Lamborghini Gallardo (ลัมโบร์กีนี กัลลาร์โด) เป็นรถยนต์นั่งสมรรถนะสูง ภายใต้สัญลักษณ์กระทิงดุ “ลัมโบร์กีนี” สายพันธุ์อิตาลี ถือกำเนิดครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ. 2003 จนถึงปี ค.ศ. 2013 ปัจจุบัน กัลลาร์โดถือได้ว่าเป็นรถยนต์รุ่นที่มียอดจำหน่ายที่ดีที่สุดของลัมโบร์กีนี ด้วยยอดจำหน่ายตลอดสายการผลิตอยู่ที่ 14,022 คัน และยังถือว่าเป็นรถยนต์รุ่นที่อยู่บนสายการผลิตยาวนานที่สุดของแบรนด์ แม้ว่าทุกวันนี้กัลลาร์โดจะยุติการผลิตไปแล้ว แต่ยังคงเป็นที่นิยมและตามหาของเหล่าบรรดาผู้นิยมความแรงของกระทิงดุพันธุ์นี้
History of Lamborghini
เฟร์รุชชิโอ ลัมโบร์กินี (Ferruccio Lamborghini) เกิดเมื่อวันที่ 28 เมษายน ค.ศ. 1916 ในตระกูลชาวนา เขาเองมีความสนใจในด้านเครื่องยนต์เป็นพิเศษ พ่อจึงส่ง เฟร์รุชชิโอ ไปเรียนวิศวกรรมศาสตร์ อุตสาหกรรมจักรกล หลังจากที่เรียนจบได้ไม่นานก็เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น เขาจึงเข้ารับใช้ชาติโดยทำงานให้กับฐานทัพอากาศอิตาลี ซึ่งหลังสงครามสิ้นสุด เขาได้เดินทางกลับมายังบ้านเกิด
เฟร์รุชชิโอ ลัมโบร์กินี ได้เริ่มต้นงานซ่อมแซมรถแทรกเตอร์ โดยใช้อะไหล่จากยวดยานของทหาร และนั้นคือจุดเริ่มต้นในการตั้งโรงงานแทรกเตอร์ของเขาเอง ในชื่อว่า Lamborghini Trattori S.p.A. ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ และได้กลายมาเป็นบริษัทผลิตรถแทร็กเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี นอกจากนี้ เฟร์รุชชิโอ ลัมโบร์กินี ยังเป็นเจ้าของกิจการเครื่องปรับอากาศอีกด้วย
รถหรูอย่างลัมโบร์กีนีใช้สัญลักษณ์เป็นรูป “วัวกระทิง” ซึ่งได้ไอเดียมาจากการแข่งขันสู้วัวกระทิง ในประเทศสเปน เฟร์รุชชิโอ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ ได้พัฒนารถสปอร์ตสุดหรูเพื่อตอบสนองลูกค้าที่มี “รายได้สูง รสนิยมสูง” ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของเขา โดยที่ลัมโบร์กีนีได้ดำเนินธุรกิจภายใต้คำขวัญ “มาหาลัมโบร์กีนี หากคุณต้องการรถที่ดีที่สุดในโลก”
ต่อมาเขาได้ขายกิจการรถแทร็กเตอร์และรถไถนาของ ลัมโบร์กีนี ให้กับบริษัทเซม (Same) ผู้ผลิตเครื่องจักรกลทางการเกษตร จากนั้นไม่นาน บริษัทได้ประสบกับปัญหาทางการเงินจนถึงขั้นล้มละลายลงในปี ค.ศ. 1977 พี่น้องตระกูลมิมรัน (Mimran) จึงมารับช่วงต่อโดยการซื้อกิจการ แต่ธุรกิจก็ยังคงติดขัดอยู่ จึงถูกขายต่อให้กับบริษัท ไครสเลอร์ (Chrysler) และถูกขายต่ออีกทอดไปยังกลุ่มทุนจากอินโดนีเซีย
