หนึ่งในรุ่นรองเท้าที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของแบรนด์รองเท้าสัญชาติอเมริกัน Nike คือรองเท้ารุ่น Nike Airforce 1 (AF) ซึ่งสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม ความเกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านของแฟชั่น ดนตรี และศิลปะ ในครั้งนี้ทางแบรนด์ ได้ร่วมมือกับ Maison สุดหรูสัญชาติฝรั่งเศส Louis Vuitton จัดทำ Nike AF 1 รุ่นพิเศษ ซึ่งได้รับการออกแบบโดย Virgil Abloh ดีไซเนอร์ผู้ล่วงลับ สองไอคอนร่วมมือกันเพื่อสร้างรองเท้าผ้าใบ ที่อยู่เหนือศิลปะสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมย่อยด้วยเวทมนตร์และนวัตกรรม
Louis Vuitton x Nike Air Force 1
รองเท้ารุ่น Air Force 1 ถูกออกแบบและเผยโฉมครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1982 ซึ่งสำหรับสนีกเกอร์รุ่น Louis Vuitton x Nike Air Force 1 นี้ เป็นส่วนหนึ่งของคอลเล็กชั่นสำหรับสุภาพบุรุษประจำฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อนปี 2022 โดยฝีมือการสร้างสรรค์ของ Virgil Abloh มาพร้อมกับคอนเซปต์ “Amen Break” อันได้แรงบันดาลใจมาจาก ประวัติศาสตร์ดนตรี ที่เชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ทางแฟชั่นมาอย่างยาวนาน และมันเป็นครั้งแรกที่รองเท้าทั้งหมด จะถูกตัดเย็บขึ้นนอกโรงงานของ Nike
โดยรองเท้าทั้งหมด 47 คู่ จะถูกจัดแสดงเป็นนิทรรศการที่ Greenpoint Terminal Warehouse ในมหานครนิวยอร์ก ตั้งแต่วันที่ 20 – 31 พฤษภาคม นิทรรศการดังกล่าวถูกจัดขึ้นแบบป๊อปอัพ เพื่อแสดงความเคารพต่อ Abloh ฝ่ายศิลป์ของ Maison ผู้ล่วงลับ ซึ่งเขาจินตนาการไว้สำหรับคอลเล็กชั่น Spring-Summer 2022 ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2021 พร้อมกับให้ความรู้แก่ผู้ชมเกี่ยวกับเบื้องหลังการผลิตรองเท้า AF1 ทุกคู่ ที่ถูกรังสรรค์ด้วยมืออย่างพิถีพิถันทุกขั้นตอน
รองเท้าแต่ละคู่ จะมีความโดดเด่นในเรื่องของ Upper มาพร้อมกับวัสดุระดับพรีเมี่ยม และการเลือกใช้โทนสีอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นลายพิมพ์โมโนแกรมบนผ้าใบแคนวาส อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ลายพิมพ์กราฟิตี้ , วัสดุหนังสะท้อนแสงพิมพ์ลาย ไปจนถึงการเลือกใช้สีแบบทูโทน และมัลติคัลเลอร์ โดยมีขนาดให้เลือกตั้งแต่ขนาด 5 ถึง 18
เอกลักษณ์ของ Abloh อันปรากฏเป็นฟ้อนท์ Helvatica บนเชือกรองเท้า ในคำว่า “LACET” ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศส มีความหมายว่า lace หรือเชือกรองเท้า เพิ่มความหรูหราด้วยการสลักคำว่า “Louis Vuitton for Nike” บริเวณด้านข้างตรงกลางใต้ Swooshes รวมถึงสัญลักษณ์ AIR บน Mindsole บริเวณลิ้นรองเท้าถูกประทับตรา “Louis Vuitton for Nike” เช่นกัน
