อีกหนึ่งแฟชั่นโชว์ที่หลายคนจับตามองใน Paris Fashion Week โดยเป็นการฉลองการทำงานครบรอบ 50 ปี และอำลารันเวย์ของ ดีไซเนอร์ดังระดับโลกชาวฝรั่งเศส อย่าง ฌอง ปอล โกลติเย่ (Jean Paul Gaultier) กับคอลเลคชั่น Haute Couture Spring Summer 2020 เมื่อวันที่ 22 มกราคม ที่ผ่านมา โดยถือเป็นการจัดปาร์ตี้อำลาที่ยิ่งใหญ่มากกว่าแฟชั่นโชว์ซะด้วยซ้ำ เพราะรวมเหล่าคนดังแทบจะทุกแขนง รวมถึงนางแบบนายแบบแถวหน้าของวงการแฟชั่นมาเดินสับขาโชว์ภายในงานอีกด้วย
ดีไซน์เนอร์ชาวฝรั่งเศสผู้นี้ ที่ไม่เพียงแค่ออกแบบเสื้อผ้าในวงการแฟชั่นเท่านั้น แต่เขายังทำคอสตูมสำหรับ บัลเล่ต์ ละครบรอดเวย์ และทัวร์คอนเสิร์ตของศิลปิน รวมไปถึงการออกแบบเชิงพาณิชย์ศิลป์ อย่าง การออกแบบสิ่งพิมพ์ โฆษณา ผลงานสร้างชื่อในฐานะดีไซเนอร์ของเขา เกิดจากการออกแบบที่เสียดสี ล้อเลียนแบบตลกร้าย ที่ทั้งเก๋และยังใหม่มากๆ ในยุค 80 ทำให้เขาได้รับฉายา Enfant Terrible “เด็กแสบแห่งวงการแฟชั่น”
ฌอง ปอล โกลติเย่ เคยได้สัญญาไว้ว่าโชว์โอต์กูตูครั้งสุดท้ายของเขาจะเป็นการเฉลิมฉลอง ซึ่งเขาก็ได้ทำตามสัญญาที่เคยพูดไว้ ด้วยการจัดปาร์ตี้ที่ยิ่งใหญ่นี้ ที่มีทั้งโชว์จากวงดนตรี, วงออร์เคสตรา ร่วมกับ บอย จอร์ช (Boy George) นักร้องชาวอังกฤษ, นักบัลเล่ต์ชาย, เบอาทรีซ ดาล (Béatrice Dalle) นักแสดงชาวฝรั่งเศส, โคโค่ โรชา (Coco Rocha) นางแบบแฟชั่นชื่อดัง และอีกมากมายที่มาร่วมฉลองให้กับรันเวย์สุดท้ายของเขา
สำหรับเสื้อผ้าในคอลเลคชั่นนี้ เขาได้แรงบันดาลใจมาจากความสุขในการทำงานบนเส้นทางของวงการแฟชั่นมาตลอด 50 ปี เป็นการนำคอลเลคชั่นเก่าๆ ที่มีชื่อเสียง มาผสมผสานความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ และความตลกขบขันของมนุษย์ ซึ่งเปิดโชว์มาด้วยการจำลองเหตุการณ์จากภาพยนตร์ เรื่อง Who Are You, Polly Maggoo? ในปี 1966 ผลงานการกำกับของ วิลเลียม ไคลน์ (William Klein) ช่างภาพระดับโลก
ด้วยบรรยากาศพิธีฝังศพ ที่มีผู้ร่วมไว้อาลัยบนเวที โดยมีนางแบบชาวเม็กซิกัน อีซ่า รีช (Issa Lish) อยู่ภายในโลงศพก่อนจะออกมาเดินเฉิดฉายเป็นคนแรกของคอลเลคชั่น ด้วยชุดตุ๊กตาที่ทำจากเสื้อผ้าเด็กทารกหลายสิบแบบ ที่สื่อถึงการเกิดใหม่ ตามมาด้วยบอดี้สูทเย็บปะติดกันกับเสื้อท่อนบนที่ทำจากผ้าไหมโบราณ ชุดที่ประกอบเข้าด้วยกันจากเนคไท กระโปรงสั้นที่เกิดจากแจ็คเก็ตนักปั่นจักรยาน เสื้อผ้าที่เหมือนกับการรีไซเคิลนี้ เป็นการเล่าเรื่องราวในอดีตของ ฌอง ปอล ที่ตอนแรกนั้นไม่มีเงิน จึงได้นำเสื้อผ้าเก่ามาทำเป็นกูตูร์ในแบบของเขาเอง
