To top
27 Aug

Louis Vuitton Leather : The Monogram

Louis Vuitton Leather : The Monogram – เป็นเวลากว่า 124 ปี แล้ว ที่ลายโมโนแกรม อันถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์หลุยส์ วิตตอง ได้ถือกำเนิดมา นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1896 โดย จอร์จ วิตตอง (George Vuitton) ลายโมโนแกรม ถูกหยิบยกมาสร้างสรรค์บนสินค้าหลากหลายประเภท แต่งแต้มเป็นคอลเล็กชั่นต่าง ๆ ทั้งกระเป๋า รองเท้า รวมถึงเสื้อผ้าและเครื่องประดับ

จุดกำเนิดของลายดั้งเดิมนั้น เกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการลอกเลียนแบบของหีบในสมัยก่อน เนื่องจากหีบของหลุยส์สมัยแรก ๆ ไม่มีลวดลายใด ๆ และง่ายต่อการลอกเลียนแบบ จอร์จ วิตตอง ได้ออกแบบลายที่ละเอียดมากขึ้น อีกทั้งยังมีการจดสิทธิบัตรลายเป็นลายลักษณ์อักษรจึงเป็นที่มาของลายอันเป็นอมตะของแบรนด์และเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่ทรงอิทธิพลระดับโลกจนถึงทุกวันนี้ มาร่วมย้อนรอยไปยังจุดกำเนิดของลายอันโด่งดังนี้ไปพร้อมกัน

Louis Vuitton Monogram History

การทอลาย Monogram ในสมัยเริ่มแรก, การลอกลวดลายโดยใช้แผ่นฉลุ, และปริ้นท์บนผ้าใบในปัจจุบัน

การทอลาย Monogram ในสมัยเริ่มแรก, การลอกลวดลายโดยใช้แผ่นฉลุ, และปริ้นท์บนผ้าใบในปัจจุบัน

 

ในยุคเริ่มแรก Louis Vuitton เป็นที่รู้จักในนามของผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตและออกแบบหีบใส่ของ ซึ่งในยุคนั้น ชาวฝรั่งเศสนิยมที่จะจัดเก็บข้าวของเครื่องใช้ไว้ในหีบ โดยมีตั้งแต่หีบขนาดเล็กใช้สำหรับบรรจุเครื่องประดับหรือหมวก ไปจนถึงหีบขนาดใหญ่เพื่อบรรจุเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายเพื่อใช้สำหรับการเดินทางไกล

Louis Vuitton พัฒนารูปแบบการผลิตหีบ ให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้คนในสมัยนั้น ด้วยการเปลี่ยนแปลงรูปแบบหีบจากแต่เดิมเป็นฝาปิดทรงโดม ซึ่งไม่สะดวกในการจัดเก็บและเคลื่อนย้าย มาเป็นดีไซน์แบบสี่เหลี่ยม เพื่อความสะดวกในการนำมาวางซ้อนกัน และง่ายต่อการขนส่งเคลื่อนย้ายระหว่างเดินทาง ความสำเร็จของกิจการหีบของหลุยส์เป็นไปอย่างรวดเร็ว ควบคู่ไปกับการคมนาคมที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าให้ความสนใจในหีบของหลุยส์นั่นก็คือ การออกแบบที่เป็นสัดส่วนภายในของหีบ ซึ่งง่ายต่อการจัดเก็บสัมภาระและสามารถนำของในหีบออกมาได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งกล่าวได้ว่า หีบของหลุยส์ วิตตอง เป็นสัญลักษณ์ของการเดินทางสมัยใหม่ และถูกขนานนามว่า Modern Luggage

ภายในของหีบ ที่แบ่งเป็นสัดส่วนเพื่อความสะดวก

ภายในของหีบ ที่แบ่งเป็นสัดส่วนเพื่อความสะดวก

ในช่วงแรก หีบของหลุยส์ ใช้วัสดุหนังในการผลิต จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1858 ได้มีการเปิดตัวหีบรุ่นใหม่ ที่นำวัสดุผ้าใบมาทำการผลิตหีบแทนวัสดุของหนัง ทำให้หีบมีน้ำหนักเบา อีกทั้งยังสามารถกันน้ำและป้องกันกลิ่นได้อีกด้วย

