หากจะกล่าวถึงแฟชั่นเครื่องแต่งกายสำหรับสุภาพบุรษ หลาย ๆ คนอาจจะนึกถึงแบรนด์ Paul Smith (พอล สมิธ) ดีไซน์เนอร์คนดังจากเมืองผู้ดีอังกฤษ ที่มีชื่อเสียงในวงการออกแบบแฟชั่นเสื้อผ้าสำหรับผู้ชาย ผสมผสานสีสัน ความทันสมัย โดยเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของแบรนด์นี้คือ เส้นลายทางหลากสี อันเป็นตัวแทนของความสนุกสนาน ซึ่งถูกแฝงไว้ในการตัดเย็บอันคงความคลาสสิก เราได้รวบรวมเอาเรื่องราวที่น่าสนใจ และ ประวัติ Paul Smith แบรนด์แฟชั่นระดับโลกที่มีอายุกว่า 5 ทศวรรษ
The History of Paul Smith
ประวัติ Paul Smith (พอล สมิธ) แบรนด์ถูกก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1970 โดย เซอร์ พอล ไบรเออร์ลีย์ สมิธ (Sir Paul Brierley Smith CH CBE RDI) หรือที่รู้จักกันในชื่อ พอล สมิธ เขาเกิดเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 1946 ที่เมืองน็อตติงแฮม ประเทศอังกฤษ เมื่ออายุได้ 15 ปี เขาได้ไปทำงานในโกดังเสื้อผ้าในน็อตติงแฮม ความใฝ่ฝันของเขาในขณะนั้นคือการเป็นนักปั่นจักรยาน โดยเขาเดินทางไปทำงานและกลับบ้านด้วยจักรยานในทุกวัน
แต่เส้นทางความฝันเขาก็ต้องเปลี่ยนไป เมื่อเขาได้รับประสบอุบัติเหตุจากการขี่จักรยานตอนอายุได้ 17 ปี หลังจากที่ พอล สมิธ ประสบอุบัติเหตุเขาได้พักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลนานกว่า 6 เดือน ซึ่งตลอดช่วงระยะเวลานั้น พอลลีน (Pauline) เพื่อนของเขาได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้ พอล สมิธ ก้าวเข้าสู่โลกของศิลปะและแฟชั่น หลังจากนั้นเขาจึงเริ่มเข้าเรียนด้านการตัดเย็บเสื้อผ้า และในที่สุดเขาก็เริ่มทำงานกับช่างตัดเสื้อที่ Savile Row tailor และ Lincroft Kilgour
Paul Smith (พอล สมิธ) เป็นดีไซเนอร์ชาวอังกฤษ เขาเริ่มเป็นที่รู้จักจากการออกแบบเสื้อผ้าสำหรับผู้ชาย และได้เปิดร้านของตัวเองชื่อ Paul Smith ซึ่งมีพื้นที่เพียง 3 ตารางเมตร ตั้งอยู่ที่ 6 Byard Lane ในน็อตติงแฮมเมื่อปี ค.ศ. 1970 หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1976 เขาได้จัดแสดงงานออกแบบคอลเล็กชั่นสำหรับผู้ชายขึ้นที่ปารีส ซึ่งเอกลักษณ์ของคอลเล็กชั่นนี้คือการผสมผสานระหว่างชุดลำลองและชุดกึ่งทางการ
ในปี ค.ศ. 1979 แบรนด์ได้เปิด Flag Ship Store ตั้งอยู่บนถนน Floral ย่านโคเวนต์การ์เด้น (Covent Garden) ในกรุงลอนดอน และในปี ค.ศ. 1984 พอล สมิธ ได้เปิดร้านบูติคในญี่ปุ่นเป็นแห่งแรกโดยตั้งขึ้นในโตเกียว อีกสามปีต่อมา แบรนด์ก็ได้เปิดร้านบูติคขึ้นในนิวยอร์กบนถนน ฟิฟท์อเวนิว (Fifth Avenue) Paul Smith ก็เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่วงหลายปีที่ผ่านมาแบรนด์ได้เปิดร้านบูติคมากกว่า 165 สาขา