ในท้ายที่สุดบริษัท อาวดี้ อาเก (AUDI AG) เครือฟ็อลคส์วาเกินกรุ๊ป (Volkswagen) ได้เข้ามาดูแลกิจการแล้วก็ได้ทำให้ ลัมโบร์กีนี กลับมามั่นคงอีกครั้งจากการดูแลพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์ จากวิศวกรและทีมงานของทางเยอรมันที่มีความมุ่งมั่น บวกกับบริษัทมีเงินทุนมหาศาล ทำให้ลัมโบร์กีนีหวนสู่วงการซูเปอร์คาร์อีกครั้ง โดยได้เปิดตัวรถรุ่น กัลลาร์โด (Gallardo) และ มูร์เซียลาโก (Murciélago) ซึ่งเป็นการผสานนวัตกรรมของ ลัมโบร์กีนี และ อาวดี้ เข้าด้วยกัน ทำให้ขายได้มากกว่า 9,000 คันในเวลานั้น
Lamborghini Gallardo
First Generation (2003-2008)
ลัมโบร์กีนี กัลลาร์โด เผยโฉมครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2004 อันถือเป็นรุ่นแรกและโฉมแรก ของ รุ่นกัลลาร์โด มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 5 ลิตร (4961cc) V10 โดยนำเครื่อง V8 ของ Audi (ออดี้) มาเป็นฐานในการพัฒนา ซึ่งได้รับการพัฒนาโดย บริษัท คอสเวิร์ธ (Cosworth) จากประเทศอังกฤษ คำว่า กัลลาร์โด มีที่มาจากชื่อของกระทิง ที่มีชื่อเสียงจากการต่อสู้กระทิง ในประเทศสเปน คำว่า gallardo (/ ɡaˈʎaɾðo/ ) แปลตรงตัวในภาษาสเปนคือ “ความกล้าหาญ” และในภาษาอิตาลีมีความหมายว่า “โดดเด่น”
สำหรับรถยนต์รุ่นเปิดตัวรุ่นแรกนี้ ได้รับการออกแบบระบบเกียร์ โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือประเภทธรรมดา (Manual) แบบ 6 จังหวะ และประเภทเซมิ-ออโต (Semi-automatic) หรือเกียร์แบบกึ่งอัตโนมัติ แบบ 6 จังหวะ โดยระบบเกียร์ของแบรนด์ รู้จักกันดีภายใต้ชื่อเรียก “E Gear” ช่วยให้เปลี่ยนเกียร์ได้เร็วกว่าการเปลี่ยนเกียร์ธรรมดา คนขับเปลี่ยนเกียร์ขึ้นและลงโดยใช้แป้นเหยียบหลังพวงมาลัย แต่ยังสามารถเปลี่ยนเป็นโหมดอัตโนมัติได้โดยใช้ตัวเลือกเกียร์ที่วางตำแหน่งคันเกียร์
ในปลายปี ค.ศ. 2005 ได้เปิดตัวรถยนต์รุ่น กัลลาร์โด 2005 Coupé โดยได้ทำการปรับปรุงในหลายส่วนเพื่อตอบโต้การวิพากษ์วิจารณ์ที่รวบรวมมาจากสื่อและลูกค้าผู้ครอบครองรถยนต์กัลลาร์โดโฉมแรก ระบบไอเสียถูกเปลี่ยนเป็นแบบสปอร์ตมากขึ้น (รวมถึงแผ่นปิดเพื่อให้เงียบขึ้นระหว่างการขับขี่ในเมือง), ช่วงล่างได้รับการแก้ไข, แร็คพวงมาลัยใหม่ได้รับการติดตั้ง
กำลังเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น 20 PS เป็นสูงสุด 520 PS ( 382 กิโลวัตต์; 513 แรงม้า) และการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดคืออัตราทดเกียร์โดยรวมที่ต่ำลง โดยเฉพาะในเกียร์ 1 ถึง 5 การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้รถมีสมรรถนะที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก และยังรวมอยู่ใน Gallardo SE รุ่นลิมิเต็ดอีกด้วย
