Goyard Bag (โกยาร์) กระเป๋าแบรนด์หรูสัญชาติฝรั่งเศส ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากว่า 220 ปี หลายๆ คนคงคุ้นหูกันดีกับโกยาร์ แบรนด์ที่ได้ชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในโลกแบรนด์หนึ่ง ความแตกต่างที่ทำให้ Goyard ดูน่าค้นหากว่าแบรนด์อื่นๆ คือ การไม่มีจำหน่ายสินค้าใดๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงไม่มีงานเปิดตัวหรืองานแฟชั่นโชว์ใดๆ ทั้งสิ้น
อีกหนึ่งความพิเศษของกระเป๋าโกยาร์ คือ ราคาสมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับคุณภาพและกระบวนการผลิต จึงเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบมากๆ สำหรับสาวๆที่กำลังมองหากระเป๋าคู่ใจ บทความนี้ขอเสนอ 7 อันดับกระเป๋าแบรนด์ โกยาร์ ที่สาวๆควรเป็นเจ้าของสักใบ จะมีรุ่นไหนบ้างนั้น จะตรงกับที่เล็งไว้บ้างหรือเปล่า พร้อมแล้ว ตามมาเลยค่ะ
Saint Louis Tote กระเป๋าที่ถือได้ว่าเป็นรุ่นคลาสสิคของแบรนด์ ชื่อของกระเป๋าตั้งตามพระนามของพระเจ้าหลุยส์ที่ 9 (King Louis IX) ของประเทศฝรั่งเศส สไตล์การออกแบบที่เรียบง่าย แทบจะไม่มีโครงสร้างอะไรเลยและมีน้ำหนักเบา ทำให้ได้รับความนิยมอย่างสูง
วัสดุที่นำมาตัดเย็บกระเป๋าเป็นวัสดุผ้าใบ Canvas ที่มีชื่อเรียกว่า “Goyardine” ซึ่งเป็นผ้าใบที่เป็นการผสมผสานระหว่างผ้าฝ้าย (Cotton), ผ้าลินิน (Linen) และ ผ้าป่าน (Hemp) ทำการเคลือบกระเป๋าด้วยเทคนิคพิเศษของโกยาร์ เพื่อความแข็งแรงทนทาน อีกทั้งยังสามารถกันน้ำได้ (Wateproof) จุดเด่นของกระเป๋ารุ่นนี้ คือ มีปากกระเป๋าที่เปิดกว้างและภายในขนาดใหญ่ มาพร้อมกับ Detachable Pochette
สำหรับใส่ของอื่นๆ The Saint Louis Tote มีสีคลาสสิคทั้งหมด 2 สี คือ ผ้าใบสีดำขอบสีดำ (Black/Black) และ ผ้าใบสีดำขอบสีน้ำตาล (Black/Tan) อีกทั้งยังมีสีพิเศษอีก 9 สี คือ สีขาว (White), ฟ้า (Light Blue), สีเหลือง (Yellow), สีแดง (Red), สีส้ม (Orange), สีแดงเบอร์กันดี (Burgundy), สีเขียว (Green), สีเทา (Grey) และสีน้ำเงิน (Navy) รวมถึงสี Limited Edition อย่างสีชมพู (Pink) ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 2008
Saint Louis Tote มีด้วยกัน 2 ขนาดด้วยกันคือ PM คือกระเป๋าขนาดกลาง ซึ่งเหมาะกับเป็น Everyday Use โดยมีขนาด 33 x 25 x 12 เซนติเมตร (13 x 10.5 x 5 นิ้ว) และขนาดใหญ่ GM ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานระหว่างเดินทางอย่างแท้จริง โดยมีขนาด 39 x 32 x 18 เซนติเมตร (15.5 x 12.5 x 7 นิ้ว)