นอกจากเสื้อผ้าสำหรับสุภาพบุรุษที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากแล้ว แบรนด์ พอล สมิธ ยังมีสินค้าในไลน์ของเสื้อผ้าสำหรับเด็ก ที่เริ่มต้นออกแบบเมื่อต้นปี ค.ศ. 1990 โดยเป็นเสื้อผ้าสำหรับเด็กผู้ชาย รวมไปถึงเสื้อผ้าสำหรับสุภาพสตรีด้วยเช่นกัน ซึ่งเริ่มทำเสื้อผ้าสำหรับสุภาพสตรี Paul Smith Women คอลเล็กชั่นแรกในช่วงปี ค.ศ. 1993 หลังจากที่มีลูกค้าผู้หญิงเข้ามาในร้านเพื่อลองเสื้อผ้าของแบรนด์
Royal Designers for Industry
Paul Smith มีความหมายเหมือนกับการตัดเย็บสไตล์อังกฤษแบบคลาสสิกผสมผสานกับอารมณ์ขันที่แปลกใหม่ เป็นงานฝีมือที่สร้างสรรค์และลวดลายขี้เล่น สนุกสนาน พอล สมิธ ได้รับแต่งตั้งให้เป็น Royal Designer for Industry ในปี 1991 ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดที่มอบให้กับดีไซเนอร์ที่มีความเป็นเลิศด้านการออกแบบอย่างยั่งยืน ผลงานที่มีคุณค่าทางสุนทรียภาพ และประโยชน์ที่สำคัญต่อสังคมในสหราชอาณาจักร
Paul Smith 50th Anniversary Capsule Collection
คอลเล็กชั่นที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการรื้อฟื้นอดีตความทรงจำที่ พอล สมิธ ได้มาเยือนโตเกียวในช่วงต้นทศวรรษ 1980 เขาได้พบกับเมืองที่มีชื่อเสียงในการผลิตโมเดลอาหาร เขาได้ซื้อโมเดลจานสปาเก็ตตี้ และเก็บมันเอาไว้ในห้องทำงานหลายปี ก่อนที่มันจะได้กลายมาเป็นลายพิมพ์กราฟฟิกบนเสื้อเชิ้ต ซึ่งถูกเปิดตัวครั้งแรกในคอลเล็กชั่น Fall/Winter 1994 ภาพพิมพ์สปาเก็ตตี้กลายเป็นสินค้าขายดีในทันทีและได้กลายเป็น Signature ของ Paul Smith
ในปี ค.ศ 2020 Paul Smith ได้สร้างสรรค์คอลเล็กชั่น 50th Anniversary Capsule Collection เพื่อเฉลิมฉลองการเข้าสู่ปีที่ 50 ของแบรนด์ โดยจุดเด่นของคอลเล็กชั่นนี้คือลวดลายกราฟฟิก ซึ่งนำเอาแรงบันดาลใจมาจากคอลเล็กชั่น Fall/Winter 1994 นอกเหนือไปจากลวดลายกราฟฟิกรูปสปาเก็ตตี้แล้ว ยังมีลวดลายดอกไม้ และแอปเปิ้ล พิมพ์ลงบนไอเทมต่าง ๆ ทั้งเสื้อฮู้ด กางเกง กระโปรง รวมไปถึงกระเป๋า และหมวกทรงบักเก็ต
ปัจจุบันสินค้าในเครือของแบรนด์ Paul Smith มีทั้งหมด 12 ไลน์การผลิตซึ่งครอบคลุมทุกการใช้งานในชีวิตประจำวันของทุกคน เรียกได้ว่า แบรนด์มีตั้งแต่เสื้อผ้าสำหรับบุรุษ เสื้อผ้าสำหรับสตรี เสื้อผ้าสำหรับเด็ก เครื่องประดับ น้ำหอม รองเท้า กระเป๋า เครื่องเขียน ของขวัญสำหรับเทศกาลต่าง ๆ เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน รวมถึงธุรกิจสำหรับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น บีสโปค (Bespoke) ที่รับสั่งตัดสูท
สินค้าของ Paul Smith นั้นสามารถเข้าถึงลูกค้าได้หลายกลุ่ม นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้แบรนด์ได้ขยายธุรกิจไปในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก โดยแบรนด์ Paul Smith จำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ผ่านร้านค้าแบบสแตนด์อโลนในร้านค้าระดับไฮเอนด์หรือห้างสรรพสินค้า รวมถึงอาคารผู้โดยสารในสนามบิน ตลอดจนส่วนอีคอมเมิร์ซในเว็บไซต์ระหว่างประเทศ และร้านค้าบูติคของแบรนด์