“ความสง่างาม คือ ความสมดุลระหว่างสัดส่วนของอารมณ์และความประหลาดใจ” ความสง่างามจากแบบฉบับของ Valentino กับการออกแบบที่สง่างามและหรูหรา ยากที่ใครจะลอกเลียนแบบ Valentino จึงเป็นแบรนด์ในฝันของหญิงสาวหลายๆ คน ซึ่งน้อยคนนักที่จะทราบ ประวัติแบรนด์ Valentino เราจะพาไปรู้จักจุดริเริ่มและแรงบัลดาลใจในการสร้างแบรนด์ จนโด่งดังกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก Valentino กับเฉดสีแดงที่เป็นเอกลักษณ์
วาเลนติโน่ การาวานิ (Valentino Garavani) เป็นผู้ที่ทำให้แบรนด์ Valentino ถือกำเนิดขึ้น เขาเกิดเมื่อ 11 พฤษภาคม 1932 เป็นดีไซเนอร์ชื่อดังของอิตาลี จุดเริ่มต้นในการเป็นดีไซเนอร์ของเขาเริ่มจากมีความสนใจ หลงใหล ในภาพยนตร์เรื่อง Ziegfeld Girl ซึ่งขณะนั้นเขาอายุเพียง 9 ขวบ Valentino Garavani ฝึกหัดการออกแบบภายใต้การดูแลของป้า Rosa และนักออกแบบท้องถิ่น Ernestina Salvadio ป้าของศิลปินชื่อดัง Aldo Giorgini
เขาเดินทางตามความฝันที่เขาหลงใหล โดยการย้ายไปศึกษาอยู่ที่ Ecole des Beaux Arts ในกรุงปารีส และศึกษาต่อที่ Chambre Syndicale de la Couture Parissienne ในวัยเพียง 17 ปีเขาได้ออกแบบผลงานชิ้นแรกเป็นผลงานชิ้นเอกที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจาก International Woolmark หลังจากนั้นเขาก็เริ่มอาชีพดีไซเนอร์กับห้องเสื้อระดับ Haute Couture Jean Desses (การตัดเย็บเสื้อผ้าชั้นสูง) ที่ประเทศฝรั่งเศส ตัวเขาเองยังเคยผ่านการทำงานร่วมกันกับแบรนด์แฟชั่นอย่าง Guy Laroche อีกด้วย
จุดกำเนิดแบรนด์ Valentino
ประวัติแบรนด์ Valentino เริ่มขึ้นเมื่อ Valentino Garavani กลับมาเปิด กูตูร์ เฮ้าส์ (couture houses) เล็กๆที่บ้านเกิด กรุงโรม ประเทศอิตาลีในปี 1959 โดยใช้ชื่อว่า Valentino เขาเปิด กูตูร์ เฮ้าส์ และใช้เวลาแค่เพียงไม่นานเขาได้เปิดตัวชุด The Valentino Red Dress ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากวัยเด็กในตอนที่เขาไปเจอ “หญิงสาวในชุดกระโปรงผ้าสีแดงกำมะหยี่” ที่โรงละครเมืองบาร์เซโลน่า ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ Valentino Garavani เลือกใช้สีแดงเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ Valentino
สองปีให้หลังจากการเปิด กูตูร์ เฮ้าส์ ที่กรุงโรมบ้านเกิด Valentino Garavani ทุ่มเงินส่วนใหญ่ไปกับแบรนด์ เขาต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อสู้กับสภาวะทางการเงินที่ขาดสภาพคล่อง แบรนด์ตกอยู่ในสภาวะเสี่ยงและล้มละลาย เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เขาฉุกคิด และเรียกสติกลับคืนในเรื่องของการใช้จ่ายเกินความจำเป็น
ในปี 1960 Valentino Garavani ได้พบกับ เจียนคารโล จัมเมทติ (Giancarlo Giammetti) นักเรียนสถาปัตยกรรมที่กลายมาเป็นหุ้นส่วนของเขาในเวลาอันรวดเร็ว Valentino เปิดตัวการกลับมาอีกครั้งในปี 1962 ด้วยคอลเล็กชั่น โอต์ กูตูร์ คอลเล็กชั่นนี้สร้างชื่อเสียงทำให้ผู้คนได้รู้จักกับแบรนด์ Valentino เพียงชั่วข้ามคืน และดึงดูดความสนใจจากผู้หญิงชนชั้นสูงจากทั่วโลกด้วย ในปี 1967 Valentino Garavani ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติจาก นีแมน มาร์คัส (Neiman Marcus) ห้างสรรพสินค้าสุดหรูจากอเมริกา
ลูกค้าของ Valentino ล้วนเป็นบุคคลชั้นสูงและเหล่าราชวงศ์ เช่น ภรรยาคนที่สี่ (Begum Aga Khan III) ของสุลต่านมูฮัมหมัด ชาห์ อกา ข่านที่ 3 (Sir Sultan Muhammad Shah Aga Khan III) , สมเด็จพระราชินีเปาลาแห่งเบลเยียม และออดรีย์ เฮปเบิร์น (Audrey Hepburn) ด้วยชื่อเสียงที่เป็นที่รู้จักในขณะนั้นทำให้ เอลิซาเบธ เทย์เลอร์ (Elizabeth Taylor) สั่งซื้อชุดสีขาวจากแบรนด์ ในคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/หนาว ประจำปี 1961 เธอสวมชุดนั้นในวันเปิดตัวภาพยนต์ Spartacus
