Cartier Crash นาฬิการูปทรงบิดเบี้ยว ซึ่งถือได้ว่าเป็นตำนานแห่งโลกนาฬิกาอันเป็นที่จับตาของเหล่าผู้หลงไหลในความสวยงามของเรือนเวลาวินเทจ อันเปรียบเสมือนงานศิลปะที่ทรงคุณค่า จากงานดีไซน์และความหายาก ซึ่งผลิตออกมาเพียง 200 เรือนทั่วโลกเท่านั้น แต่น้อยคนนักที่จะล่วงรู้ถึงความเศร้าเบื้องหลังดีไซน์แปลกตานี้ KATEXOXO จะพาทุกคนดำดิ่งไปสู่การสำรวจความจริงถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของแรงบันดาลใจ ในการออกแบบนาฬิกาแห่งตำนานรุ่นนี้ไปพร้อมกัน
History of the Cartier
เมื่อย้อนรอยประวัติศาสตร์ของแบรนด์ Cartier อัดแน่นไปด้วยมรดกทางวัฒนธรรมและความโรแมนติก สาระสำคัญของสไตล์การออกแบบของ Maison คือความคิดสร้างสรรค์ การออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ จะดึงดูดจินตนาการของนักสะสมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแต่ละยุค Cartier ก่อตั้งขึ้นครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ. 1840 (พ.ศ. 2390) โดย Louis-François Cartier (หลุยส์ ฟรองซัวร์ คาร์เทียร์)
หลังจากบริษัทได้ตกมาอยู่ภายใต้การบริหารของรุ่นลูกทั้ง 3 คน ได้แก่ Louis Cartier ซึ่งคุมโรงงานการผลิตอยู่ที่เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส Pierre Cartier กับฐานการผลิตที่นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา และ Jacques Cartier คุมบังเหียนอยู่เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก็ได้ร่วมกันขับเคลื่อนแบรนด์ให้กลายเป็นหนึ่งในผู้นำเครื่องประดับและการผลิตนาฬิกาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ในช่วงศตวรรษที่ 20
คาร์เทียร์ไม่เคยเป็นผู้ตาม แบรนด์สุดหรูเก่าแก่แห่งแดนน้ำหอมนี้ มักเป็นผู้สร้างสรรค์นำเทรนด์อยู่เสมอ ซึ่งมักจะเกิดจากแรงบันดาลใจ ที่ค้นพบจากสถานที่หรือเหตุการณ์ที่ไม่ธรรมดา ดังเช่นอีกหนึ่งนาฬิกาคลาสสิกรุ่นประวัติศาสตร์อย่าง Cartier Tank ซึ่งถูกสร้างสรรค์ขึ้นในปี ค.ศ. 1917 อันได้รับแรงบันดาลใจมาจาก เรโนลต์ FT-17 รถถังเบาที่ใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 การออกแบบนาฬิกาจึงคล้ายกับรถหุ้มเกราะและดอกยาง เมื่อมองจากด้านบน ในขณะที่ยังคงความสง่างามและฟังก์ชั่นมาตรฐานของนาฬิกาคาร์เทียร์ไว้
อีกทั้งยังมีการผลิตนาฬิกาสำหรับสุภาพสตรี ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นนาฬิกาที่ได้การยอมรับและได้รับความนิยมอย่างสูงจากเหล่าบรรดาสุภาพสตรีชั้นสูงและบุคคลผู้มีชื่อเสียงในสายอาชีพต่าง ๆ ในช่วงทศวรรษที่ 1950 นั่นก็คือนาฬิการุ่น แบนัวร์ (Baignoire) อันเป็นภาษาฝรั่งเศส ซึ่งมีความหมายว่า “Bathtub” หรืออ่างอาบน้ำ เมื่อเข้าสู่ยุค 1960s ตัวเรือนได้รับการปรับปรุงอีกครั้ง ให้มีขนาดยาวและรีมากขึ้น ภายใต้ชื่อรุ่น Baignoire Allongée หรือ Elongated Bathtub หมายถึงอ่างอาบน้ำแบบยาว
และนาฬิการุ่นนี้เอง ที่ถือได้ว่าเป็นจุดกำเนิดของนาฬิการุ่น Cartier Crash สำหรับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตำนานลึกลับ ถึงที่มาและแรงบันดาลใจในการออกแบบนาฬิการุ่นนี้ ซึ่งปัจจุบัน ก็ยังคงหาข้อพิสูจน์ไม่ได้ แต่ผู้เชี่ยวชาญได้ตั้งข้อสันนิษฐานที่เป็นไปได้เอาไว้ 3 ข้อดังนี้
