เปิดประวัติ Chanel J12 ช่วงประมาณปี ค.ศ. 2000 นับว่า เป็นก้าวสำคัญในประวัติศาสตร์การผลิตนาฬิกาของ CHANEL ด้วยการเปิดตัวคอลเล็กชั่น J12 ซึ่งได้แรงบันดาลใจในการออกแบบ มาจากการเดินเรือ เป็นต้นกำเนิดในการปฏิวัตินำวัสดุเซรามิก มาใช้ผลิตนาฬิกา เป็นการรวมความเป็นผู้ชายและผู้หญิง ความแข็งแกร่งและความสง่างาม ความลึกลับและความคมชัด เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ความมหัศจรรย์ของนาฬิกาที่ได้ชื่อว่าเป็นไอคอนิกของนาฬิกาแห่งศตวรรษที่ 21 จะมีที่มาอย่างไรบ้าง ติดตามไปพร้อมกัน
The J12 Collection
J12 เปิดตัวครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1999 ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบ มาจากซิลลูเอตของเรือยอชต์ (Silhouettes of Racing Yachts) ที่ลงแข่งใน ดิ อเมริกาคัพ (The America’s Cup) สร้างสรรค์โดย Jacques Helleu ผู้กำกับฝ่ายศิลป์ของ CHANEL ในขณะนั้น เป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ขึ้นมา เพื่อสนองความต้องการของเขาในด้านของการออกแบบ ซึ่งเขาต้องการนาฬิกาที่สวยและสมบูรณ์แบบ อีกทั้งไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน
การผลิตนาฬิกา รุ่น J12 ได้กลายเป็นการผสมผสานระหว่างความเป็นชายและหญิง และท้าทายบรรทัดฐานทางเพศ จากจุดเริ่มต้นที่นาฬิการุ่น J12 ได้เปลี่ยน “วัสดุเซรามิก” ให้กลายเป็นวัสดุที่มีค่า เปลี่ยนประวัติศาสตร์หน้าใหม่แห่งวงการผลิตนาฬิกาสำหรับผู้หญิงที่มีมาร่วมกว่า 200 ปีไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่ง J12 ได้กลายมาเป็นนาฬิกาที่ทำจากวัสดุเซรามิก ที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักมากที่สุด อีกทั้งยังขายดีที่สุดในตลาดสินค้าหรูหราในฝรั่งเศสอีกด้วย
โดยปกติแล้ว นาฬิกาสำหรับสุภาพบุรุษ จะมีขนาดใหญ่ รวมถึงมีความซับซ้อนทางกลไก อีกทั้งมีรูปลักษณ์ที่แข็งแกร่งและทนทานกว่านาฬิกาของสุภาพสตรี ซึ่งส่วนใหญ่ จะอยู่ในหมวดของเครื่องประดับเสียมากกว่า ด้วยรูปทรงที่ดูโอ่อ่า แต่มีความละเอียดอ่อน อีกทั้งยังประดับประดาด้วยวัสดุที่เปล่งประกายระยิบระยับ อย่างไรก็ตาม เป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า J12 เป็นนาฬิกาที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานได้อย่างหลากหลาย และสามารถสวมใส่ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
ในปี ค.ศ. 2000 ได้เปิดตัว J12 Collection ดีไซน์สีดำล้วน ด้วยรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยว ดูสปอร์ต เข้ากันได้กับทุกแฟชั่นการแต่งตัว ด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่น ด้วยตัวเรือนที่ใช้วัสดุเซรามิกเป็นหลัก ซึ่งถือได้ว่าเป็นวัสดุทางเลือกใหม่ ในการผลิตนาฬิกาจากแบรนด์ Chanel อันมีคุณสมบัติป้องกันรอยขีดข่วนและมีความแข็งแรง นาฬิการุ่น J12 ได้รับการยกย่องจากผู้ผลิตนาฬิกาว่าเป็นหนึ่งในนาฬิกาสมัยใหม่ที่โดดเด่นที่สุด และยังคงประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมีการเปิดตัวนาฬิกาในรุ่นสีขาวล้วน ในปี ค.ศ. 2003
