Hermes Constance Bag เป็นอีกหนึ่งกระเป๋าที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความหายาก ลองจากรุ่น Birkin และ Kelly เลยทีเดียว กระเป๋ารุ่นนี้ออกแบบในปี ค.ศ. 1969 โดย Catherine Chaillet ตั้งชื่อรุ่นกระเป๋าตามชื่อลูกคนที่ 5 ของเธอ ซึ่งเกิดในวันที่วางจำหน่ายกระเป๋าครั้งแรก ด้วยตัวดีไซน์กระเป๋าที่เรียบง่าย รวมถึงสายสะพายแบบเรียวเล็กที่สามารถปรับระดับได้
ตัวล็อคกระเป๋าที่เป็นตัว H สัญลักษณ์ของ Constance จดจำได้ทันทีที่มองเห็น กระเป๋ารุ่นนี้ใช้เวลาตัดเย็บกว่า 14 ชั่วโมงต่อหนึ่งใบ จากช่างฝีมือผู้ชำนาญ เราจึงจะพาไปเจาะลึกถึงองค์ประกอบ และชิ้นส่วนต่าง ๆ ของกระเป๋า Constance Etain Epsom leather Gold Hardware ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นกระเป๋าที่หายากเป็นอันดับ 3 ของแบรนด์ Hermes
Front Design : ด้านหน้าของกระเป๋า
- Stitching : การเย็บที่ละเอียดและเนี้ยบของ Constance เกิดจากช่างฝีมือเพียงคนเดียว โดยใช้เวลาในการเย็บประมาณ 14 – 18 ชั่วโมงต่อกระเป๋าหนึ่งใบ
- H Tab Closure : อะไหล่โลหะสีทองรูปตัว “H” ที่เป็นทั้งตัวล็อคกระเป๋า และยังทำหน้าที่เป็นโลโก้แบรนด์ ฮาร์ดแวร์ของกระเป๋ารุ่นนี้จะเป็นโลหะทองเหลืองชุบทอง ส่วนกระเป๋าที่วางจำหน่ายโดยไม่ต้องสั่งเป็นออเดอร์พิเศษจะมีอะไหล่ 3 แบบ คือ Palladium, Gold และ Rose Gold
- The Looped Strap : ลูปสำหรับใส่สายกระเป๋าที่ส่วนบน ซึ่งลูปนี้จะเป็นฮาร์ดแวร์แบบเดียวกันกับ H tab Closure
- Leather : กระเป๋าในรุ่นนี้ส่วนใหญ่จะทำจากหนัง Box มีความมันเงา และหนัง Switf ที่มีลักษณะเรียบ หนังที่เป็นที่นิยมในกระเป๋ารุ่นนี้ คือ Epsom หรือหนังลูกวัวที่มีน้ำหนักเบาและทนทาน ทำให้กระเป๋าอยู่ทรงตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีหนัง Porosus Crocodile อีกด้วย
Inside Design : ด้านในของกระเป๋า
- Inside Design : ภายในของกระเป๋าแบ่งออกเป็นช่องหลักใหญ่ๆ 2 ช่อง และแต่ละช่องก็มีช่องเล็กอีก 1 ช่อง ฝั่งหนึ่งเป็นช่องโล่งเล็ก ๆ ส่วนอีกฝั่งเป็นช่องซิป
- Interior : ภายในบุด้วยหนัง แบบเรียบๆ เพิ่มความหรูหราให้กับกระเป๋า
- Heat Stamp : จะอยู่ส่วนหน้ากระเป๋า ซ่อนอยู่ภายในฝาปิดกระเป๋า ปั๊มตรา HERMES PARIS MADE IN FRANCE
Back Design : ด้านหลังของกระเป๋า
- Back Side : ด้านหลังของกระเป๋าเรียบง่าย ดีไซน์ใช้หนังผืนเดียวในการเย็บขึ้นรูปปกระเป๋า
