To top
17 Jul

Reine de naples by Breguet ราชินีแห่งเนเปิลส์

Reine de naples by Breguet ที่สุดของความงดงาม รูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของนาฬิกาสำหรับสุภาพสตรี จากทิวทัศน์อันสวยงามของอ่าวเนเปิลส์ สู่การออกแบบเรือนเวลาสำหรับสวมใส่บนข้อมือ ซึ่งกลายมาเป็นผลงานทางประวัติศาสตร์ เป็นแรงบันดาลใจให้กับคอลเล็กชั่นนาฬิกาสำหรับผู้หญิง อันร่วมสมัยในฐานะที่เป็นทั้งเครื่องบอกเวลาและเครื่องประดับ KATEXOXO จะพาทุกคนทำความรู้จักอัญมณีชิ้นเอกนี้ไปพร้อมกัน

 

The first wristwatch for a queen

นาฬิกาคอลเล็กชั่น Reine de naples (เรน เดอ นาเปลส์) ได้แรงบันดาลใจมากจากนาฬิกาเรือนแรก ที่ถูกสั่งผลิตขึ้นในปี ค.ศ. 1810 เพื่อมอบให้กับ คาโรลีน มูราต์ (Caroline Murat) ผู้ซึ่งเป็นราชินีแห่งนครเนเปิลส์ พระขนิษฐาของโบนาปาร์ต จักรพรรดินโปเลียน ออกแบบโดย Abraham-Louis Breguet (อับราฮัม หลุยส์ บริเกต์) นักประดิษฐ์นาฬิกาอันเลื่องชื่อ มีลักษณะตัวเรือนเป็นรูปไข่ มีความโค้งมน วงรี และยาวเล็กน้อย เดิมทีสายเป็นแบบถักสาน ซึ่งใช้เวลาสร้างสรรค์ถึง 3 ปี โดยช่างฝีมือทั้งหมด 17 คน

Abraham-Louis Breguet

Abraham-Louis Breguet

กล่าวกันว่า ราชินีคาโรลีน เป็นผู้มีรสนิยมด้านศิลปะ ทรงมีผลงานซึ่งถูกออกแบบโดย บริเกต์ ไว้ในครอบครองร่วมกับพระเชษฐามากกว่า 30 ชิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นาฬิกาที่ได้รับการขนานนามว่า “Queen of Naples” ซึ่งตามบันทึกระบุไว้ว่า นาฬิกาเรือนนี้เป็นนาฬิกาพกซึ่งมีขนาดเล็กมาก สามารถผูกติดกับข้อมือเพื่อดูเวลาได้อย่างสะดวก ถูกระบุว่านาฬิกาเรือนนั้นถูกส่งมอบให้กับ คาโรลีนเมื่อปี ค.ศ. 1812 หลังจากถูกส่งซ่อมแซมเมื่อปี ค.ศ. 1849 และ 1855 นาฬิกาเรือนนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

คาโรลีน มูราต์ ราชินีแห่งเนเปิลส์

คาโรลีน มูราต์ ราชินีแห่งเนเปิลส์

นาฬิกาที่สูญหายไปนั้น ไม่มีบันทึกใด ๆ ทั้งสิ้น หลักฐานทั้งหมดได้สาบสูญไปพร้อมกับนาฬิกาเรือนนั้นไปทั้งหมด ไม่มีการแกะสลัก ไม่มีภาพวาด  ไม่มีอะไรนอกจากเสียงเล่าอ้างปากต่อปากเพียงเท่านั้น ดังนั้น คอลเล็กชั่นที่ถูกผลิตขึ้นมาในปัจจุบัน จึงเกิดจากภาพจินตนาการจากคำบอกเล่าดังกล่าว ซึ่งลงรายละเอียดไว้เพียงว่า เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ปี ค.ศ. 1810 ราชินีแห่งเนเปิลส์ได้สั่งนาฬิกาสองเรือนจากแบรนด์ Breguet จากช่างซ่อมนาฬิกาที่ก่อตั้งที่ Quai de l’Horloge ในปารีส