เพื่อให้แน่ใจว่าการผลิตนั้นเป็นไปตามมาตรฐานสากลและคุณภาพสูงสุด ผู้เชี่ยวชาญสร้างแบบจำลองอย่างเต็มรูปแบบ และมีการสร้างบลูพรินต์ 3 มิติ ที่แตกต่างกันถึง 500 มุมมอง เพื่อสร้าง J12 หนึ่งเรือน ผงเซรามิกสีขาวและสีดำ ผ่านความร้อนที่อุณหภูมิสูงกว่า 1,300 องศาเซลเซียส ทำให้มีความทนทานต่อรอยขีดข่วนและการสึกหรอ ทำการขัดเงาด้วยผลเพชรอย่างพิถีพิถัน ทำให้มีพื้นผิวที่ละเอียดเรียบเนียน อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบา รวมถึงมีความแข็งแรงกว่าเหล็กสตีลถึง 7 เท่า
ในปี ค.ศ. 2005 CHANEL ได้ยกระดับการแข่งขันด้านการผลิตนาฬิกาด้วยการเปิดตัวนาฬิการุ่น J12 Tourbillion ซึ่งเป็นนาฬิการุ่น Limited Edition ได้รวมกลไกแบบไขลานด้วยมือ ด้วยแผ่นเซรามิกหลักตัวแรก ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ปี ค.ศ. 2019 Chanel ได้ประกาศว่าทางบริษัท ได้ซื้อหุ้น 20% จาก Kenissi ซึ่งเป็นผู้ผลิตนาฬิกาและส่วนประกอบที่เพิ่งก่อตั้งขึ้น และในช่วงเวลาเดียวกัน Chanel ก็เข้าถือหุ้นใน F.P. นาฬิการุ่น J12 เป็นนาฬิกาข้อมือรุ่นแรกที่มีการติดตั้งกลไก Caliber 12.1 ซึ่งผลิตโดยบริษัท Kenissi เพื่อ Chanel โดยเฉพาะเท่านั้น ซึ่งถูกติดตั้งในนาฬิการุ่น J12 ซึ่งได้รับการรีดีไซน์ใหม่ เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี โดยเปิดตัวครั้งแรกที่งาน Baselworld เมื่อเดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 2019 ในชื่อรุ่น J12-20
The Calibre 12.1
สำหรับกลไกอัตโนมัติ ที่ถูกติดตั้งในนาฬิกา J12 นี้ ได้รับการพัฒนาเป็นพิเศษโดย Kenissi ผู้ผลิตที่อยู่เบื้องหลังนาฬิการุ่น Tudor Watches Calibres MT5601 และ รุ่น MT5652 Tudor Watches เป็นบริษัทในเครือของ Rolex ซึ่งก่อตั้งโดย Hans Wilsdorf ในปี ค.ศ. 1926 สร้างขึ้นด้วยองค์ประกอบ 191 ชิ้น ได้รับการผลิตขึ้นเฉพาะ มีสไตล์กราฟฟิกมากขึ้น พร้อมเสน่ห์ที่ดูบางเบามากขึ้น การเคลื่อนไหวที่อยู่เหนือกาลเวลา
Calibre 12.1 กลไกระบบโครโนมิเตอร์ที่ได้รับการรับรองโดย COSC (Contrôle Officiel Suisse des Chronomètres) เป็นกลไกไขลานอัตโนมัติ (Automatic) สามารถสำรองพลังงานได้ 70 ชั่วโมง สามารถมองเห็นโครงสร้างภายในได้อย่างทะลุปรุโปร่งผ่านดีไซน์กรอบหลังตัวเรือนประดับด้วยแซฟไฟร์คริสตัล หัวใจสำคัญแห่งทักษะชำนาญการของ Chanel ในปี ค.ศ. 2019 Chanel J12 ได้ถูกรับเลือกเข้าประกวดในหมวดหมู่นาฬิกาสำหรับสุภาพสตรี ในงาน Grand Prix d’Horlogerie de Genève ประจำปี ค.ศ. 2019 และสามารถคว้ารางวัลมาได้
เพื่อให้แน่ใจว่า จะไม่มีข้อผิดพลาดในคุณสมบัติด้านการกันน้ำ นาฬิกาได้รับการประกอบกับเม็ดมะยมแบบขันเกลียว และผ่านการทดสอบการจำลองแรงดันใต้น้ำ ที่ระดับความลึกถึง 200 เมตร ประสิทธิภาพที่เหนือชั้น ที่มีความทนทานสูง โดย J12 ทุกเรือนจะผ่านการตรวจสอบในแต่ละขั้นตอนการผลิต รวมถึงตรวจเช็คกว่า 100 ครั้ง ก่อนที่จะถูกนำไปบรรจุลงกล่องด้วยความระมัดระวังสูงสุด เพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์คุณภาพของ Chanel
Notable models – J12 กับรุ่นที่โดดเด่น
