Hermes Constance Marble Silk หากคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้อันเหนียวแน่นของแบรนด์สัญชาติฝรั่งเศส Hermes แล้วละก็ คงจะคุ้นเคยกับกระเป๋ารุ่น Constance เป็นอย่างดี ซึ่งถือได้ว่าเป็นกระเป๋าที่ได้รับความนิยมอย่างสูง อีกทั้งยังเป็นกระเป๋าอีกหนึ่งรุ่นที่เก่าแก่ที่สุดในโลก จนได้ขึ้นแท่นเป็น Timeless iconic Bag อีกด้วย ความสวยงามเหนือกาลเวลา ผนวกกับงานฝีมืออันไร้ที่ติ ส่งผลให้ Constance เป็น Wishlist ที่เหล่าแฟชั่นนิสต้า ไม่พลาดที่จะมีไว้ในครอบครอง
ในบทความนี้ KATEXOXO จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับกระเป๋ารุ่น Limited Edition อีกหนึ่งรุ่นจาก Hermes กระเป๋าที่เต็มไปด้วยเรื่องราวความเป็นมาอันน่าทึ่งตามแบบฉบับของแบรนด์ กระเป๋าที่ไม่ได้เป็นแค่กระเป๋า แต่เป็น “ผลงานศิลปะ” ที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก กลิ่นอายของความลึกลับที่เย้ายวน ที่ยืนหยัดมาเป็นเวลากว่า 50 ปี จะได้รับการเปิดเผย ภายใต้ Story ของการผลิตกระเป๋ารุ่นพิเศษนี้
History of Constance
กระเป๋ารุ่น Constance (คอนสตอง) ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1967 ออกแบบโดยดีไซเนอร์นามว่า Catherine Chaille ซึ่งในขณะนั้นเธอกำลังตั้งครรภ์อยู่ ได้ถูกJean-Louis Dumas CEO ของแบรนด์ในขณะนั้นร้องขอให้ทำการออกแบบกระเป๋าที่เรียบง่าย แต่คงไว้ซึ่งความหรูหราและคงทน โดยชื่อรุ่น Constance ได้ถูกตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติตามชื่อของลูกสาวคนที่ 5 ของ Catherine ซึ่งถือกำเนิดในวันแรกที่กระเป๋ารุ่นนี้ใบแรกออกจากโรงงานของ Hermes
กระเป๋าสไตล์เมืองที่มีจิตวิญญาณความเป็นสปอร์ตแบบเงียบ ๆ ด้วยสายสะพายหนัง ที่สามารถสะพายไหล่ได้ ทำให้การเคลื่อนไหวคล่องตัว Constance จึงกลายเป็นกระเป๋าใบโปรดของ Jacqueline Kennedy สตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกาในขณะนั้นทันที ซึ่งนั่นทำให้ Constance โด่งดังในหมู่ชนชั้นสูงของฮอลลิวูดอย่างรวดเร็ว
คำว่า Constance ในภาษาฝรั่งเศส มีความหมายว่า ความคงเส้นคงวา กล่าวว่านัยหนึ่งคือความพากเพียร ความน่าเชื่อถือ และความซื่อสัตย์ต่อตนเอง ปัจจุบัน กระเป๋ารุ่น Constance มีจำหน่ายทั้งหมดด้วยกัน 4 ขนาด คือ micro, mini, 24 cm และ The Elan โดย The Elan เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด ซึ่งตัวกระเป๋าจะมีความยาวและแคบกว่า รวมทั้งมีความเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสน้อยกว่า เมื่อเทียบกับกระเป๋าอีก 3 ขนาดเล็กน้อย
จุดเด่นของกระเป๋ารุ่นนี้ คือสไตล์ความเป็นวินเทจ และบัคเก็ตตัว H เด่นตระหง่าน ตัวกระเป๋าทำจากหนังวัว 100% โดยกระเป๋าแต่ละใบถูกตัดเย็บขึ้นด้วยมือ นานกว่า 14 ชั่วโมงจากช่างหนังผู้เชี่ยวชาญจาก Hermes ซึ่งมีการผลิตออกมาหลากหลายสีสัน โดยมีทั้ง Hardwear สีเงิน Palladium และสีทอง รวมไปถึงรุ่น Limited Edition ที่ผลิตขึ้นจากหนังสัตว์ Exotic และวัสดุหายากอื่น ๆ
Hermes Constance Marble Silk
