ่งวงกลม ผลิตขึ้นในปี ค.ศ. 1956 พร้อมการเปิดตัวของนาฬิการุ่น Day-Date อีกทั้งยังได้รับการประกอบขึ้นโดยเฉพาะ ในรุ่นนาฬิกาที่ทำจากทองคำ 18 กะรัต ของ Datejust 31

Rolex President Datejust 31 Midsize 18 Karat Gold Diamond Watch

Rolex President Datejust 31 Midsize 18 Karat Gold Diamond Watch

ในส่วนของขอบนาฬิกา ก็มีการออกแบบมาอย่างหลากหลาย อาทิ แบบเรียบ แบบโดม แบบประดับเพชร หรือแบบเซาะร่องที่เห็นกันโดยทั่วไป ซึ่งเป็นการสะท้อนภาพลักษณ์รวมถึงรสนิยมของผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี โดยขอบหน้าปัดแบบเซาะร่องอันเป็นเอกลักษณ์ มักถูกรังสรรค์จากทองคำ ทองคำขาว หรือเอเวอร์โรสโกล 18 กะรัต ซึ่งขอบหน้าปัดอาจพบว่ามีการประดับเพชรเป็นบางส่วนหรือทั้งหมดก็ได้ แล้วแต่รุ่น โดยเพชรทุกเม็ดได้รับคัดเลือกอย่างพิถีพิถันโดยผู้เชี่ยวชาญของแบรนด์ จากนั้นจึงถูกส่งต่อไปช่างผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องประดับอัญมณีของ Rolex เพื่อรับช่วงลงมือประดับตกแต่งต่อไป

Datejust 31 Automatic Mother of Pearl Butterfly Diamond Pave Dial Ladies 18 ct Everose Gold President Watch

Datejust 31 Automatic Mother of Pearl Butterfly Diamond Pave Dial Ladies 18 ct Everose Gold President Watch

ขอบหน้าปัดแบบเซาะร่อง ถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของ Rolex โดยเฉพาะ แต่เดิมนั้นวัตถุประสงค์ของการใช้งานในส่วนที่เป็นร่องของขอบหน้าปัด Oyster นั้น มีไว้ใช้ยึดขอบหน้าปัดบนตัวเรือน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกันน้ำ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับร่องที่ปรากฏที่ด้านหลังของนาฬิกา อันต้องใช้เครื่องมือพิเศษเฉพาะของ Rolex ในการยึดลงบนตัวเรือน ต่อมาในส่วนที่เป็นร่องนี้ ได้กลับกลายมาเป็นสัญญลักษณ์อันโดดเด่นของแบรนด์ เป็นเอกลักษณ์มาจนถึงปัจจุบัน

ขอบหน้าปัดแบบเซาะร่อง rolex

ขอบหน้าปัดแบบเซาะร่อง

ในด้านกลไก Datejust ประกอบด้วยกลไกการทำงานแบบ Calibre 2235 หรือ 2236 ใน Datejust 31 หรือ หรือ Calibre 3235 ใน Datejust 36 และ Datejust 41 โดย “Calibre” คือชื่อของกลไกไขลานอัตโนมัติ ที่ถูกคิดค้น พัฒนาและประดิษฐ์ขึ้นโดย Rolex และเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว

โดยกลไก Calibres 2236 และ 3235 นั้น คือ กลไกการทำงานใหม่ล่าสุด ที่ประกอบด้วยคุณสมบัติพื้นฐานในเรื่องการทนทานต่อแรงกระแทกและสนามแม่เหล็ก การสำรองพลังงานต่าง ๆ งานสถาปัตยกรรม งานการผลิต รวมถึงนวัตกรรมใหม่ ๆ นี้ ทำให้นาฬิการุ่นนี้ มีความเที่ยงตรง สะดวกสบาย และมีความน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก

กลไก Calibre 3235

กลไก Calibre 3235

ในปี ค.ศ. 2009 มีการเปิดตัวนาฬิกา Oyster Perpetual Datejust II หรือ “Datejust II” ที่มาพร้อมกับกลไก Caliber 3136 ซึ่งมาแทนที่ Caliber 3135 และ Caliber 3136 ซึ่งเป็นกลไกอัตโนมัติที่ได้รับการรับรองว่าเป็นนาฬิกาสวิสโครโนมิเตอร์ที่มีความเที่ยงตรงจากสถาบันทดสอบทางการสวิสโครโนมิเตอร์อย่างเป็นทางการ Controle Officiel Suisse Des Chronometer หรือตัวย่อ C.O.S.C โดยมีคุณสมบัติที่ต้านทานต่อแรงกระแทกสูงมากขึ้น รวมทั้งประสิทธิภาพแม่นยำและเชื่อถือได้มากยิ่งขึ้น

กลไกแบบเดิม

กลไกแบบเดิม

ปัจจุบัน Datejust มีวางจำหน่ายทั้งหมด 3 ขนาด คือ 31, 36 และ 41 มม. โดยแต่ละขนาด มาพร้อมกับตัวเลือกทางวัสดุที่หลากหลาย ทั้งงานหน้าปัดหลากสี การตกแต่ง และการเลือกใช้วัสดุ หนึ่งในรุ่นที่ได้รับความนิยมรุ่นหนึ่ง คือ รุ่น Datejust 31 อันโดดเด่นด้วยหน้าปัดที่รังสรรค์จาก มาลาไคต์ (Malachite) ซึ่งเป็นแร่ทองแดงคาร์บอเนตไฮดรอกไซด์สีเขียวทึบธรรมชาติชนิดหนึ่ง ถูกนำมาตกแต่งอย่างสวยงาม นอกจากนี้ ยังมีรุ่นหน้าปัดประดับฝังเพชร รูปผีเสื้อ ที่รังสรรค์ผลงานจากไข่มุกธรรมชาติ มีวางจำหน่ายทั้งในรูปแบบที่ทำจากวัสดุทองคำขาว และเอเวอร์โรสโกลด์ 18 กะรัต

ความโดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ ความคลาสสิค ที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย Datejust ยังคงความงดงามดั่งครั้งแรกที่ทำการเปิดตัวไว้ไม่ผิดเพี้ยน มาพร้อมกับคุณสมบัติใช้งานที่ครบครันควบคู่กับการออกแบบที่สวยงาม ซึ่งยังคงได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ด้วยองค์ประกอบทั้งหมดนี้ เป็นคำตอบให้กับคำถามที่ว่า ทำไม Rolex Datejust จึงยังคงได้รับความนิยมอย่างสูงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่วันเปิดตัวครั้งแรก อีกทั้งยังเป็นนาฬิการุ่นที่มียอดขายสูงสุดเท่าที่เคยมีมา!

รัก
xoxo

 

KATE