- ทฤษฎีแรก ได้รับแรงบันดาลใจ มาจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยตามตำนานกล่าวเอาไว้ว่า ในปี ค.ศ. 1967 มีหญิงชราคนหนึ่ง นำนาฬิการุ่น Baignoire Allongée ซึ่งได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากแรงกระแทกและความร้อนในอุบัติเหตุ ทำให้รูปทรงของตัวเรือนบิดเบี้ยว ไปส่งซ่อมที่ร้านคาร์เทียร์ สาขาลอนดอน ซึ่งทำให้ Jean-Jacques ผู้กุมกิจการของคาร์เทียร์ในสาขาลอนดอนในขณะนั้น ถูกตาต้องใจกับรูปทรงของนาฬิกาที่ได้รับความเสียหายเรือนนั้นเป็นอย่างมาก เป็นแรงบันดาลใจให้เขาออกแบบนาฬิกาที่มีดีไซน์แปลกประหลาดบิดเบี้ยวดังกล่าวออกมา และตั้งชื่อรุ่นนาฬิกานั้นว่า Crash หรือความหมายว่า “ชน”
- ทฤษฎีที่สอง กล่าวกันว่า นาฬิการุ่นนี้ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพวาดชื่อ The Persistence of Memory และ Melting Watch อันเป็นผลงานของเจ้าพ่อศิลปะแนวเซอร์เรียลลิซึ่ม หรือลัทธิเหนือจริง นามว่า Salvador Dali โดยภาพวาดทั้งสองนั้น แสดงถึงภาพวาดนาฬิกาที่กำลังหลอมละลาย อ่อนย้วย จึงมีการนำรูปลักษณะของนาฬิการุ่นนี้ มาเปรียบเทียบกับภาพวาดระดับขึ้นหิ้งทั้งสอง
- ทฤษฎีสุดท้าย มีข้อสันนิษฐานว่า นาฬิการุ่นนี้ ได้ถูกออกแบบขึ้นเพื่อเป็นการระลึกและให้เกียรติต่อการจากไปของผู้บริหารระดับสูงของ Cartier ซึ่งประสบอุบัติเหตุบนท้องถนน ระหว่างขับขี่อยู่ในเมืองลอนดอน โดยอุบัติเหตุดังกล่าว ก่อให้เกิดเพลิงลุกไหม้ และแน่นอนว่าผู้บริหารได้สวมใส่นาฬิการุ่น Baignoire โดยมันถูกหลอมละลายจนผิดรูปผิดร่างจากความร้อน และนั่นคืออีกหนึ่งทฤษฎีของกำเนิดนาฬิการูปร่างบิดเบี้ยวดังกล่าว
ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังมีอีกข้อสันนิษฐานหนึ่ง จากบทความในหนังสือ The Cartiers: The Untold Story of the Family Behind the Jewelry Empire ซึ่งถูกเขียนขึ้นโดย Francesca Cartier Brickell หลานสาวของ Jean-Jacque ได้อธิบายเอาไว้ว่า คุณปู่ของเธอต้องการสร้างนาฬิกาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการปลดแอกทางวัฒนธรรมแห่งยุค Swinging Sixties
ยุค Swinging Sixties ถือได้ว่าเป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ที่เกิดขึ้นในเมืองลอนดอน ในช่วงกลางถึงปลายทศวรรษ 1960 หลังสถานการณ์อันตึงเครียดยาวนาน ซึ่งมีผลมาจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่งผลให้เยาวชนต้องการแสดงออกถึงความเป็นตัวเอง และเรียกร้องอิสระ อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีทั้งหมด เกิดจากข้อสันนิษฐานเพียงเท่านั้น จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีข้อพิสูจน์ว่า เรื่องจริงหรือความเป็นมาของนาฬิกา Cartier Crash นี้ มีที่มาอย่างไร
Cartier Crash
ไม่ว่าความเป็นจริง จุดเริ่มต้นเรื่องราวของนาฬิการุ่นนี้จะเกิดจากอะไรก็ตาม ก็ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับ Jean-Jacques Cartier ทายาทรุ่นเหลนของผู้ก่อตั้งแบรนด์ ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้บริหารสูงสุดของคาร์เทียร์ สาขาลอนดอน ความประทับในในเรื่องราวและรูปทรงอันบิดเบี้ยวแปลกตา ก่อกำเนิดนาฬิการูปทรงใหม่ และกลายมาเป็นตำนานจนถึงทุกวันนี้