ปัจจุบัน St.Louis Bag ได้เพิ่มขนาดของกระเป๋าออกมาอีก 1 ขนาด โดยมีชื่อเรียกว่า The Saint Louis XXL Tote มีขนาด กว้าง 24 x สูง 16.5 นิ้ว สิ่งที่เพิ่มเติมจาก 2 รุ่นเดิมคือ ฝีเข็มที่หูกระเป๋ามีการเพิ่มเป็น 3 ชั้น จากแต่เดิมเพียง 2 ชั้น มาพร้อมกับ Detachable Pochette ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น มีทั้งหมด 4 สีด้วยกัน คือ ผ้าใบสีดำขอบสีดำ (Black/Black) และ ผ้าใบสีดำขอบสีน้ำตาล (Black/Tan) สีน้ำเงิน (Navy) และ สีเทา (Grey)
กระเป๋ารุ่น Anjou ภายนอกจะคล้ายกับ Saint Louis Tote และได้รับความนิยมไม่แพ้กัน แต่ความแตกต่างของกระเป๋ารุ่นนี้คือ สามารถใช้งานได้ 2 ด้านหรือที่เรียกว่า “Reversible” โดยมีด้านหนึ่งเป็นผ้าใบ Canvas Goyardine ที่รู้จักกันดี และอีกด้านหนึ่งเป็นหนังเรียบไม่มีลวดลาย ซึ่งมีสีเดียวกับผ้าใบ ความพิเศษคือ สามารถพลิกกลับด้านเพื่อใช้งานได้อย่างง่ายดายไม่ติดขัด เมื่อเทียบกับกระเป๋า Reversible แบรนด์อื่นๆ
กระเป๋ามาพร้อมกับ Detachable Pochette เช่นเดียวกับรุ่น Saint Louis Tote แต่ในส่วนของ Luggage Tag นั้น จำหน่ายแยกต่างหาก โดยสามารถเพิ่มเติมรีเควสพิเศษในการเพ้นท์ตัวอักษรลงบน Tag ได้อีกด้วย โดยด้านหนึ่งของแท็คจะเป็นหนังและอีกด้านหนึ่งเป็นผ้าใบ Canvas
Anjou มีด้วยกัน 2 ขนาดคือ GM (Grand Model) 33 x 58 x 17.7 เซนติเมตร (13 x 23 x 7 นิ้ว) และ PM (Petit Model) 28 x 48 x 15.2 เซนติเมตร (11 x 19 x 6 นิ้ว) มีสีคลาสสิคทั้งหมด 2 สี คือ ผ้าใบสีดำขอบสีดำ (Black/Black) และ ผ้าใบสีดำขอบสีน้ำตาล (Black/Tan) อีกทั้งยังมีจำหน่ายในสีพิเศษอีก 9 สี คือ สีขาว (White), สีเทา (Grey), สีแดง (Red), สีส้ม (Orange), สีเหลือง (Yellow), สีเขียว (Green), สีฟ้า (Light Blue), สีน้ำเงิน (Navy) และ สีแดงเบอร์กันดี (Burgundy)
ความสง่างามและความเรียบง่าย บนผืนผ้าใบ Goyardine รูปลักษณ์ของ Artois ถูกจัดว่าเป็นกระเป๋าตระกูลเดียวกับ Saint-Louis ด้วยชื่อของ Artois มีที่มาจาก “Comte d’Artois” (เคานต์แห่งอาร์ตัว) ตำแหน่งพระนามของพระเจ้าชาร์ลที่ 10 แห่งฝรั่งเศส ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องชายของพระเจ้าหลุยส์ที่ 9 (King Louis IX) แห่งฝรั่งเศส หรือที่เรารู้จักกันในนาม Saint-Louis โดย Artios มีลักษณะภายนอกคล้ายคลึงกับกระเป๋ารุ่น Saint-Louis
สิ่งที่ Artois แตกต่างจากกระเป๋ารุ่น Saint-Louis นั้นคือ การนำเสนอความเก๋ไก๋แบบโบฮีเมียนใหม่ด้วยรายละเอียดที่สื่อถึงความเป็นตัวของตัวเอง หูจับที่ยาวขึ้น ตัดเย็บเป็นรูปทรงให้ความมั่นคงแน่นหนา ผ้าใบ Goyardine ที่เพิ่มความแข็งแรงและคงรูปมากยิ่งขึ้นแต่ยังคงมีน้ำหนักเบา นอกจากนี้ Artois เพิ่มเติมการเย็บแผ่นหนังติดตรงขอบมุมด้านล่างของกระเป๋า เพื่อช่วยป้องกันการขีดข่วน รวมถึงการติดตั้งซิปสำหรับเปิด-ปิดที่ปากกระเป๋า เพื่อป้องกันของภายในตกหล่นออกมา มาพร้อมกับช่องใส่ของขนาดใหญ่ภายในกระเป๋า
