ประวัติ Tesla หากน้ำมันดิบหมดไปจากโลก ยานพาหนะต่าง ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันก็จะไม่สามารถใช้งานได้ แล้วคุณเคยคิดหรือไม่ว่า เราจะมีวิธีจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร ? รถยนต์ไฟฟ้าเป็นทางเลือกหนึ่งของการแก้ปัญหานี้ เพราะรถยนต์ชนิดนี้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาดอย่างพลังงานไฟฟ้า และยังคงประสิทธิภาพของรถยนต์เอาไว้ โดยในบทความนี้เราจะกล่าวถึง ประวัติ Tesla รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติอเมริกันที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินอันดับหนึ่งตลอดกาล ที่ปัจจุบันยังไม่มีใครทำลายสถิตินี้ได้
The History of Tesla
เทสล่า (Tesla) เป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาดสัญชาติอเมริกัน ซึ่งตั้งอยู่ใน Palo Alto (แพโล แอลโต) รัฐแคลิฟอร์เนีย ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 เดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 2003 โดยวิศวกรชาวอเมริกัน มาร์ติน อีเบอร์ฮาร์ด (Martin Eberhard) และ มาร์ก ทาร์เพนนิง (Marc Tarpenning) ในตอนนั้นใช้ชื่อว่า เทสล่า มอเตอร์ (Tesla Motors) โดยชื่อนี้ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla) ที่เป็นนักประดิษฐ์ นักฟิสิกส์ วิศวกรเครื่องกล และวิศวกรไฟฟ้า ชาวเซอร์เบีย
พนักงานสามคน คือ เอียน ไรท์ (Ian Wright) อีลอน มัสก์ (Elon Musk) และ เจบี สเตราเบล (J. B. Straubel) ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทด้วย เนื่องจากทั้งสามระดมทุนจาก Series A ให้กับเทสล่าได้ 7.5 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 2004 และ อีลอน มัสก์ บริจาคเงินอีก 6.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) กลายเป็นประธานบริษัท และเขาได้แต่งตั้ง มาร์ติน อีเบอร์ฮาร์ด (Martin Eberhard) เป็น CEO ของ เทสล่า (Tesla)
ด้วยความต้องการที่จะให้ เทสล่า (Tesla) เป็นผู้ผลิตรถยนต์ และเป็นบริษัทเกี่ยวกับเทคโนโลยี โดยมี แบตเตอรี่ ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ และมอเตอร์ เป็นเทคโนโลยีหลัก พวกเขาจึงได้นำเอา tZERO ที่เป็นรถสปอร์ตไฟฟ้าแฮนด์เมด ซึ่งออกแบบและสร้างขึ้นในจำนวนจำกัดโดยบริษัท AC Propulsion ของสหรัฐอเมริกาในช่วงต้นปี 2000 มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างรถยนต์ Roadster ที่เป็นรถสปอร์ตไฟฟ้าระดับไฮเอนด์คันแรกของเทสล่าด้วย
อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ได้แสดงวิสัยทัศน์ของเขาเกี่ยวกับ Tesla อย่างชัดเจนเพื่อช่วยแก้ปัญหาวิกฤตพลังงานของโลกด้วยการสร้างยานยนต์คุณภาพสูงสู่ตลาดโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล เขาดูแลการออกแบบ Roadster และเป็นผู้นำในการออกแบบส่วนประกอบต่าง ๆ
ตั้งแต่โมดูลไฟฟ้ากำลังไปจนถึงไฟหน้า Elon Musk ได้รับรางวัล Global Green 2006 และรางวัล Index Design 2007 จากการออกแบบ Tesla Roadster เป้าหมายของ Tesla คือการเริ่มต้นด้วยรถสปอร์ตระดับพรีเมี่ยมที่มุ่งเป้าไปที่ผู้ใช้งานในยุคแรก ๆ จากนั้นจึงเริ่มการผลิตสู่ยานยนต์กระแสหลักมากขึ้นรวมถึงรถยนต์ราคาประหยัด
ผลิตภัณฑ์ในปัจจุบันของ Tesla ได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้า Model S, Model 3, Model X, และ Model Y การจัดเก็บพลังงานแบตเตอรี่ Powerwall, Powerpack และ Megapack ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์ แผงโซล่าร์เซลล์ Solar City และกระเบื้องหลังคาพลังงานแสงอาทิตย์
Tesla ได้รับการจัดอันดับให้เป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้านั่งส่วนบุคคลที่ขายดีที่สุดในโลกในปี 2019 โดยมีส่วนแบ่งการตลาด 17% ของกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอิน และ 23% ของกลุ่มรถยนต์แบบแบตเตอรี่ไฟฟ้า ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกของ Tesla เพิ่มขึ้น 50% จาก 245,240 คัน ในปี 2018 เป็น 367,849 คัน ในปี 2019 และในปี 2020 บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ทะลุ 1 ล้านคัน
รถยนต์ไฟฟ้า Model 3 ได้รับการจัดอันดับให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินที่ขายดีที่สุดตลอดกาลโดยมียอดส่งมอบมากกว่า 500,000 คัน รถยนต์ของ Tesla คิดเป็น 81% ของรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ที่ขายในสหรัฐอเมริกา ในช่วงครึ่งแรกของปี 2020 และข้อมูลเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 2020 Tesla มีมูลค่าตลาดถึง 2.06 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 65.25 ล้านล้านบาท นับว่า Tesla เป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกแซงบริษัท Toyota ที่เคยเป็นอันดับ 1