- Strap : สายสะพายกระเป๋าเป็นหนังชนิดเดียวกันกับกระเป๋า โดยสามารถปรับสายให้เป็น Shoulder bag หรือ Crossbody
Side Design : ด้านข้างของกระเป๋า
- The Shape of Constance : รูปทรงด้านข้างเป็นแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยแบ่งออกเป็น 2 ช่อง และมีส่วนโค้งเว้าของแต่ละช่อง ช่วยให้กระเป๋าอยู่ทรง
- Stitching : การเย็บแผ่นหนังเพื่อสร้างเป็นโครงของขอบกระเป๋าและรอบแผ่นหนัง จะเย็บฝีเข็มที่ห่างเท่าๆ กัน
- Grout : การยาแนวขอบของกระเป๋าหลังจากเย็บเสร็จ นอกจากจะเนี้ยบเป็นระเบียบแล้ว ยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้แก่โครงสร้างของกระเป๋าด้วย
Bottom Design : ด้านล่างของกระเป๋า
- The Shape Of Bottom : รูปทรงฐานของกระเป๋าแบ่งออกเป็น 2 ช่อง มีลักษณะโค้งเว้าเข้าไปหาตัวกระเป๋า
- Stitching And Grout : ฝีเข็มในการเย็บแผ่นหนังสำหรับฐานกระเป๋าจะมีระยะห่างเท่ากัน และเย็บขอบหนังทั้ง 4 ด้าน พร้อมยาแนวขอบหนังหลังเย็บเสร็จเพื่มความอยู่ทรง และทนทานของกระเป๋า
Size of Constance Bag : ขนาดของกระเป๋า Constance
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กระเป๋ารุ่น Constance ได้มีการปรับเปลี่ยนขนาดของกระเป๋ามามากมายหลายไซส์ เพื่อให้เหมาะกับความต้องการของผู้ซื้อ และเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2019 ที่ผ่านมาได้มีการประกาศให้ในปัจจุบันมีการผลิตกระเป๋ารุ่นนี้เพียง 5 ไซส์ คือ Micro 14 CM, Mini 18 CM, 24 CM, Elan 25 และ Cartable 29 CM ซึ่งไซส์ที่นิยมมากสุด คือ Mini 18 CM และ 24 CM ส่วนไซน์ที่ได้ยกเลิกการผลิตไปแล้วนั้นมีไซส์ 23 CM, 25 CM, และ 29 CM
- Micro 14 CM : 14 x 11 x 3 ซม. (6 x 4 x 1 นิ้ว)
- Mini 18 CM : 18 x 15 x 4 ซม. (7 x 6 x 1.5 นิ้ว)
- 24 CM : 24 x 15 x 5 ซม. (9.4 x 6 x 2 นิ้ว)
- Elan 25 CM : 25 x 14 x 8 ซม. (9.8 x 5.5 x 3.1 นิ้ว)
- Cartable 29 CM : 29 x 25 x 9 ซม. (11.5 x 10 x 3.5 นิ้ว)
Hermes Constance Bag มีการดีไซน์สำหรับใช้งานได้แบบ Everyday Bag ด้วยความเรียบหรูของตัวกระเป๋า ฟังก์ชั่นการใช้งานที่สะดวกสบาย จะหยับจับอะไรในกระเป๋าก็ช่างง่ายดาย คล่องตัว อีกทั้งยังมีความเป็นระเบียบด้วยการแบ่งช่องภายในกระเป๋า และโครงสร้างที่ถูกแบบมาให้มีความทนทาน อยู่ทรง แถมยังน้ำหนักเบา ด้วยรูปลักษณ์ที่เรียบง่าย แต่ Luxury ของ Constance ใบนี้ทำให้เป็นกระเป๋าที่เหล่าสาวๆ ต่างเทใจให้ และอยากมีไว้ครอบครองที่สุด
รัก
xoxo