หนึ่งในรายละเอียดข้อสุดท้าย ที่ตอกย้ำในความเป็น Artois นั่นก็คือ การเย็บขอบของหูกระเป๋านั้น จะทำการเย็บด้วยด้ายสีแดง ซึ่งเป็นธรรมเนียมของตระกูล Goyard ที่สืบทอดต่อกันมาตั้งแต่สมัยปลายศตวรรษที่ 19 โดยการเย็บด้วยด้ายแดงพิเศษนี้ เริ่มต้นมาจากการตัดเย็บหีบใส่ของที่ได้สั่งทำเป็นพิเศษในสมัยนั้น
Artois มีจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด ภายใต้วัสดุผ้าใบ Goyardine 11 สีด้วยกัน ได้แก่ สีดำ (Black), สีดำและสีแทน (Black & Tan), สีแดง (Red), สีส้ม (Orange), สีแดงไวน์ (Wine), สีเขียว (Green), สีฟ้า (Sky Blue), สีน้ำเงิน (Navy Blue), สีขาว (White), สีเทา (Grey) และ สีเหลือง (Yellow) มี 2 ขนาดคือ ขนาดเล็ก (Small/PM) 24 x 30 x 13 เซนติเมตร (9.5 x 12 x 5.25 นิ้ว) และ ขนาดกลาง (Medium/MM) 28 x 36.8 x 15.8 เซนติเมตร (11 x 14.5 x 6.25 นิ้ว)
Goyard Saigon ได้ถือกำเนิดขึ้น จากรีเควสพิเศษของลูกค้าชาวฝรั่งเศสท่านหนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่ในอินโดจีน มาในรูปแบบของกระเป๋าที่มีรูปร่างสี่เหลี่ยมคางหมู (Trapezoid-Shape) ที่มีองค์ประกอบของไม้บีช (Beech Wood) เป็นกระเป๋าที่สื่อถึงความเป็นผู้หญิงอย่างเต็มเปี่ยม
ด้วยขนาดที่ไม่เล็กหรือไม่ใหญ่จนเกินไป เหมาะสำหรับเป็นกระเป๋าที่สามารถใช้ได้ทุกวัน มาพร้อมกับสายสะพายสีเดียวกับตัวกระเป๋า ที่จะสะพายข้างหรือใช้เป็น Crossbody ก็สวยเก๋ไม่แพ้กัน กระเป๋าดีไซน์วินเทจ จากยุค 1950 ที่ได้รับการออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจมาจากหีบใส่ของ (Trunks) ด้วยโครงสร้างของกระเป๋าที่มีความแข็งแรง ประดับตกแต่งด้วยไม้ทั้ง 2 ด้านของกระเป๋า และหูจับที่ทำจากไม้อันแสนโดดเด่น
ทั้งหมดนี้มีอยู่ในกระเป๋ารุ่น Saigon ตัวกระเป๋าตัดเย็บจากผ้าใบ Goyardine Canvas ด้านฝากระเป๋าตัดเย็บจากวัสดุหนังลูกวัว (CalfSkin) อีกทั้งยังมีรุ่นที่เป็นหนังทั้งใบหรือรุ่นที่ตัดเย็บจากวัสดุหนังหายาก (Exotic Leather) อีกด้วย สำหรับในรุ่นหนังหายากนั้น จะใช้เวลาในการตัดเย็บมากกว่ารุ่นปกติ 10-15 เท่าเลยทีเดียว