– J12 calibre 3125 : ในปี ค.ศ. 2011 Chanel และ Audemars Piguet ได้ร่วมกันพัฒนานาฬิกาเซรามิก Chanel รุ่น AP-3125 ที่มีเฉพาะใน Chanel เท่านั้น ทั้งคู่ได้ร่วมมือกันสร้างนาฬิกา Chanel J12 รุ่นพิเศษจำนวนจำกัด ที่มีกลไกของ Audemars Piguet ที่เรียกว่า Calibre 3125 แทนที่จะใช้เซรามิกสีดำกับเหล็กกล้า กลับเป็นเซรามิกสีดำขัดเงาพร้อม Rose Gold 18K กระจกคริสตัลแซฟไฟร์ที่ด้านหลังแสดงการเคลื่อนไหวของระบบกลไกอัตโนมัติจาก AP
ตัวนาฬิกา โดดเด่นด้วยตัวเรือนที่ทำจากวัสดุเซรามิกคุณภาพสูง สีดำด้านและประดับด้วยทองคำ 18K พร้อมพลังงานสำรอง 60 ชั่วโมง ตัวกลไกทำจากวัสดุเซรามิก สีดำด้าน คุณภาพสูงเช่นเดียวกัน พร้อมทองคำขนาด 22K ตัวเรือนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 42 มิลลิเมตร ขอบตัวเรือนทำจากทองคำ 18K กระจกคริสตัลแซฟไฟร์ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง พร้อมตัวล็อคหัวล็อคแบบพับสามทบ ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรโดย CHANEL เม็ดมะยมขันเกลียว กันน้ำได้ลึก 50 เมตร
– J12 Chromatic : นาฬิกาสำหรับดำน้ำแบบ ซึ่งมีให้เลือกทั้งกลไกแบบควอตช์ (Quartz) บนหน้าปัดขนาด 33 มิลลิเมตร และกลไกอัตโนมัติ บนหน้าปัดขนาด 38 และ 41 มิลลิเมตร โดยใช้กลไกที่เรียกว่า tracteur ETA 2892 ซึ่งเป็นกลไกนาฬิกาที่ยืดหยุ่น แม่นยำ บำรุงรักษาง่าย และมีขนาดบาง ซึ่งเป็นกลไกที่อยู่ในนาฬิกาแบรนด์ระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Omega 1120 หรือ IWC 30110
ตัวเรือนเป็นเซรามิก ผสมไททาเนียม มีความทนทานสูงและทนต่อการขีดข่วน เข็มนาฬิกาเคลือบโรเดียมเพื่อให้ผิวสำเร็จและทนต่อการกัดกร่อน มีคุณสมบัติกันน้ำได้ที่ความลึก 200 เมตร เหมาะสำหรับนักดำน้ำมืออาชีพ ที่ระดับความลึกไม่มากนัก แต่ไม่เหมาะกับการดำน้ำลึกในระดับ scuba diving ซึ่งมีความลึกมากกว่าปกติ
– J12 Ganse Rubis : กับผลงานที่ทำให้ช่องว่างระหว่างอัญมณีที่งดงามกับนาฬิกา กลายเป็นเพียงเส้นบาง ๆ เครื่องประดับชั้นสูงอันน่าทึ่ง กับผลงานชิ้นเอกที่ส่องประกายระยับ ด้วยตัวเรือนและสายข้อมือที่ทำจากวัสดุทองคำขาว ขนาดหน้าปัด 38 มิลลิเมตร พร้อมเพชรเจียระไนทรงบาแก็ตต์ (baguette-cut diamonds) และทับทิม ตัวเม็ดมะยมถูกประดับด้วยเพชรทรงกลมอีก 1 เม็ด นับว่าเป็นอีกหนึ่งอัญมณีที่ทรงคุณค่า ภายใต้ตระกูล J12 จาก Chanel
– Mademoiselle J12 (Model Number H5241) : ในปี ค.ศ. 2017 นาฬิการุ่นนี้ ถูกเปิดตัวครั้งแรกที่งาน Baselworld เป็นนาฬิกาที่ถูกออกแบบมาเพื่อแสดงความรำลึกถึง Coco Chanel มีจุดเด่นอยู่ที่ตัว Coco บนหน้าปัด ปรากฏกายในชุดสูทชาแนลอันเลื่องชื่อ กระโปรงแบบ ทูโทน สวมหมวก อีกทั้งยังสวมใส่ต่างหูมุก ซึ่งเป็นเครื่องประดับที่เธอชื่นชอบมาโดยตลอด ถูกผลิตออกมาจำนวนจำกัด เพียงแค่ 1,100 เรือนทั่วโลกเท่านั้น โดยแบ่งออกเป็นตัวเรือนสีดำ 555 เรือนและตัวเรือนสีขาว 555 เรือน มาพร้อมกับ หน้าปัดขนาด 38 มิลลิเมตร ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ ETA 2892
– J12 X-Ray (Model Number H6249) : เปิดตัวครั้งแรก เมื่อต้นปี ค.ศ. 2020 ผลิตจำนวนจำกัดเพียงแค่ 12 เรือนทั่วโลก ตัวเรือนขนาด 38 มิลลิเมตร x 10.7 มิลลิเมตร ตัวเรือนและสายข้อมือผลิตจากวัสดุแซฟไฟร์ทั้งหมด ขอบตัวเรือนเป็นทองคำขาว เพชรเจียระไนทรงบาแก็ตต์บนหน้าปัด และมีคุณสมบัติกันน้ำได้ที่ระดับความลึก 30 เมตร ด้วยราคาเปิดตัวอยู่ที่ $626,000 หรือประมาณ 20 ล้านบาท