ในปี 1965 ฌอง ปอล ได้ใช้นายแบบนางแบบทุกเพศทุกชาติพันธุ์บนรันเวย์ของเขาเป็นครั้งแรก เพื่อแสดงออกถึงความหลากหลายทางเพศ ซึ่งที่เป็นอีกหนึ่งประเด็น และแรงบันดาลใจในการออกแบบของเขา โดยในโชว์นี้ได้ให้ผู้ชายใส่กระโปรงและสวมใส่ชุดคอร์เซท ที่เป็นตัวบีบรูปร่างของผู้หญิง ให้ผู้ชายใช้ได้ด้วย
นอกจากนี้ ยังมีชุดที่มาดอนน่า เคยใส่บนคอนเสิร์ต Blonde Ambtion Tour ในปี 1990 และยังเป็นไอคอนิกของแบรนด์อย่าง ชุดชั้นในทรงกรวย กลับมารีดีไซน์ขึ้นรันเวย์ และยังมีชุดมินิเดรสที่ดีไซน์จากเข็มขัดผสมผสานกับคอร์เซท ที่ได้นางแบบ อย่าง ดิต้า วอน ทีน (Dita Von Teese) ใส่เดินอวดรูปร่างในวัย 47 ปี ที่ยังคงเซ็กซี่ไม่เปลี่ยนอีกด้วย
ชุดเสื้อหนังที่มีไก่ตัวโต งอกออกมาจากไหล่ข้างขวาสุดเก๋ก็เรียกเสียงตบมือได้เป็นอย่างดี และที่น่าจับตาคือ ชุดลายสีขาวน้ำเงิน กางเกงจีบตกแต่งด้วยหมวกสีขาว โดยได้นางแบบสุดฮอตแห่งยุค อย่าง จีจี้ ฮาดิด (Gigi Hadid) ใส่เดินบนรันเวย์ ตามมาด้วย คาร์ลี่ คลอสส์ (Karline Kloss) กับชุดจั๊มสูทแขนยาวผ้าลูกไม้ซีทรูสีขาว และยังมีชุดผ้ายีนต์ที่ถูกนำมาตัดแต่งแบบลุคร็อคแอนสตรีทที่ให้ความรู้สึกแท้ เก๋ และเซ็กซี่อีกด้วย
ชุดบอดี้สูทสีขาวดำจาดผ้าแพรแข็ง ชุดลายพรางที่ดีไซน์ขึ้นมาใหม่ เย็บปักอย่างประณีตด้วยด้ายไหม และชุดที่ได้จากการเย็บปะติดปะต่อกันของผ้าพันคอไหม Hermès จากปี 2003 ถึง 2010 ผสมผสานจนเกิดเป็นชุดที่มีลวดลายสุดเก๋ และอีกหนึ่งไฮไลท์ของโชว์นี้ คือการเดินแบบของนางแบบแถวหน้าในวงการแฟชั่น อย่าง โคโค่ โรชา (Coco RoCha) ที่ได้เต้นรำแบบไอริชบนรันเวย์สร้างความตื่นเต้นและประทับใจให้แก่ผู้ชมเป็นอย่างมาก
โนเอมี่ เลอนัวร์ (Noémie Lenoir) นางแบบชาวฝรั่งเศษกับชุดผ้าซีทรูสีดำที่ถูกปัดลวดลายดอกไม้ ชุดสีน้ำเงินกับหมวกที่ได้แรงบันดาลใจมาจากหมวกวูซาที่จักรพรรดิสวมใส่ในสมัยราชวงศ์ถังของจีน อีกหนึ่งนางแบบระดับโลกอย่าง เบลล่า ฮาดิด (Bella Hadid) มากับชุดซีทรูสีขาวปักลวดลวยดอกไม้สีดำ ในคอนเซ็ปต์เจ้าสาวของ Jean Paul Gaultier และชุดที่ได้แรงบันดาลใจมาจากชาวโบฮีเมีย