สำหรับ กัลลาร์โด รุ่นแรก (First Generation) อยู่ในสายการผลิตและวางจำหน่ายตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003-2008 ออกแบบโดย Luc Donckerwolke นักออกแบบยานยนต์ชาวเบลเยี่ยม โดยใช้ต้นแบบของรถยนต์รุ่น Calà ซึ่งเป็นรถยนต์ต้นแบบ ที่ปรากฏโฉมครั้งแรก ในงาน Geneva Motor Show ปี ค.ศ. 1995
เดือนมกราคม ปี ค.ศ. 2006 ได้เปิดตัว “Spyder” ที่งานลอสแองเจอลิส มอเตอร์โชว์ (Los Angeles Auto Show) เป็นรถยนต์รุ่นที่ถูกปรับโฉมจาก กัลลาร์โด รุ่นแรก มีการปรับหลังคาด้านบนให้เป็นแบบหลังคาผ้าใบ หรือเรียกว่า “Soft top”
ในงาน Geneva Motor Show ปี ค.ศ. 2007 ได้เปิดตัวรถยนต์รุ่น Gallardo Superleggera คำว่า “ซูเปอร์เล็กเกร่า” ซึ่งต่อท้ายชื่อรุ่นกัลลาร์โด ถูกตั้งขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับแนวการออกแบบสไตล์ใหม่ของลัมโบร์กีนี 350 GT ซึ่งได้รับการสร้างสรรค์และออกแบบโดย Carrozzeria Touring จากอิตาลี โดยได้ทำการผลิตและจำหน่ายจนถึงเดือนมีนาคา ปีค.ศ. 2008 รวมจำนวนรถยนต์ที่ออกสู่ท้องตลาดทั้งสิ้น 172 คัน โดยแบ่ง เป็นสีขาว 10 คัน สีดำ 37 คัน สีเหลือง 45 คัน สีส้ม 46 คัน และสีชมพูเพียงแค่ 1 คัน
การเรียกคืน (Recall) รถยนต์ที่มีปัญหาจากการผลิต บริษัทลัมโบร์กีนี ได้ทำการเรียกคืนรถยนต์รุ่น Gallardo Coupé และ Spyder ประมาณ 1,500 คัน ในระหว่างปี ค.ศ. 2004-2006 เนื่องจากพบว่าอาจเกิดการรั่วไหลของน้ำมันบริเวณพวงมาลัยพาวเวอร์ และมีความเสี่ยงสูงที่อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจนและเกิดเพลิงไหม้ โดยรถยนต์ที่ถูกเรียกคืนดังกล่าว เป็นรถยนต์ที่ถูกผลิตขึ้นในช่วงเดือน พฤษภาคม ปี ค.ศ. 2003 ไปจนถึงเดือน เมษายน ปี ค.ศ. 2008
Second Generation (2008-2013)
ปี ค.ศ. 2008 ในงาน Geneva Motor Show ได้มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่น Gallardo LP 560-4 ซึ่งเป็นการปรับปรุงครั้งสำคัญของกัลลาร์โด ขับเคลื่อนโดยเครื่องยนต์ V10 ขนาด 5.2 ลิตร 560 แรงม้า ที่ 8,000 รอบต่อนาที และแรงบิด 540 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบต่อนาที
รวมถึงมีการนำเสนอ “Iniezione Diretta Stratificata” ระบบฉีดเชื้อเพลิงโดยตรงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงและการปล่อย CO2 ลดลง 18% แม้จะมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นก็ตาม โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก Murciélago LP 640 และ Reventón