เป็นเวลาสองปีครึ่ง นาฬิกา Breguet หมายเลข 2639 ได้เสร็จสมบูรณ์ และส่งมอบตัวเรือนสำเร็จ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ปี ค.ศ. 1811 โดยเริ่มผลิตเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ปี ค.ศ. 1810 มีตัวเรือนรูปกิโยเช่สีทอง หน้าปัดรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีเงินหมุนด้วยกลไกที่ละเอียดอ่อนมาก คล้องข้อมือที่ทอด้วยด้ายสีทอง มีความยุ่งยากหลายอย่างรวมถึงทวนสัญญาณ ตัวบ่งชี้ข้างขึ้นข้างแรม และเทอร์โมมิเตอร์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนาฬิกาจำนวน 34 เรือน ที่รวมไปถึงนาฬิกาตั้งโต๊ะที่ Abraham-Louis Breguet ประดิษฐ์ขึ้นในตลอดช่วงชีวิตของเขาอย่างมีคุณค่า

เกือบสองศตวรรษต่อมา ในปี ค.ศ. 2002 นาฬิการุ่นนี้ ได้ถูกนำมาตีความใหม่ ให้ทันสมัยกว่าเดิม เพื่อเป็นเกียรติให้กับนาฬิกาแห่งประวัติศาสตร์ โดดเด่นด้วยรูปทรงไข่ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมถึงความสลับซับซ้อนของตัวกลไก ทำให้มันได้กลายเป็นตำนานในตัวของมันเอง ในส่วนของหน้าปัดขนาดเล็กที่อยู่ตรงกลาง จะแสดงชั่วโมงและนาที ตัวเรือนไวท์โกลด์ ขอบหน้าปัดและขอบหน้าปัดประดับเพชร ข้างในกลไกจักรกลอัตโนมัตินับเวลา

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นาฬิกาสำหรับสุภาพสตรีที่โด่งดังที่สุดของ Breguet ก็ถูกผลิตออกมาหลากหลายรูปแบบ ได้รับการพัฒนาทั้งรูปแบบ เทคนิค และความสวยงาม ซึ่งเป็นการยืนยันถึงความสำเร็จของเส้นโค้งและความประณีตงดงามอันเป็นเอกลักษณ์ของเรือนเวลารุ่นนี้

ไม่ว่าจะเป็นรุ่นที่มาพร้อมหน้าปัดเปลือกหอยมุกที่มีการแกะสลักแบบกิโยเช่ที่ละเอียดอ่อน เปลือกหอยธรรมชาติที่แกะสลักด้วยจี้ หรือประดับด้วยเพชรและอัญมณีหลากสีอย่างปราณีต หรือตัวเรือนเป็นพิงค์โกลด์หรือไวท์โกลด์ ซึ่งมักใช้ประดับเพชร ขนาดใหญ่มีขนาด 43.75 x 35.50 มิลลิเมตร ขนาดเล็กมีขนาด 33 x 24.95 มิลลิเมตร ตัวเลขอารบิกหรือโรมันยืดและหดได้ตามต้องการ โดยเล่นกับรูปหน้าปัดรูปไข่อย่างลงตัว

ปัจจุบัน Breguet ยังคงนำเสนอนาฬิการุ่น Reine de Naples ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยแต่ละรุ่นก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากภาพลักษณ์ของนาฬิกาหรูหราระดับสูง ที่ยังคงเค้าโครงของ Breguet หมายเลข 2639 เรือนดั้งเดิมจากอดีตไว้หลายประการ โดยเฉพาะรูปทรงของตัวเรือนที่แปลกตา อันเป็นตัวเสริมให้ข้อมือของสุภาพสตรี ดูเรียวงาม โดดเด่นมากยิ่งขึ้น

Reine de naples by Breguet คือตัวแทนการเดินทางข้ามผ่านกาลเวลา บนเส้นทางของนาฬิกาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความสลับซับซ้อน พาให้เรา จมดิ่งสู่ประวัติศาสตร์ของนาฬิกาเรือนแรกที่สวมใส่บนข้อมือ และความลึกลับของนาฬิกาที่หยั่งรากลึกในประวัติศาสตร์กว่าสองศตวรรษ เป็นสัญลักษณ์ของความลึกลับแบบคลาสสิก เป็นเครื่องบรรณาการที่เหมาะสมกับนาฬิกาเรือนที่สง่างามอย่างแท้จริง คือความสมดุลที่สมบูรณ์แบบของความเป็นเอกเทศและความคลาสสิคซึ่งมีแค่ Breguet และผู้ที่ได้สวมใส่มันเท่านั้น ที่สัมผัสถึง

รัก
xoxo

KATE