แต่เดิม แบรนด์คาร์เทียร์ กระจายกำลังการผลิตนาฬิกาไปยังสถานที่ต่าง ๆ ใน 3 สาขานั่นคือ สาขาปารีส สาขาลอนดอน และสาขานิวยอร์ค ซึ่งต่างได้รับอิสระในการออกแบบสินค้า ภายใต้แบรนด์เดียวกัน แต่สำหรับนาฬิการุ่น Crash แต่เดิมนั้น มีการผลิตเพียงแค่สาขาลอนดอนเท่านั้น (โปรดสังเกตุหน้าปัดช่วงหกนาฬิกา จะมีระบุตัวอักษรภาษาอังกฤษ London)
Jean-Jacques ยอมรับว่าเขา “ปวดหัวมาก” เนื่องจากความยากในการผลิต ซึ่งถูกออกแบบมาอย่างซับซ้อน เพื่อให้เข็มบนหน้าปัดนาฬิกาอันบิดเบี้ยวไม่ได้สมมาตรนี้ สามารถชี้บอกเวลาเพื่อการอ่านเวลาที่แม่นยำ และในที่สุด Cartier Crash ก็ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1967 ส่งผลให้นาฬิการุ่นนี้ ถูกผลิตออกสู่ตลาดในจำนวนน้อยมาก ๆ
โดยในช่วงแรกผลิตออกมาเป็นนาฬิกาสำหรับสุภาพบุรุษขนาดใหญ่ ยาว 43 มิลลิเมตรและกว้าง 23 มิลลิเมตร ใช้วัสดุในการผลิตส่วนใหญ่คือ เยลโลว์โกลด์ แต่ด้วยรูปทรงที่ออกจะแปลกตา รวมถึงความยากในการผลิต ซึ่งผลิตด้วยมือทุกเรือน จึงทำให้ยังไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควรในช่วงแรก และถูกผลิตออกสู่ตลาดในจำนวนที่น้อยมาก โดยรุ่นดั้งเดิมมีการผลิตทั้งหมดเพียง 200 เรือนทั่วโลก ขับเคลื่อนโดยกลไก JLC movements
ต่อมาช่วงราวปี 1970s คาร์เทียร์ได้เริ่มรวมศูนย์การผลิตนาฬิกาทั้งหมด มาไว้ที่เดียวคือเมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส แม้ว่าทางสาขาลอนดอนจะยังมีการผลิตนาฬิการุ่น Crash ออกมาบ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ถูกย้ายมาผลิตที่เมืองปารีสทั้งหมด ในปี ค.ศ. 1991 โดยถูกผลิตให้มีขนาดเล็กกว่าเดิม ที่ 38 มิลลิเมตร (หน้าปัดในยุคหลังจึงระบุตัวอักษรบริเวณหกนาฬิกาว่า Paris) ซึ่งถึงแม้จะย้ายฐานการผลิต แต่ก็ยังผลิตนาฬิการุ่นนี้ออกมาในจำนวนจำกัดเช่นเดิม และตัวเลขการผลิตจากสาขาปารีสอยู่ที่ 400 เรือนเท่านั้น
Cartier Crash จึงกลายเป็นสมบัติล้ำค่า ที่นักสะสมทั่วโลกมองหา โดยมีมูลค่ามากกว่า $100,000 หรือประมาณ 3,150,000 บาท และถึงแม้ตลอดหลายปีมานี้ จะมีการผลิต Cartier Crash ออกมาอีกหลากหลายรูปแบบ ก็ล้วนเป็นสินค้า Limited Edition ซึ่งมีเพียงไม่กี่ชิ้นในโลกเช่นเดิม
สำหรับนาฬิกา Cartier Crash รุ่นผลิตครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1967 ตัวเรือนทำจากทอง 18K ได้ทุบสถิติยอดการประมูลนาฬิกาคาร์เทียร์สูงสุดในโลก ผ่าน Loupe-This แพลตฟอร์มประมูลนาฬิกาออนไลน์ โดยถูกประมูลในราคากว่า 1.5 ล้านดออล่าร์สหรัฐ ซึ่งจะมีการเพิ่มเบี้ยประกันภัยอีก 10% ส่งผลให้มูลค่าของมันเพิ่มเป็น 1.65 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 57 ล้านบาท
นาฬิกา ถือว่าเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ใช้บอกเวลาของมนุษย์มานานนับพันปี โดยปกติรูปทรงนาฬิกาที่พบเห็นโดยทั่วไป จะมีรูปทรงกลมหรือสี่เหลี่ยม ซึ่งเป็นรูปทรงมาตรฐานสำหรับแบรนด์นาฬิกาทั่วโลก ความแปลกแนวของนาฬิการุ่น Cartier Crash นั้น จึงไม่ได้เป็นเพียงความแตกต่างที่เป็นเอกลักษณ์เท่านั้น แต่มันยังเปรียบเสมือนงานศิลปะที่มีมูลค่าสูงลิบ ศิลปะบนเรือนเวลา ที่แฝงไว้ด้วยเรื่องราวอันลึกลับมากมาย เป็นสมบัติล้ำค่าแห่งโลกนาฬิกา ที่มีความหมายมากกว่าการเป็นเครื่องบอกเวลาเพียงอย่างเดียว
รัก
xoxo