ในบรรดาลูกค้าที่โดดเด่นที่สุดคือ แจ็กเกอลีน เคนเนดี (Jacqueline Kennedy) สุภาพสตรีหมายเลข 1 เธอสั่งชุดสีขาวและสีดำ 6 ชุดเพื่อใส่เป็นชุดไว้ทุกข์ให้กับประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี (John F. Kennedy) และในการแต่งงานครั้งใหม่ของเธอกับเศรษฐีที่ชื่อ อริสโตเติล โอนาซิส (Aristotle Onassis) ในปี 1968 Valentino ก็ยังเป็นแบรนด์ที่เธอเลือกให้ทำชุดแต่งงานของเธอ
ในช่วงปี 1970 Valentino Garavani ใช้เวลาส่วนใหญ่ในนิวยอร์ก นอกจากมิตรภาพระหว่างเขาและ แจ็กเกอลีน เคนเนดี แล้วเขาก็เป็นเพื่อนสนิทกับศิลปินผู้โด่งดังอย่าง แอนดี วอร์ฮอล (Andy Warhol) ตลอดเส้นทางสายอาชีพนักออกแบบของเขาเขาได้ดูแล Valentino, Valentino Garavani และ Valentino R.E.D
ปี 1998 Valentino Garavani และ Giancarlo Giammetti ได้ขายบริษัทของพวกเขามูลค่า 300 ล้านดอลล่าร์สหรัฐให้กับกลุ่มบริษัทในเครือ HDP ของอิตาลี จากนั้น HDP ก็ได้ขายแบรนด์ให้กับ Marzotto Apparel ถึงอย่างนั้น Valentino Garavani ก็ยังคงมีความเกี่ยวข้องกับแบรนด์ถึงแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนเจ้าของใหม่ก็ตาม
จุดเปลี่ยนของแบรนด์ Valentino
จากจุดเริ่มต้นที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกจากฝีมือการออกแบบคอลเล็กชั่นของห้องเสื้อระดับ โอต์ กูตูร์ โดยดีไซเนอร์ชื่อดัง Valentino Garavani ทำให้แบรนด์เป็นที่นิยมไปทั่วโลกทั้งยังรักษาความสุดยอดทางการออกแบบได้อยู่เสมอ กระทั่งเขาประกาศวางมือจากการดูแลแบรนด์ Valentino ที่สร้างขึ้นมาจากมือของเขาเอง ในวันที่ 4 กันยายน 2007 โดยเขาให้เหตุผลว่าเป็นเหตุมาจากการอิ่มตัวทางแฟชั่น
เขาแต่งตั้งให้ มาเรีย กราเซีย คิวริ (Maria Grazia Chiuri) และ ปิแอร์ เปาโล ปิชอลิ (Pier Paolo Picioli) รับช่วงดูแลแบรนด์ต่อจากเขา ทั้ง Maria Grazia Chiuri และ Pier Paolo Picioli ต่างรักษามาตรฐานและความเป็น Valentino ได้อย่างดีเยี่ยม โดยผลงานที่เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจของพวกเขาคือ คอลเล็กชั่น โอต์ กูตูร์ ที่กรุงปารีสในช่วงเดือนมกราคม ปี 2009 ทำให้ถูกกล่าวถึงเป็นอย่างมากว่าพวกเขาประสบความสำเร็จในคอลเล็กชั่นนี้และเข้าใจความเป็น Valentino อย่างแท้จริง
สิ่งที่บ่งบอกความเป็น Valentino ได้ดีที่สุดคงเป็นหมุดแพลทินั่มร็อคสตั๊ด (rockstud) ที่ปรากฎให้เห็นบนงานออกแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า รองเท้า เข็มขัด หรือแม้แต่คอลเล็กชั่นเสื้อผ้า ทำให้แบรนด์หรูหราสำหรับชนชั้นสูงและราชวงศ์ กลายเป็นแฟชั่นของคนยุคใหม่ที่ผู้คนมากมายหลงใหล ต้องการครอบครองเพราะการออกแบบที่เหมาะสำหรับทุกๆโอกาส
สำหรับแฟชั่นที่เป็นที่รู้จักและโด่งดัง เป็นที่นิยมของสาวๆ ในไทยคงจะหนีไม่พ้น รองเท้าส้นสูงที่ประดับด้วยหมุดแพลทินั่มร็อคสตั๊ด หรือที่เรียกกันว่า รองเท้าร็อคสตั๊ดแองเกิลสแทร็ป (Rockstud Ankle Strap) รองเท้าสุดคลาสสิคที่เหล่าดารา แฟชั่นนิสต้า เซเลบริตี้เมืองไทยต่างต้องมีกันไว้ในลิสท์ “รองเท้าที่ต้องมี”
“I know what the women want. They want to be beautiful” ฉันรู้ว่าผู้หญิงต้องการอะไร พวกหล่อนต้องการจะเป็นผู้เลอโฉม อ้างอิงจากคำพูดของดีไซเนอร์ชื่อก้องโลก Valentino Garavani จากประโยคข้างต้นทำให้เราเห็นถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบของแบรนด์ Valentino ว่าการออกแบบนั้นเต็มไปด้วยความเข้าใจในความต้องการของผู้หญิง
ความเข้าใจในรูปลักษณ์ความสวยงาม และแบรนด์ก็ออกแบบมาให้สอดคล้องกับความต้องการนั้น หากเราเข้าใจในสิ่งใดแล้วนั้นเราก็จะทำสิ่งนั้นออกมาได้ดี เหมือนกับที่แบรนด์ Valentino ที่เข้าใจในความสง่างามของผู้หญิงทำให้แบรนด์ได้รับความนิยมจนกลายเป็นแบรนด์ดังระดับโลก
รัก
xoxo