Gallardo LP 560-4 Spyder ถูกเปิดตัวครั้งแรกในงาน LA Auto Show ในปี ค.ศ. 2008 เพื่อมาแทนที่รถยนต์รุ่น Spyder และถือได้ว่าเป็นรุ่นเปิดประทุนของ LP 560-4 มาพร้อมกับคุณสมบัติที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ V10 ขนาด 5.2 ลิตร ระบบส่งกำลังเกียร์ E ที่ได้รับการปรับปรุง และการลดน้ำหนัก 20 กก. (44 ปอนด์) ประสิทธิภาพได้รับการปรับปรุงเป็น 0-100 กม./ชม. (62 ไมล์ต่อชั่วโมง) ใน 3.8 วินาที, 0-200 กม./ชม. (124 ไมล์ต่อชั่วโมง) ที่ 13.1 และความเร็วสูงสุด 324 กม./ชม. (201 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ในปี ค.ศ. 2010 ลัมโบร์กีนี เปิดตัว LP 570-4 Superleggera ซึ่งเป็นรุ่น LP 560-4 ฉบับปรับปรุงที่มีน้ำหนักเบาและทรงพลังยิ่งขึ้นในรูปแบบเดียวกับ Superleggera รุ่นก่อน ด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งภายในและภายนอกเพื่อลดน้ำหนักให้เหลือเพียง 1,340 กก. (2,954 ปอนด์) จึงถือได้ว่า Gallardo LP 570-4 Superleggera เป็นรถยนต์รุ่นที่เบาที่สุดในกลุ่ม โดยอยู่ในสายการผลิตตั้งแต่ปี ค.ศ. 2010-2013
ตามด้วยการเปิดตัว LP 570-4 Spyder Performante ในเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 2010 อันเป็นรุ่นเปิดประทุนของ P 570-4 Superleggera LP 570-4 Spyder Performante ใช้ระบบการยิงแบบคี่แบบเดียวกัน มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V10 ขนาด 5.2 ลิตร 570 แรงม้า โดยมีน้ำหนักอยู่ที่ 1,485 กิโลกรัม ซึ่งหนักกว่า coupé ตามปกติ อัตราเร่ง 0 ถึง 100 กม./ชม. (62 ไมล์ต่อชั่วโมง) ใน 3.9 วินาที ถึง 200 กม./ชม. (124 ไมล์ต่อชั่วโมง) ใน 12.0 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 325 กม./ชม. (202 ไมล์ต่อชั่วโมง)
นอกจากรถยนต์รุ่นหลัก ๆ ที่ถือได้ว่าเป็นต้นแบบในการผลิตรถยนต์รุ่น กัลลาร์โด แต่ละรุ่นแล้วนั้น ทางลัมโบร์กีนี ยังมีการผลิตรถยนต์รุ่นพิเศษและถือเป็นรุ่น Limited Edition ซึ่งมีใช้ในราชการตำรวจ ของประเทศอิตาลี , เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ และประเทศปานามา โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
Italian police cars
ในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 2004 ลัมโบร์กีนีได้บริจาครถยนต์รุ่น Gallardo 2003 coupé Polizia เป็นจำนวน 2 คัน ให้กับสถานีตำรวจอิตาลี Polizia di Stato เพื่อเป็นเกียรติแก่การครบรอบ 152 ปีของกองกำลังตำรวจ โดยรถยนต์คันหนึ่ง ได้รับการบริจาคจากAutomobili Lamborghini S.p.A. ในขณะที่อีกคันได้รับบริจาคจากองค์กรอิสระ