จุดเริ่มต้นของลาย Monogram นั้น เกิดขึ้นโดยความบังเอิญ เมื่อปี ค.ศ. 1837 วิตตองต้องการที่จะพิมพ์ตัวอักษร WL ซึ่งเป็นตัวย่อของคำว่า “Wagon Lit” อันหมายถึง ตู้นอนของรถไฟชั้นหนึ่ง ลงบนแผ่นผ้าเพื่อนำไปหุ้มบนเบาะรถไฟ แต่แล้ว เกิดเหตุผิดพลาดในขั้นตอนการพิมพ์ลาย ตัวอักษรที่ออกมาแทนที่จะเป็น WL อย่างที่ตั้งใจไว้ กลับกลายเป็นตัวอักษร LV ซึ่งแน่นอนว่าสินค้าของเขาถูกยกเลิกทั้งหมด

เพื่อไม่ให้สินค้าที่ผลิตออกมาแล้วสูญเปล่า เขาตัดสินใจนำสินค้าที่ถูกยกเลิกนั้นไปห่อหุ้มหีบใส่ของแทน โดยในสมัยเริ่มแรกใช้วิธีการถักทอลวดลายลงบนผืนผ้า เป็นการสื่อถึงความละเมียดละไมในการรังสรรค์เอกลักษณ์ของแบรนด์เป็นอย่างดี ในเวลาต่อมาเป็นการคัดลอกลวดลายโดยใช้แผ่นฉลุ จนถึงปัจจุบันได้วิวัฒนาการ มาเป็นการใช้เครื่องจักรในการปริ้นท์ลงบนผ้าใบแคนวาส

โลโก้ของ Louis Vuitton ถูกออกแบบอย่างเป็นทางการครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1896 และจดทะเบียนเป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อปี ค.ศ. 1987 โดยอ้างอิงจากศิลปะยุควิกตอเรีย ที่มีชื่อเรียกว่า “Mon” อันมีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสไตล์การออกแบบมักจะเกี่ยวข้องกับการเป็นตัวแทนของครอบครัว หรือองค์กรระดับสูง เช่นเดียวกับที่ชาวตะวันตกมองว่า ครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

ในช่วงวิกตอเรียนั้น ประเทศญี่ปุ่นถูกมองว่าเป็นดินแดนที่แปลกใหม่และเต็มไปด้วยความลึกลับ การออกแบบลวดลายโดยอิงศิลปะ จึงทำให้รูปลักษณ์ของโลโก้มีความหรูหรา ดูลึกลับและมีระดับ ลายโมโนแกรมนั้น ประกอบด้วยสัญลักษณ์ 4 อย่างคือ ตัวอักษร LV ที่เป็นตัวย่อของแบรนด์, รูปดอกไม้ 4 กลีบแบบทึบ, รูปดอกไม้ 4 กลีบแบบโปร่ง และสัญลักษณ์คล้ายมงกุฏ อันเป็นตัวแทนที่สะท้อนถึงความคลาสสิคและความหรูหราของแบรนด์ ได้เป็นอย่างดี

 

 

The Monogram

 

v

The Details of Louis Vuitton Monogram Leather

 

 

Monogram 

เป็นหนึ่งในลวดลายที่ถูกลอกเลียนแบบมากที่สุดลายหนึ่งของโลก ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1896 โดย จอร์จ วิตตอง (George Vuitton) เพื่อแก้ปัญหาการลอกเลียนแบบในขณะนั้นประกอบด้วยสัญลักษณ์ 4 อย่างคือ ตัวอักษร LV ที่เป็นตัวย่อของแบรนด์, รูปดอกไม้ 4 กลีบแบบทึบ, รูปดอกไม้ 4 กลีบแบบโปร่ง และสัญลักษณ์คล้ายมงกุฏ

อย่างไรก็ตามส่วนที่โดดเด่นที่สุดของผืนผ้าใบก็คือ ผ้าใบผ้าฝ้ายเคลือบของ LV เป็นผลิตภัณฑ์ที่ปฏิวัติวงการผลิตหีบเดินทางในเวลานั้นและสร้างความแตกต่างให้กับผู้ผลิตกระเป๋าเดินทางจากคู่แข่ง ทุกวันนี้ผ้าใบจากหลุยส์ วิตตอง ขึ้นชื่อเรื่องมีความทนทานและกันน้ำได้ดีกว่าหนังส่วนใหญ่และยังคงความสวยงามและคลาสสิก

