To top
23 Dec

เปิด 10 ขั้นตอน ก่อนจะมาเป็น Chanel Classic Flap Bag

เปิด 10 ขั้นตอน กว่าจะมาเป็น Chanel Classic Flap Bag – ในบทความนี้ เราจะพาทุกคน ไปดูขั้นตอนการผลิตกระเป๋า Iconic ซึ่งขึ้นแท่นสุดยอดคลาสสิกตลอดกาล อยู่ในใจของสาวกแฟชั่นแบรนด์ Chanel มาทุกยุคทุกสมัย สัญลักษณ์แห่งความหรูหราไร้ข้อกังหา ได้รับการพัฒนาจากกระเป๋ารุ่น 2.55 ซึ่งมาดมัวแซลชาแนลได้สร้างสรรค์ไว้เมื่อปี ค.ศ. 1955 และนำมารีดีไซน์ใหม่ให้เข้ากับยุคสมัย โดย คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ เมื่อครั้งที่เขาเพิ่งมาร่วมงานกับแบรนด์ชาเนลในปี ค.ศ. 1983

 

The History of the Classic

โคโค่ ชาแนล (Coco Chanel) ได้เปิดตัวกระเป๋า Chanel รุ่น 2.55 ครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ. 1959 เป็นการปฏิวัติรูปแบบกระเป๋าถือของผู้หญิง โดยการเพิ่มสายสะพายเข้าไป เพื่อความสะดวกสบายในการพกพา ตัวกระเป๋าอัดแน่นไปด้วยเรื่องราวของตัวเธอเอง ตั้งแต่ภายในของกระเป๋าที่บุด้วยหนังสีแดงเบอร์กันดี ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากชุดยูนิฟอร์มของเธอขณะเรียนอยู่ ณ สถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า หรือช่องซิปที่ฝาของกระเป๋าด้านใน ซึ่งออกแบบเพื่อใช้สำหรับเก็บจดหมายลับ ๆ จากคนรักของเธอ

Chanel รุ่น 2.55

Chanel รุ่น 2.55

หลังจากเปิดตัว กระเป๋ารุ่นนี้ก็ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะถือได้ว่าเป็นการฉีกกฏของวงการกระเป๋าถือแบบใหม่ ที่ทำให้บรรดาสาว ๆ ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง เนื่องจากกระเป๋าถือสตรีในยุคแรก ๆ จะไม่มีสายสะพาย จึงทำให้การเคลื่อนไหว ไม่คล่องแคล่ว กระเป๋าของชาแนลจึงตอบโจทย์ให้กับสาว ๆ ยุคนั้นเป็นอย่างดี

จนกระทั่งปี ค.ศ. 1983 คาร์ล ลาเกอร์เฟล (Karl Lagerfeld) เข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของชาแนลคนใหม่ ได้ทำการดีไซน์กระเป๋ารุ่นนี้ใหม่ โดยทำการดัดแปลงตัวล็อคแบบเดิม ที่ใช้เป็นตัวล็อคแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่มีชื่อเรียกว่า “Mademoiselle Lock” มาเป็นตัวล็อคแบบใหม่เป็นรูปตัวอักษร C ไขว้ (CC turn-lock design) ซึ่งได้กลายเป็นเอกลักษณ์ของชาแนลในเวลาต่อมา และเรียกกระเป๋ารุ่นนี้ว่า “Chanel Classic Flap Bag” ซึ่งถือได้ว่า เป็นกระเป๋ารุ่นที่พัฒนามาจากกระเป๋ารุ่น 2.55 ในตำนาน

The Making of Chanel Classic Flap Bag

 

1. เลือกวัสดุหนัง : การเลือกใช้หนังลูกวัว ซึ่งได้รับการคัดสรรตามมาตรฐานที่เข้มงวดสูงสุด คุณภาพชั้นเลิศ ที่สำคัญแผ่นหนังจะต้องไร้ซึ่งรอยตำหนิใด ๆ แม้แต่จุดเดียว หลังจากนั้น จึงทำการตัดหนังออกเป็นชิ้นส่วนต่าง ๆ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยความแม่นยำ โดยแต่ละชิ้นส่วนจะต้องกำหนดรอยตัดให้เหมาะสมที่สุด เพื่อให้ส่วนประกอบทั้งหมดสอดคล้องกัน

 

2. Diamond Pattern : น้ำหนังลูกวัว มาเย็บลายควิลท์ ด้วยฝีเข็มตาม Pattern “ลายเพชร” (Diamond Pattern) อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ มีรูปร่างสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ด้วยเทคนิคการเนาแบบช่างเสื้อ หรือที่เรียกว่า “Point Droit de Couturiere” ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากกีฬาขี่ม้า ที่ชาแนลชื่นชอบ

 

3. การวางแบบและตัดแผ่นหนัง : วางแผ่นแบบลงบนแผ่นหนังที่เลือกไว้ เพื่อตัดส่วนประกอบต่าง ๆ สำหรับประกอบขึ้นเป็นตัวกระเป๋า

 

4. บุชิ้นส่วนแต่ละชิ้นด้วยแผ่นโฟม : ส่วนประกอบแต่ละชิ้น จะบุด้านในด้วยแผ่นโฟมบาง ๆ เตรียมพร้อมสำหรับประกอบขึ้นรูปเป็นตัวกระเป๋าแต่ละชิ้นส่วนในขั้นตอนต่อไป

