To top
19 Jul

Balenciaga Classic City Bag – Anatomy of Bag

Balenciaga Classic City Bag ถือได้ว่าเป็น It Bag ที่ครองใจเหล่าแฟชั่นนิสต้าอย่างมาก ในช่วงยุค 90s เป็นต้นมา ด้วยดีไซน์หนังย้วยยับอันแปลกตาแต่กลับดูสวยงาม มีสไตล์อย่างไม่น่าเชื่อ อะไหล่หมุดโลหะที่ตอกรอบกระเป๋าซึ่งเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของกระเป๋าBalenciaga รวมทั้งชื่อเสียงถึงความทนทานเป็นรอยได้ยาก ไม่ต้องดูแลรักษามากนัก วันนี้เราจะมาเจาะลึก Anatomy of Bag ของกระเป๋ารุ่นนี้ จุดเด่นอะไรที่นำพาให้ City Bag ขึ้นแท่นเป็น Favourite Bag ที่ดาราและเซเลบริตี้ ต่างพากันเทใจให้

 

Front Design : ด้านหน้าของกระเป๋า

  • Hand Stitched Handles : หูจับคู่ ที่ได้รับการเย็บด้วยมือ เสริมด้วยการร้อยเชือกอย่างหนาอีก 1 ชั้น เพื่อเสริมความแข็งแรงและการทรงตัวให้กับหูหิ้ว
  • Leather Zipper Pull : สายหนังใช้แทนหัวซิปอันเป็นดีไซน์แปลกตา ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์
  • Leather-Framed Mirror : กระจกแบบพกพาที่ถูกห่อหุ้มด้วยหนังวัสดุเดียวกับตัวกระเป๋า โดยมีเชือกหนังคล้องไว้กับหูจับของกระเป๋า
  • Hardware : อะไหล่ของกระเป๋ามีทั้งสีเงิน (Nickel), สีทอง (Gold), สีโรสโกลด์ (Rose Gold) และ สีเงินพาราเดียม (Palladium) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรุ่น ทั้งที่เป็น Limited Edition รวมถึง รุ่น Seasonal
  • Material : วัสดุที่นำมาตัดเย็บเป็นวัสดุหนังแกะ (Lambskin) โดยผ่านกรรมวิธีให้หนังมีลักษณะยับย่นที่มีชื่อเรียกว่า “Metallic Edge” ทำให้เกิดรอยขีดข่วนได้ยาก, หนังลูกวัวเป็นลายเม็ดคาร์เวีย (Grain Calf Skin) และหนังจระเข้ (Croc Embossed)

Inside Design : ด้านในของกระเป๋า

  • Interior Zipper Pocket : ช่องซิป 1 ช่อง ภายในกระเป๋า ด้านหน้าระบุแผ่นหนังหรือแผ่นโลหะ มีตัวปั๊มแบรนด์ Balenciaga เย็บติดอยู่
  • The Bag inside : ภายในบุด้วยผ้า Cotton สีดำสนิท (Black Cotton Canvas)
  • Brand Tag : โลโก้แบรนด์ของ Balenciaga จะเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด จะประทับอยู่บนแถบโลหะหรือแผ่นหนัง เย็บติดอยู่ด้านหน้าของช่องซิปภายในกระเป๋า หากเป็นตัว Heat Stamp สีของตัวปั๊มจะเป็นสีเดียวกันกับอะไหล่ของกระเป๋า
  • Serial Number : ในส่วนของรหัสของกระเป๋าหรือที่เรียกว่า Serial Number จะระบุอยู่บนแผ่นหนังสี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งเย็บติดอยู่ด้านในของช่องซิปภายในกระเป๋า
  • The Zipper : ตัวซิปที่เป็นตัวเปิด-ปิดกระเป๋า ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2014 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันใต้ท้องซิปจะปรากฏโลโก้เป็นรูปตัว B
  • Interior Double Compartment : ช่องสำหรับเก็บของทั่วไป 2 ช่องเล็ก อยู่ตรงข้ามกับช่องซิป

 

Back Design : ด้านหลังของกระเป๋า

  • Shiny Hardware Stud : ตัวหมุดประดับกระเป๋า เอกลักษณ์ของกระเป๋าแบรนด์ Balenciaga
  • The Shape : รูปร่างด้านหลังเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า พื้นผิวอ่อนนุ่มตามการใช้งาน

Side Design : ด้านข้างของกระเป๋า

  • The Ring : ห่วงสำหรับคล้องสายสะพาย ซึ่งถูกเย็บติดกับแผ่นหนังด้านข้างกระเป๋าทั้ง 2 ข้าง
  • Removable Shoulder Strap : สายสะพายของกระเป๋า มีแผ่นหนังรองรับน้ำหนักบริเวณหัวไหล่ โดยสายสามารถปรับระดับได้ตามความสะดวกในการใช้งาน
  • The Shape : รูปทรงของกระเป๋าเป็นรูปสามเหลี่ยม เนื่องด้วยวัสดุที่นำมาตัดเย็บเป็นหนังแกะที่มีลักษณะอ่อนนุ่ม การทรงตัวของกระเป๋าจึงค่อนข้างยืดหยุ่น

 

Bottom Design : ด้านล่างของกระเป๋า

  • Stitching : มีการเย็บตะเข็บตามรูปฐานของกระเป๋าโดยรอบ ทั้งตัวขอบและฐาน เพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับฐานเมื่อทำการบรรจุสิ่งของ อีกทั้งยังช่วยคงรูปทรงของกระเป๋า
  • The Bottom : ฐานของกระเป๋ารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ไม่มีลวดลายใดๆ วัสดุหนังมีความอ่อนนุ่มและยืดหยุ่น

 

Size of City Bag : ขนาดของกระเป๋า

  • Nano : 19.5 x 12 x 5 เซนติเมตร (7.6 x 4.7 x 2 นิ้ว)
  • Mini : 25 x 16 x 10 เซนติเมตร (9.8 x 6.2 x 3.9 นิ้ว)
  • Small หรือ S Bag : 30 x 21 x 10 เซนติเมตร (11.7 x 8.2 x 3.9 นิ้ว)
  • Classic Bag : 38.5 x 26 x 15 เซนติเมตร (15 x 10.1 x 5.8 นิ้ว)
  • Large หรือ XL Bag : 52 x 34 x 20 เซนติเมตร (20.5 x 13.5 x 8 นิ้ว)

 

ด้วยสไตล์การออกแบบที่โดดเด่นและไม่เหมือนใคร อีกทั้งยังสามารถนำไป Mix and Match เข้ากันได้กับทุกลุคการแต่งตัว ฟังก์ชั่นการใช้งานของกระเป๋าที่ครบครัน รวมถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ ทำให้กระเป๋า Balenciaga Classic City Bag ยังคงติดอันดับ กระเป๋าแบรนด์เนมรุ่นยอดนิยม ที่ใครๆ ต่างพากันใฝ่ฝัน เป็นขวัญใจของบรรดาสาวๆ ผู้รักในแฟชั่น และไม่ชอบความจำเจมาจนถึงทุกวันนี้

รัก
xoxo

KATE