To top
18 Feb

7 เรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้ เกี่ยวกับแบรนด์ Goyard

7 เรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้ เกี่ยวกับแบรนด์ Goyard – แบรนด์หรูส่วนใหญ่ มักพยายามบอกเล่าเรื่องราวการเดินทาง การกำเนิดของแบรนด์ ความพิเศษ ความหายากและประวัติอันยาวนาน ผ่านสื่อต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ ซึ่งส่วนใหญ่อิทธิพลในการตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภค มาจากสื่อออนไลน์ รวมถึงการโฆษณาด้วยดารา ผู้มีชื่อเสียง หรือเหล่าเซเลบริตี้ทั้งหลาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือ ก่อเกิดความเข้มแข็งของแบรนด์ในด้านการตลาด

แต่ทว่า สิ่งเหล่านั้น ไม่เคยเกิดขึ้นเลยกับแบรนด์ระดับโลก อย่าง Goyard แบรนด์ที่ไม่เคยใช้การโฆษณาผ่านช่องทางใด ไม่มีงานเปิดตัวสินค้า หรืองาน Fashion week ไม่มีการให้สัมภาษณ์ แต่แบรนด์ก็สามารถยืนหยัดและมีความเข้มแข็งมายาวนานกว่า 200 ปี KATEXOXO ขอนำเสนอเรื่องราวที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับแบรนด์ Goyard เสน่ห์ และความลึกลับ ที่ยังคงมนต์ขลังมาอย่างยาวนาน จะถูกเปิดเผยสิ้นในบทความนี้

 

1. จุดกำเนิด The House of Goyard

7 เรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้ เกี่ยวกับแบรนด์ Goyard ประวัติ

7 เรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้ เกี่ยวกับแบรนด์ Goyard

จุดเริ่มต้นของแบรนด์ มาจากธุรกิจผลิตหีบหนังและบรรจุภัณฑ์ภายใต้ชื่อ The House of Martin ซึ่งก่อตั้งในปี ค.ศ. 1792 โดย ปีแอร์ ฟรองซัวร์ มาติน (Pierre-François Martin) ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ถือได้ว่าเป็นยุคทองของการผลิตหีบ สินค้าหีบของมาร์ตินจึงประสบความสำเร็จและได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ชนชั้นสูงของฝรั่งเศส

หลุยส์ เฮนรี่ โมเรล (Louis-Henri Morel) หนึ่งในลูกจ้างของมาร์ติน ได้รับสินสมรสเป็นธุรกิจ The Housr of Martin จากการแต่งงานกับเด็กสาวในอุปการะคนนึงชื่อ พอลลีน วอร์ด (Pauline Ward)

ในปี ค.ศ. 1845 โมเรล ได้รับ ฟรองซัว โกยาร์ (François Goyard) มาเป็นเด็กฝึกงาน โกยาร์ในวัย 17 ปี ได้รับการฝึกฝน เรียนรู้การทำหีบ เครื่องหนัง และกระเป๋า ทั้งหมดอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของมาตินและโมเรล จนเมื่อปี ค.ศ. 1852 หลังจากการเสียชีวิตอย่างกระทันหันของโมเรล โกยาร์ก็ได้รับช่วงบริหารงานต่อ โดยเปลี่ยนโฉมธุรกิจใหม่ทั้งหมด เขาบริหารงานอย่างเป็นทางการ ภายใต้ชื่อ “House of Goyard” ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1853 เป็นต้นมา

2. ผ้าใบ Goyardine

7 เรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้ เกี่ยวกับแบรนด์ Goyard ผ้าใบ Goyardine

ผ้าใบ Goyardine ถือกำเนิดเมื่อปี ค.ศ. 1892 เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติวงการผลิตหีบเลยก็ว่าได้ เนื่องจากวัสดุห่อหุ้มหีบในอดีต มักตัดเย็บจากหนังแท้ เมื่อโดนความชื้นทำให้เกิดร่องรอยรวมถึงกลิ่นไม่พึงประสงค์ ผ้าใบ Goyardine เป็นวัสดุผ้าเคลือบผสมผ้าลินินและผ้าฝ้าย คุณสมบัติคือน้ำหนักเบา ทนทาน สามารถกันน้ำได้ และมีความคล้ายคลึงกับหนังแท้เป็นอย่างมาก โดยจุดเด่นของผ้าใบนี้คือ ตัวอักษรภาษาอังกฤษ Y ซึ่งมีการเพ้นต์อยู่ทั่วทั้งผืนผ้าใบ เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น ของตระกูล Goyard