โดยรถยนต์ดังกล่าว ถูกใช้ในราชการตำรวจ โดยตำรวจจราจร (Polizia Stradale) ในสถานการณ์ฉุกเฉินและสัญญาณเตือนภัยบนทางหลวง Salerno-Reggio Calabria ซึ่งอยู่ภายใต้อำนาจของหน่วยปฏิบัติการความปลอดภัยพิเศษซึ่งถูกใช้อยู่แล้วตามทางเดินของทางหลวง อย่างไรก็ตามรถยนต์ทั้ง 2 คันถูกทำลายในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ เมื่อมีการเปิดตัว Huracán ซึ่งถือได้ว่าเป็นทายาทที่มารับช่วงต่อของรุ่นกัลลาร์โด โดยทาง Lamborghini S.p.A. ได้ผลิตรุ่นส่วนบุคคลสำหรับกองกำลังตำรวจอิตาลีเพื่อทดแทนรถยนต์รุ่นเดิม
รถยนต์อีกรุ่นที่ถูกใช้ในราชการตำรวจอิตาลี คือรถยนต์รุ่น Gallardo LP560-4 Polizia โดดเด่นด้วยระบบบันทึกภาพด้วยกล้องข้างกระจกมองหลัง, ระบบนำทางด้วย GPS, ซองปืน, วิทยุตำรวจ, ป้ายเตือน Paletta, หน้าจอแบบพกพา, ตู้เย็นและเครื่องกระตุ้นหัวใจในห้องเก็บสัมภาระด้านหน้า, สีตัวถัง Blu Polizia, ไฟสัญญาณตำรวจพร้อมไฟ LED สีฟ้าที่ด้านหน้า หลังคา ด้านข้าง และด้านหลังของรถ
London Metropolitan Police
Gallardo coupé 2003 edition Metropolitan police Edition จำนวน 2 คันจากลัมโบร์กีนี ถูกนำมาใช้ชั่วคราว ในราชการตำรวจนครบาลในลอนดอน คันแรกในปี ค.ศ. 2005 และอีกคันในปี ค.ศ. 2006 ตามลำดับ โดยรถยนต์รุ่นที่ถูกนำมาใช้ในปี 2006 นั้น เคยลงแข่งขัน Gumball Rally ในปี 2006 โดยรถยนต์ทั้ง 2 คันอยู่ภายใต้สังกัด Lamborghini London และติดเครื่องหมายแบทเทนเบิร์กสีเหลืองและสีน้ำเงิน โลโก้ตำรวจ และแถบไฟสีน้ำเงินขนาดเล็ก
Panama Police
สำหรับรถยนต์ที่ใช้ในราชการตำรวจปานามา เป็นรถยนต์รุ่น Gallardo LP560-4 ซึ่งทำการยึดมาจาก David Murcia Guzman เจ้าพ่อแห่ง DMG Group Holding, S.A. บริษัทฟอกเงินผิดกฎหมายของโคลอมเบีย
นอกจากนี้ ลัมโบร์กีนี กัลลาร์โด ยังส่งรถยนต์เข้าร่วมการแข่งขัน Motor Sport อีกมากมาย อาทิเช่น FIA GT3 Championship , Super GT ในปี 2007 Lamborghini Blancpain Super Trofeo ในปี 2009 , American Le Mans Series , Speed World Challengeรวมถึง Reiter Extenso การแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตครั้งสุดท้ายของกัลลาร์โด จัดตั้งโดย Reiter Engineering ซึ่งเป็นหุ้นส่วนด้านมอเตอร์สปอร์ตของ Lamborghini มาเป็นเวลานาน
รถยนต์ ลัมโบร์กีนี กัลลาร์โด ซึ่งใช้ระบบเกียร์ธรรมดา (Manual) รุ่นสุดท้ายที่ถูกผลิต ได้แก่ Gallardo LP 560-2 50 ° Anniversario และในวันที่ 25 พฤศจิกายน ปี ค.ศ. 2013 รถยนต์ Lamborghini Gallardo คันสุดท้าย LP 570-4 Spyder Performante ที่มีสีตัวถัง Rosso Mars (สีแดง) ได้ถูกสร้างขึ้นที่โรงงาน Sant’Agata Bolognese ได้ถูกส่งต่อให้นักสะสมเป็นการส่วนตัว เป็นการปิดตำนานอันยาวนานของ Gallardo ซึ่งยืนหยัดมายาวนานถึง 10 ปี ในวงการ SuperCar และถูกแทนที่ด้วยรถยนต์รุ่น Huracán ในปี 2014