รองเท้าแต่ละคู่ มาพร้อมกับ Pilot Case สีส้มเข้ม คล้ายกล่องรองเท้า Nike สีส้มที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี หรูหราเป็นพิเศษด้วยลวดลายโมโนแกรม ซึ่งผลิตจากหนังวัว Taurillon ถูกตกแต่งด้วยป้ายห้อยกระเป๋าที่มีตรา Swoosh และแท๊คกระเป๋าประทับตรา LV
สำหรับการจับจองเป็นเจ้าของ ทางหลุยส์ วิตตองกำหนดว่าจะเปิดให้จองช่วงต้นเดือนมิถุนายน โดยจะให้สิทธิกับลูกค้าคนพิเศษของแบรนด์ก่อน หลังจากนั้น รองเท้าทั้งหมด 9 รุ่นจะถูกนำออกจำหน่ายอย่างเป็นทางการในร้านบูทีคของหลุยส์ วิตตอง ในราคาเริ่มต้นที่ €2,000 ถึง €2,500 หรือประมาณ 72,000 ถึง 91,000 บาท
การประมูล – Auction
วันที่ 26 มกราคม 2022 เว๊ปไซต์ Sothebys.com ได้เปิดประมูลรองเท้าสนีกเกอร์รุ่นพิเศษนี้ ซึ่งถูกผลิตออกมาเพียง 200 คู่ โดยการประมูลทำยอดสูงสุดถึง 25.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 827 ล้านบาท เป็นการสร้างสถิติใหม่ให้กับ Sotheby’s บริษัทการประมูลอันดับต้น ๆ ของโลก โดยยอดสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ตอนแรกถึง 8 เท่า จากที่นักวิเคราะห์ได้ตั้งเป้าไว้ที่ 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
การประมูลในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมประมูลกว่า 10,000 คน จากทั่วโลก ความพิเศษของรองเท้าสนีกเกอร์รุ่นนี้ก็คือการทำมาจากหนังลูกวัวและตกแต่งด้วยลาย Monogram และ Damier สุดไอคอนิกของ Louis Vuitton พร้อมมีดีเทลพิเศษตรงเชือกรองเท้าที่เขียนคำว่า ‘LACET’ ในฟอนต์สีดำสไตล์สุดคลาสสิกของ Virgil Abloh
จากทั้งหมด 200 คู่ รองเท้าสนีกเกอร์ที่มีการประมูลไปในราคาสูงสุดก็คือคู่ไซส์ 5 ด้วยราคา 352,800 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 11.5 ล้านบาท ส่วนคู่ที่มีจำนวนคนสนใจแข่งประมูลเยอะสุดก็คือคู่ไซส์ 11 ด้วยการลงประมูล 68 ครั้ง ความสำเร็จของการประมูลในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของดีไซเนอร์ผู้ล่วงลับ Virgil Abloh ที่ยังไม่เสื่อมคลาย
โดยรายได้ทั้งหมดจากการประมูล จะมอบให้กองทุน “Post-Modern Scholarship Fund” ซึ่ง Virgil Abloh ได้ทำการก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2020 เพื่อช่วยเหลือคนผิวดำที่ใฝ่ฝันอยากทำงานในวงการแฟชั่นและศิลปะ โดยทั้ง Louis Vuitton , Nike และ Sotheby’s ได้ร่วมบริจาค เป็นจำนวน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก่อนเริ่มการประมูลเป็นที่เรียบร้อย
ความพิเศษของรองเท้า ไม่ได้หยุดแค่การคอลลาบอเรชั่นระหว่างแบรนด์รองเท้าสุดฮิต และ Maison สุดหรูระดับโลกเท่านั้น แต่มันยังเป็นสัญลักษณ์ที่เชื่อมต่อวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงความสำคัญของแฟชั่น ดนตรี และศิลปะ เอกลักษณ์ของ Virgil Abloh ที่สอดแทรกอยู่ทุกอณูของรองเท้า สนีกเกอร์ที่ผสมผสานการตัดเย็บที่หรูหรากับความเป็นสตรีทแวร์ได้อย่างลงตัว ซึ่งถือว่าเป็นผลงานชิ้นท้าย ๆ ของเขา ที่จะติดตราตรึงใจแฟน ๆ ไปตลอดกาล
รัก
xoxo