ความหมายที่ซ่อนอยู่ในผืนผ้าใบ Goyardine คือลายเพ้นต์ที่เป็นจุด ๆ ติดกันเรียงกันเป็นรูป Y อันเป็นตัวอักษรที่อยู่ตรงกลางของชื่อตระกูล Goyard อันมีลักษณะคล้ายรูปท่อนซุง ซึ่งสะท้อนถึงอาชีพดั้งเดิมของตระกูล ซึ่งเกี่ยวกับกิจการค้าไม้ ความพิเศษของลายอยู่ที่ ในบรรดาลวดลายตัว Y จะมีตัว Y 1 ตัว ที่มีการเพ้นต์คำว่า “E.Goyard” ด้วยสีขาวตัดกัน และมีการเพ้นต์ที่อยู่ของร้าน Honoré Paris เป็น 2 เฉดสี คือสีน้ำตาลอ่อนและสีน้ำตาลเข้ม

แบรนด์ Goyard ผ้าใบ Goyardine ตัว Y

สีของผ้าใบ Goyardine โดยหลักจะมีผ้าใบสีดำขอบสีดำ (Black/Black) และ ผ้าใบสีดำขอบสีน้ำตาล (Black/Tan) แต่หลังจาก Jean-Michel Signoles นักธุรกิจ เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าเด็ก Chipie เข้ามารับช่วงกิจการต่อ จึงมาการเพิ่มสีใหม่ให้กับผ้าใบ ได้แก่ สีแดง, สีส้ม, สีเหลือง, สีเขียว, สีฟ้า, สีกรม, สีเทา, สีขาว และสีเบอร์กันดี รวมถึงสี Limited Edition อย่างสีชมพู (Pink) ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 2008

แบรนด์ Goyard Color สีต่างๆ

ปัจจุบัน การเพ้นต์ลายบนผืนผ้าใบ จะใช้เทคนิคการพิมพ์แบบพิเศษ แทนการเพ้นต์ด้วยมือแบบดั้งเดิม แต่หากมีออเดอร์พิเศษจากลูกค้า ทางแบรนด์ก็ยังมีบริการเพ้นต์ลายด้วยมือ โดยช่างฝีมือจากทางแบรนด์ ซึ่งมีฐานการผลิตอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสเท่านั้น ไม่มีการขยับขยายฐานการผลิตไปประเทศอื่นโดยเด็ดขาด

 

3. ความลึกลับ เข้าถึงยาก

แบรนด์ Goyard ไม่มีการเลือกใช้เซเลปหรือเหล่าคนดังสายต่าง ๆ เพื่อการโปรโมตสินค้า ไม่มีการจ้าง Presenter ไม่มีการให้สัมภาษณ์ และไม่มีการทำการตลาดแบบ e-commerce อีกทั้งน้อยครั้งมาก ที่จะออก Collection สำหรับออกจำหน่ายโดยทั่วไป แต่เลือกที่จะผลิตแบบ Made by order เท่านั้น โดยเน้นการผลิตแบบน้อยชิ้นตามความต้องการของลูกค้า

เหล่าคนดังกับกระเป๋าแบรนด์ Goyard แบรนด์ Goyard ผ้าใบ Goyardine

เหล่าคนดังกับกระเป๋าแบรนด์ Goyard

ความลึบลับและความเข้าถึงยาก นับว่าเป็นเสน่ห์ที่เข้มแข็งของแบรนด์ เหล่าคนดังและเซเลปต่างเต็มใจและมักจะถ่ายรูปตัวเองคู่กับผลิตภัณฑ์จาก Goyard ไม่ว่าจะเป็น เมแกน มาร์เคิล ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ (Meghan, Duchess of Sussex)  ไปจนถึง กวินเน็ธ พัลโทรว์ ไปจนถึงเซเลปฝั่งแรปเปอร์อย่าง คานเย เวสต์ , A$AP Rocky ซึ่งเป็นจุดแข็งของแบรนด์โดยไม่ต้องลงทุนด้านการตลาดและโฆษณา ดังคำกล่าวของ Edmond (เอ็ดมอนด์) อดีตผู้บริหารของแบรนด์ที่ว่า

“ความหรูหรา สง่างามคือความฝัน แต่การเปิดเผยเรื่องราวภายในมากเกินไป ก็เหมือนเป็นการทำลายมนต์ขลังนั้น”

 

4. Famous and Wealth Clients

แบรนด์ Goyard ผ้าใบ Goyardine - Goyard History

นับตั้งแต่เปิดตัวแบรนด์เมื่อปี ค.ศ. 1853 Goyard ก็เป็นที่ชื่นชอบและมีชื่อเสียงอย่างมากในกลุ่มผู้มีชื่อเสียงจากหลากหลายวงการ ซึ่งนอกจากนี้ยังมีลูกค้าชั้นเลิศระดับราชวงศ์ไปจนถึงผู้มีชื่อเสียงในอดีตมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Coco Chanel , Sir Arthur Conan Doyle นักเขียนนิยายก้องโลก เชอร์ล็อคโฮล์ม , Jacques Cartier ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Cartier , Pablo Picasso ศิลปินวาดภาพชื่อก้องโลก รวมถึง Karl Lagerfeld ดีไซเนอร์ชื่อดัง