สำหรับกระเป๋า Constance ในรุ่นปกติ จะตัดเย็บขึ้นจากหนังแท้ทั้งใบ แต่สำหรับกระเป๋ารุ่นพิเศษนี้ มี Material หลักนอกจากหนัง ที่ปรากฏในส่วนของสายสะพาย ก้นกระเป๋า ด้านข้างและภายในกระเป๋า จุดเด่นของกระเป๋ารุ่นนี้คือ ผ้าไหม Marble Silk ลายหินอ่อน ซึ่งโดดเด่นอยู่บนตัวกระเป๋าทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
Marble Silk คือเทคนิคการทำลาย Pattern ให้กับผ้าไหม ด้วยเทคนิคพิเศษและดั้งเดิม ที่เรียกว่า “Silk Marbling” ซึ่งโดยปกติแล้ว ขั้นตอนการผลิต คือการเอาสี มาหยดลงบนสารละลายเซลลูโลส จากนั้นจึงทำการวาดลวดลายต่าง ๆ ตามด้วยการเอาผ้านาบลงไปบนสีที่ได้วาดลวดลายเอาไว้เรียบร้อยแล้ว สีและลวดลายที่ลอยอยู่บนของเหลวก็จะซึมขึ้นและถ่ายทอดลงสู่ตัวผ้า แต่นั่น ไม่ใช่เทคนิคพิเศษ ที่ใช้ในการผลิตกระเป๋ารุ่นพิเศษนี้
ทว่า เทคนิคที่ใช้ในการผลิตกระเป๋ารุ่นนี้ เป็นเทคนิคโบราณ ที่ถือกำเนิดขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 แต่จุดเริ่มต้นที่แท้จริงของเทคนิคโบราณดังกล่าวนั้น การผลิตลวดลายอันน่าทึ่งเหล่านี้ยังคงเป็นปริศนา ซึ่งแม้กระทั่ง Hermes เองก็ยังไม่สามารถหาคำตอบที่ชัดเจนได้
แต่มีการคาดคะเนว่า เทคนิคดังกล่าวอาจเกิดขึ้นในยุโรป สวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส รวมถึงเยอรมัน แต่บางกระแสก็กล่าวว่า เทคนิคพิเศษนี้ มีต้นกำเนิดในเอเชีย โดยญี่ปุ่นเป็นชาติแรก ๆ ที่คิดค้นและยังคงประเพณีการผลิต Silk Marbling จนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ทั้งนั้นข้อมูลทั้งหมด ยังไม่มีการรับรอง
ผู้สืบทอด Silk Marbling
ในที่สุด Hermes ได้ค้นพบครอบครัวหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้สืบทอดศิลปะการผลิต Silk Marbling แบบโบราณนี้ ซึ่งในโลกนี้ไม่มีผู้ใดสามารถใช้เทคนิคแบบนี้ได้อีกแล้ว และถือเป็นครอบครัวสุดท้ายในญี่ปุ่น ที่ยังคงสืบทอดเทคนิคนี้จากรุ่นสู่รุ่นจนถึงปัจจุบัน นั่นก็คือ ตระกูล Nose (โนเสะ) อาศัยอยู่ที่เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น และเป็นช่างฝีมือของบริษัท Kyoto Marble
ศิลปะลวดลายผ้าไหม ที่ปรากฏบนกระเป๋ารุ่นพิเศษนี้ เป็นผลงานจากฝีมือของตระกูล Nose ความพิเศษของเทคนิคดังกล่าว คือลายที่ปรากฏไม่ได้เกิดจากการพิมพ์ลวดลาย Marble หรือลายหินอ่อนแบบปกติทั่วไป ที่เป็นการพิมพ์สีทีละสีเพื่อให้เกิดการต่อเนื่องของสีและลาย แบบเดียวกับที่ Hermes ใช้ในการผลิตผ้าพันคอ แต่เทคนิคที่ว่านี้ เกิดขึ้นจาก “ดิน”
เริ่มต้นจาก ครอบครัว Nose จะทำการเตรียมดิน หรือที่เรียกว่า “Starch” ทำการปั้นและผสมกับเม็ดสี โดยแยกดินแต่ละสีไว้ หลังจากนั้น จะนำมารีดเป็นแผ่นและตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ความพิเศษไปอีกก็คือ ทุกขั้นตอนจะใช้มือในการผลิตทั้งสิ้น หลังจากนั้น จะนำดินชิ้นเล็ก ๆ เหล่านั้นที่ทำการตัดแล้วแต่ละสี มาปั้นรวมกันให้เกิดเป็น Pattern โดยผสมอย่างไรก็ได้ให้เกิดลวดลาย Pattern แบบธรรมชาติ เมื่อปั้นเสร็จ จะทำการรีดแผ่นดินอีกครั้ง และนำมาตัดเป็นรูปร่าง เป็น Pattern ตามที่ต้องการจะวางลงบนผ้าไหม