ในปีเดียวกัน ยังมีการเปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษอีก 1 รุ่น ภายใต้ชื่อ “J12 Paradoxe Diamonds” Model Number H6500 ตัวเรือนเป็นเซรามิกสีดำสลับกับทองคำขาวประดับด้วยเพชรเจียระไนทรงบาแก็ตต์ประมาณ 4.5 กะรัต พร้อมตัวล็อคแบบ 3 ทบ บนสายรัดข้อมือ ผลิตขึ้นจากทองคำขาว ซึ่งในรุ่น J12 Paradoxe มีจำหน่ายในรุ่นธรรมดาไม่ประดับเพชรอีกด้วย ภายใต้รหัส Model Number H6515 โดยตัวเรือนผลิตจากวัสดุเซรามิกสีขาวสลับดำ ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ Calibre 12.1
Marketing
ทุกวันนี้ นาฬิกา J12 ได้รับความนิยมและกระแสตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง ปรากฏโฉมอยู่บนข้อมือของเหล่าดารา เซเลบริตี้ระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Alessandra Ambrosio, Lindsay Lohan, Scarlett Johansson, Blake Lively, Anna Kournikova และ Stephanie Pratt การออกแบบที่อิสระ ที่ไม่ถูกจำกัดด้วยคำว่าเพศ และวัย จึงทำให้ J12 ได้รับความนิยมในเหล่าบรรดาแฟชั่นนิสต้าที่เป็นกลุ่มวัยรุ่นอีกด้วย
ในปี ค.ศ. 2019 Chanel ได้ทำการรีดีไซน์ นาฬิการุ่นนี้ใหม่ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี ภายใต้ชื่อรุ่น “J12.20” รหัส Model Number H6476 โดยจำกัดการผลิตเพียงแค่ 2,020 เรือนทั่วโลกเท่านั้น แคมเปญโฆษณาถูกนำเสนอผ่านดารานักแสดงนางแบบชื่อดัง ไ่ม่ว่าจะเป็น Naomi Campbell , Lily-Rose Depp , Keira Knightley , Claudia Schiffer และ Liu Wen
จนมาถึงปี ค.ศ. 2021 ชาแนลได้ทำการเปิดตัวหนังสือ Pocket Book ภายใต้ชื่อ “Eternal Instant” เป็นหนังสือที่นำเสนอเรื่องราวการเดินทางและวิวัฒนาการของนาฬิกาอันเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์รุ่นนี้ ผ่านภาพถ่ายประกอบอันสวยงาม และบทสัมภาษณ์จากดีไซเนอร์มากหน้าหลายตา ถึงความสำเร็จของ J12 ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถูกวางจำหน่ายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ในราคาเล่มละ $95 หรือประมาณ 3,120 บาท
หลังจากการเปิดตัวเมื่อปี ค.ศ. 2000 นาฬิการุ่น J12 ก็ได้รับความสนใจอย่างรวดเร็ว กับความงามอันน่าหลงไหลจากวัสดุเซรามิกสีดำสนิท ซึ่งมีคุณสมบัติป้องกันรอยขีดข่วนอีกทั้งยังแข็งแรงกว่าเหล็กกล้าถึง 4 เท่า จากผลงานการออกแบบของ Jacques Helleu ผู้มีความปรารถนาแรงกล้า ในการผลิตนาฬิกาสุดหรูที่สวยงามแต่มีความแตกต่าง และไม่เหมือนใคร
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา J12 ได้ปรากฏตัวในหลากหลายรูปแบบตั้งแต่เครื่องนาฬิกาชั้นสูงไปจนถึงแฟชั่นชั้นสูง โดยแต่ละรุ่นได้รับการออกแบบเพื่อแสดงทักษะทางศิลปะ และคงไว้ซึ่งความเป็นเอกลักษณ์ของ J12 เอาไว้อย่างครบถ้วน โดดเด่นด้วยเส้นสายและนวัตกรรมที่บริสุทธิ์ และแน่นอนว่า นาฬิการุ่น J12 ได้ช่วยให้แบรนด์แฟชั่นเฮ้าส์ของชาวปารีเซียนอย่าง Chanel ได้รับการพิจารณา ให้เป็นผู้ผลิตนาฬิกาสวิส อย่างเป็นทางการ จนถึงปัจจุบัน
รัก
xoxo