หีบที่ระบุชื่อ Lacques Cartier ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี แบรนด์ Goyard ผ้าใบ Goyardine หีบ

หีบที่ระบุชื่อ Lacques Cartier ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี

แม้แต่ ราชวงศ์โรมานอฟของประเทศรัสเซีย หรือราชวงศ์วินเซอร์ของประเทศอังกฤษ ก็ล้วนเป็นหนึ่งในลูกค้าชั้นเลิศของแบรนด์ Goyard ด้วยกันทั้งสิ้น โดยชื่อของบุคคลผู้มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 19 และ 20 จะถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีในตู้เอกสารของ Goyard ซึ่งจะมีการบันทึกและคอยติดตามการสั่งซื้อแต่ละครั้งของลูกค้า ผ่านระบบดัชนี

ดัชนีรายชื่อลูกค้าคนสำคัญของ Goyard แบรนด์ Goyard ผ้าใบ Goyardine

ดัชนีรายชื่อลูกค้าคนสำคัญของ Goyard

 

5. เอกลักษณ์เฉพาะตัว

Goyard’s flagship at 233 Rue Saint-Honoré แบรนด์ Goyard ผ้าใบ Goyardine

Goyard’s flagship at 233 Rue Saint-Honoré

อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้แบรนด์ Goyard แตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ นั่นคือแบรนด์ยังเป็นธุรกิจส่วนตัว ที่ไม่เข้าตลาดหลักทรัพย์ อีกทั้งไม่ได้เป็นแบรนด์ที่อยู่ในกลุ่มเครือแฟชั่นยักษ์ใหญ่ ทำให้อำนาจในการตัดสินใจและแนวทางในการดำเนินธุรกิจนั้น สามารถกำหนดได้โดยไม่หวังผลกำไร หรือไม่ต้องมาคอยพะวงหรือใส่ใจการเติบโตของตัวเลข ไม่จำเป็นต้องขยายสาขามากมาย เพื่อเพิ่มยอดขายเอาใจนักลงทุน หรือตลาดหลักทรัพย์

แบรนด์ยักษ์ใหญ่หลาย ๆ แบรนด์ ต่างนำตัวเองเข้าสู่หลักทรัพย์เพื่อผลทางด้านธุรกิจ รวมถึงการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มเครือแฟชั่นยักษ์ใหญ่ แต่ Goyard ปฏิเสธและยังคงดำเนินธุรกิจตามแบบฉบับของตัวเอง แต่สามารถทำกำไรในปี ค.ศ. 2013 ได้ถึง 12,800,000 ยูโร (ประมาณ 500 ล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2000 ถึง 71,000% เลยทีเดียว ในปัจจุบัน Goyard มีจำนวนสาขาทั้งหมด 32 สาขาทั่วโลก และยังไม่มีการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์

 

6. Chic du Chien

Chic du Chien boutique, at number 352 of the rue Saint-Honore in Paris กอยาร์ด

Chic du Chien boutique, at number 352 of the rue Saint-Honore in Paris

อีกหนึ่งข้อแตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ ของ Goyard คือ จะไม่มีการผลิตสินค้าออกมาเป็น Seasonal สินค้าของแบรนด์ส่วนใหญ่ จะเป็นสินค้าดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาจากตระกูล ทั้งงานฝีมือและรูปแบบงานขาย โดยจะแบ่งเป็น 4 ประเภท คือ อุปกรณ์สำหรับการเดินทาง, กระเป๋าและแอกเซสซอรี่, ออเดอร์พิเศษ และอุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง

แบรนด์ Goyard ถือว่าเป็นแบรนด์เนมอันดับต้น ๆ ที่ออกผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง ถูกพัฒนาขึ้นโดย Robert Goyard ตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา โดยได้เริ่มจัดจำหน่ายอุปกรณ์เสริมสำหรับสัตว์เลี้ยงในร้านบูทีค Chic du Chien ซึ่งตั้งอยู่ห้องเลขที่ 352 บนถนน rue Saint-Honore มหานครปารีส มีจำหน่ายตั้งแต่ปลอกคอ , สายจูง ,ชามอาหาร และภาชนะต่าง ๆ ซึ่งผลิตจากวัสดุที่ได้รับการคัดสรรและมีคุณภาพดีที่สุด