เมื่อได้ Pattern เป็นที่พอใจแล้ว ก็จะนำดินดังกล่าวไปแปะไว้รอบ ๆ แท่นกดผ้า ซึ่งแท่นดังกล่าวจะมีลักษณะเป็นทรงกระบอกยาว ๆ ทำการกดดินให้แบนและบางที่สุด จากนั้นนำแท่นกดผ้าดังกล่าว รีดลงไปบนผ้าไหม สีจากดินที่อยู่บนแท่นก็จะค่อย ๆ ถูกถ่ายลงบนผ้าไหม ซึ่งทุกเทคนิคดังกล่าวเกิดจากกระบวนการทำด้วยมือทั้งสิ้น ปราศจากเครื่องจักรใด ๆ ซึ่งโดยทั่วไปนั้น การเตรียม Pattern 1 ลาย จะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน
นั่นหมายถึง ทุกครั้งที่มีการกดหมึกหรือสีลงบนผ้า ก็จะเกิดลวดลายและการกระจายของสีที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละครั้ง ด้วยเทคนิคแบบนี้ ส่งผลให้ชิ้นงานแต่ละชิ้นมีเอกลักษณ์ในตัวเอง ซึ่งหมายความว่า แม้จะเป็นกระเป๋ารุ่นเดียวกัน แต่ลวดลายที่ปรากฏบนกระเป๋าแต่ละใบจะมีความแตกต่างกัน ทำให้ Hermes Constance Marble Silk เป็นผลงานที่มี “ชิ้นเดียวในโลก” เท่านั้น
หลังกระบวนการผลิตทั้งหมดเสร็จสิ้น ครอบครัวโนเสะ จะทำการส่งมอบผ้าไหมไปที่ Pantin (พองตอง) โรงงานผลิตของ Hermes ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส และให้ช่างฝีมือทำการตัดเย็บผ้าไหมเข้ากับชิ้นหนังของตัวกระเป๋ารุ่น Constance และได้มาเป็น Constance รุ่น Limited Edition ตามที่ปรากฏ
กระเป๋า Hermes Constance Marble Silk เป็นกระเป๋า Constance size 24 ตัดเย็บขึ้นจากหนัง Swift สีชมพู Rose Mexico ทั่วทั้งใบ (Rose Mexico Swift leather) อะไหล่เงิน Palladium ถุงผ้าที่มาพร้อมกับกระเป๋า เป็นถุงผ้าไหมแบบหูรูด Drawstring สีน้ำเงินกรมท่า เนื้อผ้าแบบเดียวกับผ้าพันคอ Hermes มาพร้อมกับถุงผ้าขนาดเล็ก บรรจุ Care card ระบุชื่อรุ่นเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า LE SAC CONSTANCE EN SOIE MARBLE SILK ET CUIR
สำหรับกล่องบรรจุ มีลักษณะด้านนอกสีส้มเช่นเดียวกับกล่อง Hermes ทั่วไป แตกต่างตรงที่ขนาดซึ่งมีความยาวกว่ากล่องปกติ รวมถึงภายใน ที่ตกแต่งด้วยสีน้ำเงินกรมท่าทั้งกล่อง เพิ่มความหรูหราด้วยตัว Stamp Logo ตรา Hermes สีทอง ที่ประทับตรงกลางของฝากล่องด้านใน รวมทุกความ Exclusive ไว้ในตัว ราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 1,1xx,xxx บาท
Hermes มีความพยายามในการเฟ้นหาทักษะทั่วโลก ภายใต้โครงการ “Footstep Across The World” เป็นโปรแกรมที่ทาง Hermes จะทำการเสาะหางานฝีมืออันโดดเด่น หายาก และเป็นเอกลักษณ์ จากทั่วทุกมุมโลก โดยจะให้ความร่วมมือกับชุมชนหรือเจ้าของงานฝีมือนั้น ๆ สร้างสรรค์ผลงาน Limited Edition ต่าง ๆ ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่าค้นหา และสร้างมูลค่าให้กับงานฝีมือนั้น ๆ
และทั้งหมดนี้คือผลงาน Limited Edition จาก Hermes กระเป๋าที่ไม่เป็นเพียงแค่กระเป๋า แต่มันคืองานศิลปะ ที่อัดแน่นไปด้วยเรื่องราว ประเพณี วัฒนธรรมและงานฝีมือ ที่ได้รับการสืบทอดมาหลายช่วงอายุคน ผลงานเลอค่าที่เหล่านักสะสมและแฟนตัวยงของงานศิลปะและแบรนด์ Hermes ไม่ควรพลาด สำหรับใคร ที่อยากจะเป็นเจ้าของกระเป๋ารุ่นนี้ อาจจะต้องกำกระเป๋าสตางค์ให้แน่น เพราะด้วยเหตุผลทั้งปวงที่กล่าวมาทั้งหมด อาจทำให้ราคา Reseller พุ่งสูงเป็น 2 เท่า ของราคาจำหน่ายมือหนึ่งเลยทีเดียว !
รัก
xoxo