 

Monogram Multicolor (White)

เป็นการร่วมมือระหว่าง LV และศิลปิน Takashi Murakami เปิดตัวในปี ค.ศ. 2003 โดย Marc Jacobs ได้อธิบายว่าคอนเซ๊ปต์ของการออกแบบว่า เป็น ‘พาเล็ตต์ Kauai’ ซึ่งหมายถึง สีที่สดใส และได้รับแรงบันดาลใจจากเมืองร้อน ผืนผ้าใบนี้สะท้อนให้เห็นถึงสุนทรียะของศิลปะ และได้รับความนิยม และประสบความสำเร็จไม่ต่างจากลาย Classic ปัจจุบันลวดลาย Multicolore ไม่มีการผลิตแล้ว จึงนับได้ว่าเป็นกระเป๋ารุ่นวินเทจ เป็นกระเป๋ารุ่นหายาก เป็นที่ตามหาของเหล่าบรรดานักสะสม รวมทั้งราคาที่พุ่งสูงขึ้นในตลาดซื้อขายแบรนด์เนมมือ 2

Monogram Multicolor (Black)

เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1962 เป็นผลงานการสร้างสรรค์ระหว่าง Louis Vuitton ภายใต้การนำของ Marc Jacobs กับศิลปินชาวญี่ปุ่นชื่อดังนามว่า Takashi Murakami ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลเป็นอย่างมากด้านงานศิลปะ นำเสนอในรูปแบบของ “Kauai Palette” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเขตร้อน 32 สี ให้ความรู้สึกสนุกสนาน โดยผลงานชิ้นนี้แตกต่างจาก Monogram Multicolor (White) ตรงที่ผืนผ้าจะเป็นสีดำ (Black) เท่านั้น และปัจจุบันไม่มีการผลิตแล้วเช่นกัน

Louis Vuitton Leather : The Monogram

Monogram Empreinte Gian

หนังชนิดนี้เปิดตัวมาเมื่อปี ค.ศ. 2010 หนังลูกวัวปั๊มลาย (Monogram Empreinte) เรียกได้ว่า เป็นหนังที่ได้รับความนิยมเนื่องจากความคลาสสิก เรียบหรู ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน มีลักษณะอ่อนนุ่ม เมื่อยิ่งใช้งานนานไปลวดลายยิ่งเด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นจุดเด่นของรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ โดยเป็นหนังลูกวัว (Calfskin) ที่นำมาปั๊มลาย Monogram

Louis Vuitton Leather : The Monogram

Monogram Vernis 

Vernis เป็นภาษาฝรั่งเศส มีความหมายว่า “สารเคลือบเงา” โดยหนังชนิดนี้กำเนิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1998 โดย Marc Jacobs หลังจากที่เขาได้เข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ Louis Vuitton ในขณะนั้น มีลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากหนังแบบอื่นคือ มีรูปแบบหนังที่มันเงา เป็นวัสดุหนังลูกวัว (Calfskin) เคลือบด้วย Enamel ทำให้มีลักษณะเงาเป็นประกายสวยงาม ซึ่งข้อเสียของสารชนิดนี้คือ ทำให้หนังเกิดความเหนียว สีจางหากตากแดดเป็นเวลานาน ๆ และดูดสีอื่นได้ง่าย หากวางไว้ใกล้กับวัสดุชนิดอื่น ๆ  รวมถึงเกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย

 

Louis Vuitton Leather : The Monogram

ลายโมโนแกรมของ Louis Vuitton ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในลายโมโนแกรมที่มีชื่อเสียงที่สุดลายหนึ่งของโลก ถือเป็นสัญลักษณ์และเป็นเอกลักษณ์ที่ทั่วโลกให้การยอมรับ ตลอดเวลากว่า 124 ปี ที่ลวดลายปรากฏอยู่บน ITEM ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า รองเท้า หรือแม้แต่เสื้อผ้า รวมถึงคอลเล็กชั่นพิเศษต่าง ๆ  แต่ทว่าลวดลายอันสวยงามเหล่านี้ยังคงเสน่ห์และความคลาสสิก ซึ่งไม่มีวันจางหายไปตามกาลเวลา และทั้งหมดนี้คือ Louis Vuitton Leather : The Monogram

รัก
xoxo
KATE