ปัจจุบัน บูทีคแห่งนี้ ยังคงสภาพดั้งเดิมเอาไว้ตั้งแต่เปิดทำการครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ. 1890 และเริ่มมีการจัดแสดงสิ่งของหายากมากมาย ซึ่งเคยเป็นที่นิยมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์สำหรับสุนัข ได้ถูกออกแบบให้มีความงดงาม ทันสมัยและสื่อถึงความเย้ายวนใจของศตวรรษที่ 19 เสื้อโค้ทขนสัตว์และกำมะหยี่ แว่นตาที่มีสไตล์ใส่เฉิดฉายกับเจ้าของบนรถเปิดประทุนคันงาม รองเท้าบูท เข็มขัด และกางเกงในสำหรับสัตว์ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ถือได้ว่าเป็นสินค้าเริ่มแรกของแบรนด์ ภายใต้ไลน์ผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง

Karl Lagerfeld และ Choupette แมวของ Karl Lagerfeld

Karl Lagerfeld และ Choupette

ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานและน่าภาคภูมิใจ Chic du Chien ได้ให้บริการแก่ลูกค้าที่มีชื่อเสียงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Duke และ Duchess of Windsor ซึ่งมักจะซื้อสินค้าสำหรับลูกสุนัขที่น่ารักของพวกเขา คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ดีไซเนอร์ผู้ล่วงลับ ยังชื่นชอบร้านค้านี้ด้วยเพื่อเอาใจ ชูเพ็ตต์ (Choupette) ลูกแมวผู้โด่งดังของเขา

 

7. The Goyard Book

a book about Goyard’s history

a book about Goyard’s history

ในปี ค.ศ. 2010 ฌอง มิเเชล ซิกญอล (Jean-Michel Signoles) ได้ออกหนังสือพิเศษ โดยร่วมมือกับสำนักพิมพ์ Devambez Publishing เพื่อระลึกถึงความสำเร็จและความเก่าแก่ของแบรนด์ มีจำนวนหน้าทั้งหมดกว่า 200 หน้ามีรูปถ่ายรวมถึงคำอธิบายความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมด ที่สร้างชื่อให้กับแบรนด์ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1792 เป็นต้นมา โดยตีพิมพ์ออกเป็นจำนวน 233 เล่ม (ตามเลขที่ตั้งของร้าน) เพื่อมอบให้เป็นของขวัญสุดพิเศษแก่ลูกค้าสุดพิเศษเท่านั้น

คัมภีร์แฟชั่นอันหรูหรา a book about Goyard’s history

ซึ่งหนังสือเล่มนี้ ได้รับการขนานนามว่าเป็น “คัมภีร์แฟชั่นอันหรูหรา” โดยนักวิจารณ์แฟชั่น ซูซี่ แมงกีส (Suzy Menkes) ตามรายงานของ New York Times กล่าวว่า หนังสือเล่มนี้ นอกจากประวัติของกชตระกูล Goyard แล้วยังมีเรื่องราวแห่งความสำเร็จระหว่างงาน Paris Expo Universelle ในปี ค.ศ. 1900

ส่วนหนึ่งของภาพภายในหนังสือ

ส่วนหนึ่งของภาพภายในหนังสือ

The Goyard book ออกจำหน่ายครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ปี ค.ศ. 2010 และไม่มีจำหน่ายแล้วในปัจจุบัน โดยราคาซื้อขายขณะนี้ มีมูลค่าสูงถึง $7,000 หรือประมาณ 212,000 บาท โดยเหลือตัวอย่างเพียงเล่มเดียว จัดแสดงอยู่ที่บูทีคของแบรนด์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ 233 Rue Saint-Honoré เพียงเท่านั้น ซึ่งทางร้านเปิดให้เข้าชมได้ แต่ต้องทำการนัดหมายล่วงหน้าเท่านั้น

Goyard ของ The Duchess of Windsor - หีบ

Goyard ของ The Duchess of Windsor

สิ่งสำคัญ ที่ทำให้ Goyard ยังคงยืนหยัดอย่างเข้มแข็ง คือการปรับตัวและพัฒนาให้เข้ากับรูปแบบธุรกิจในยุคปัจจุบันอยู่เสมอ รวมถึงการคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์หลาย ๆ อย่าง ที่ไม่ได้ปรับเปลี่ยนตามกาลเวลา ซึ่งจะเห็นได้จาก การยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจ เพื่อผลิตสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ทำให้เกิดการบอกต่อแบบปากต่อปาก ส่งผลให้รายได้และกำไรของธุรกิจเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว และทั้งหมดนี้คือ 7 เรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้ เกี่ยวกับแบรนด์ Goyard เสน่ห์และสัญลักษณ์ความเอ็กซ์คลูซีฟของเศรษฐีผู้มีรสนิยมตัวจริง

รัก
xoxo

KATE