ชุดจากผ้า Tulle สีขาว ด้วยดีไซน์ที่คล้ายกับขนนก ชุดสีแดงกับคอนเซ็ปต์กูตูร์เกี่ยวกับเรื่องของความรัก ชุดราชินีของเผ่าจากผ้าชีฟองประดับด้วยคริสตัลสวารอฟกี้ และส่งท้ายรันเวย์แห่งความทรงจำนี้ด้วยโชว์ Church Of The Poison Mind ของ Club Club จาก บอย จอร์ช (Boy George) นักร้องชาวอังกฤษ ซึ่งทั้งคู่ได้เคยร่วมงานกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
จากการดีไซน์กว่า 200 ชุด ที่ ฌอง ปอล ส่งลงบนรันเวย์ในครั้งนี้ มีเพียงประมาณ 50 ชุดเท่านั้น ที่เป็นการออกแบบใหม่ ส่วนที่เหลือเป็นส่วนผสมของเสื้อผ้าที่เคยสวมใส่แล้วนำมารีไซเคิล ซึ่งเขาซื้อมาจากตลาดในประเทศจีน โดย ฌอง ปอล โกลติเย่ ได้กล่าวว่า ไม่จำเป็นที่เขาต้องเผาเสื้อผ้า หรือสินค้าที่ขายไม่ได้ทิ้ง แต่ควรนำมาดีไซน์ใหม่ให้ได้ลุคที่แตกต่างมากขึ้น หลังการแสดงแฟชั่นโชว์จบลง ทุกคนต่างลุกขึ้นเต้นเพื่อเป็นการฉลองให้กับดีไซน์เนอร์หัวขบถผู้นี้ ที่คอยสร้างแรงบันดาลใจและความสนุกสนานต่อวงการแฟชั่นตลอดมา
นอกจากเหล่าคนดังที่เดินบนรันเวย์แล้ว ยังมีเหล่าผู้ชมเข้าที่ได้เข้าร่วมเฉลิมฉลองให้กับดีไซเนอร์หัวขบดผู้นี้อีกมากมาย แฟชั่นนิสต้าเมืองไทย อย่าง ชมพู่ อารยา ก็ไม่พลาดงานนี้ รวมถึง แลททิเทีย คาสต้า (Laetitia Casta) นักแสดงและนางแบบชาวฝรั่งเศส ฟรังโก นอริเอกา (Franco Noriega) นายแบบชาวเปรู และ การ์ลา บรูนี (Carla Bruni) นางแบบชาวอิตาลีและเป็นอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส
Jean Paul Gaultier ถือเป็นดีไซน์เนอร์ระดับโลกที่คอยสร้างผลงานที่แหวกแนวทางความคิดซึ่งแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ แต่ผลงานของเขากลับเป็นที่จดจำของใครหลายๆ คน การแสดงแฟชั่นโชว์ในแต่ละครั้งมักจะมีเรื่องเซอร์ไพรส์อยู่เสมอ รวมถึงในครั้งนี้ที่เป็นการรวมนางแบบนายแบบระดับตัวท็อปมากที่สุดอีกงานนึง
หลัง ฌอง ปอล โกลติเย่ ได้ออกมาประกาศว่าจะเป็นรันเวย์สุดท้ายของเขาในฐานะดีไซเนอร์ แต่แบรนด์ยังคงอยู่ พร้อมทั้งคำกล่าวคำอำลาส่งท้ายชวนสงสัยว่า “ฉันมีแนวคิดใหม่” ซึ่งมีหลายคนต่างก็ตั้งข้อสงสัยว่า เขาจะมีโปรเจ็คใหม่หรือไม่? เพราะในคอลเลคชั่นล่าสุดนี้ กล่าวถึงการจบเพื่อการเกิดใหม่ ซึ่งแท้จริงแล้วจะเป็นอย่างไร เราคงต้องรอติดตามกันต่อไป…
รัก
xoxo