 

5. เอกลักษณ์ CC ไขว้ : ทำการเย็บตัวอักษร C ไขว้ อันเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของแบรนด์ที่คุ้นตากันดี บนหนัง ซึ่งในส่วนนี้ จะปรากฏในส่วนของฝาปิดด้านในของฝากระเป๋า

 

6. ประกอบชิ้นส่วนกระเป๋า : กระเป๋า 2 ใบที่นำมาตัดเย็บ (ใบหนึ่งด้านใน อีกใบหนึ่งเป็นด้านนอก) ถูกนำมาประกบเข้าด้วยกันด้วยมือ ตรงบริเณที่มีผิวเรียบ หลังจากนั้น จึงกลับด้านกระเป๋าโดยรอบ โดยใช้วิธีที่เรียกว่า “Piqué Retourné” ซึ่งกลับด้านแล้วเย็บ เมื่อกลับออกจนมีรูปทรงสมบูรณ์แล้ว จะใช้ค้อนทุบตามขอบกระเป๋าให้แบน ส่วนด้านในกระเป๋า จะใช้หนังสีแดงโกเมนเพื่อให้สีตัดกัน และจะทำให้หาของได้ง่ายขึ้น โดยด้านในก็จะมีช่องกระเป๋าทั้งหมด 7 ช่อง สำหรับใส่ลิปสติก นามบัตร ตลับแป้ง หรือกระดาษโน้ตในช่องที่มีซิป

 

7. เทคนิคกระเป๋าซ้อนกระเป๋า : นำกระเป๋าทั้ง 2 ใบมาวางซ้อนเข้าด้วยกันเป็นใบเดียว ซึ่งเป็นเทคนิค “กระเป๋าซ้อนกระเป๋า” ประกอบกระเป๋าทั้ง 2 ใบวางซ้อนเข้าด้วยกันเย็บขอบกระเป๋าเป็นรูปตะเข็บคู่ ซึ่งเรียกว่า “ตะเข็บห่วง” (Points de Bride) โดยจะเย็บลักษณะนี้ทั่วทั้งใบ จนกระเป๋าติดสนิทกันดีเป็นใบเดียวกัน ซึ่งทำให้นีกถึงรายละเอียดในการตัดเย็บเสื้อผ้า

 

8. Leather Interwoven between chain : เจาะตาไก่บนกระเป๋าสำหรับสอดสายโซ่ซึ่งทำจากข้อต่อโลหะแบบแบน หลังจากนั้น นำแผ่นหนังมาสอดเข้าตามห่วงของสายโซ่โลหะด้วยมือ เมื่อร้อยเสร็จนำสายโซ่คล้องเข้ากับห่วงเข้ากับตัวกระเป๋าเป็นสายสะพาย

เปิด 10 ขั้นตอน กว่าจะมาเป็น Chanel Classic Flap Bag

 

9. Iconic CC Lock : ติดตัว Lock บนกระเป๋าซึ่งประกอบไปด้วยอะไหล่สัญลักษณ์ตัว C ไขว้ ซึ่งจะปรากฏอยู่ด้านนอกกระเป๋า และแผ่นโลหะที่ทำการขันสกรูไว้ด้านหลังของกระเป๋า เป็นตัวยึด CC ไขว้เข้าไว้ด้วยกันเป็นตัวล็อคอย่างสมบูรณ์

 

10. กระเป๋าเสร็จสมบูรณ์ : ทำการตรวจสอบรายละเอียดขั้นสุดท้าย ก่อนบรรจุและนำส่งที่บูทีคชาแนล

เปิด 10 ขั้นตอน กว่าจะมาเป็น Chanel Classic Flap Bag

 

นับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกของกระเป๋าในตำนานอย่าง Chanel 2.55 ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 1955 กระเป๋าถือชาแนล ก็กลายเป็นอวัยวะสำคัญชิ้นหนึ่ง ที่หญิงสาวในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สองนั้นขาดไม่ได้ งานออกแบบที่อยู่เหนือกาลเวลา กรรมวิธีการผลิตที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่จุดเล็กที่สุด อันคงความคลาสสิก กับรูปทรงแสนเรียบง่าย ผนวกเข้ากับตัวตน ความเก๋ ความสง่างามและอ่อนหวานในแบบผู้หญิงรวมไว้ในกระเป๋ารุ่นนี้ ได้อย่างลงตัว

เสน่ห์ของกระเป๋ารุ่นนี้ จึงไม่เพียงแต่ตอบโจทย์บริบททางสังคมในปัจจุบัน ในเรื่องภาพลักษณ์เพียงเท่านั้น แต่ยังมีคุณค่าทางจิตใจรวมถึงด้านมูลค่า ด้วยราคาที่พุ่งสูงขึ้นทุกปี เปลี่ยนความคิดจากกระเป๋าแบรนด์เนมจากสินค้าฟุ่มเฟือย เป็นสมบัติล้ำค่า ที่สามารถส่งต่อความงามได้ถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน ในขณะที่มูลค่าของ Chanel Classic Flap ไม่เคยถดถอยลงไปตามกาลเวลาเลยแม้แต่น้อย

รัก
xoxo

KATE