Saigon มีด้วยกัน 2 ขนาดคือ ขนาดกลาง PM 28 x 11.4 x 20 เซนติเมตร (11 x 4.5 x 8 นิ้ว) และขนาดใหญ่ GM 35.5 x 25 x 17.7 เซนติเมตร (14 x 10 x 7 นิ้ว) มีจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 11 สี คือ สีดำ (Black), สีทอง (Gold), สีขาว (White), สีแดง (Red), สีแดงเบอร์กันดี (Burgundy), สีฟ้า (Sky Blue), สีน้ำเงิน (Navy Blue), สีส้ม (Orange), สีเหลือง (Yellow), สีเขียว (Green) และ สีเทา (Grey)
กระเป๋าคลัชคต์ทรงกล่อง มาพร้อมกับสายสะพายหนังที่ไม่เหมือนใคร โดยมีลักษณะเป็นสายหนังที่ตัดเย็บครอบคลุมเป็นซองสำหรับใส่ตัวกระเป๋า ด้านหน้าและด้านหลัง ตัดเย็บคล้ายตัว Y สามารถถอดออกได้ ซึ่งสื่อถึงลาย Chevron บนผ้าใบ Goyardine Canvas ฉีกภาพของสายสะพายที่จะต้องมีตัวอะไหล่สำหรับคล้องกับตัวกระเป๋าออกไปอย่างสิ้นเชิง โดยเมื่อถอดสายสะพายออกแล้ว สามารถถือตัวกระเป๋าเป็นคลัชต์ออกงานเก๋ๆได้อีกด้วย
กระเป๋าที่ Goyard ภูมิใจนำเสนอ กระเป๋าที่เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของประวัติศาสตร์การผลิตเครื่องหนังและหีบเดินทาง อันเป็นธุรกิจเริ่มแรกของแบรนด์ สำหรับกระเป๋ารุ่นนี้ มีเพียงขนาดเดียว คือ 16.5 x 10.7 x 5 เซนติเมตร (6.5 x 4.25 x 2 นิ้ว) มีจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 5 สี คือ สีดำ (Black), สีดำกับสีแทน (Black & Tan), สีขาว (White), สีเทา (Grey) และ สีทอง (Gold)
The Alpin Backpack กระเป๋าที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้น โดยได้แรงบันดาลใจจากกระเป๋าเป้สะพายหลังของนักปีนเขา ณ เทือกเขาแอลป์ (Alps) ทางยุโรปตอนใต้ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึง ต้นศตวรรษที่ 20 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม ปีค.ศ. 2015 ด้วยสไตล์การออกแบบอันร่วมสมัย พร้อมทั้งฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย Alpin ได้พิสูจน์แล้วว่า เป็นกระเป๋าที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย สำหรับนักผจญภัย ในเมืองอันแสนจะวุ่นวายในปัจจุบัน
ตัวกระเป๋าถูกตัดเย็บจากผ้าใบ Goyardine Canvas ในส่วนของฝากระเป๋าและฐานตัดเย็บจากวัสดุลูกวัว มีลักษณะหนังเรียบ ตรงกลางตกแต่งด้วยหัวเข็มขัดที่ไว้ใช้เปิด-ปิดกระเป๋า นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับหูหิ้วด้านบน เพื่อความสะดวกในการใช้มือถือกระเป๋ากระเป๋าเป้ Alpin นั้นมีความยืดหยุ่นสูง คุณสามารถถือมันเป็นกระเป๋าเป้สะพายหลัง อีกทั้งยังเป็นกระเป๋าถือหรือกระเป๋าสะพายที่ได้รับการพัฒนารูปแบบอย่างสวยงามและตอบสนองทุกการใช้งาน
The Alpin Backpack มีเพียงขนาดเดียวคือ 31.7 x 15 x 40.6 เซนติเมตร (12.5 x 6 x 16 นิ้ว) มีจำหน่ายเพียง 2 สีคือ ผ้าใบสีดำกับหนัง (Black Goyardine Canvas Leather) และ ผ้าใบสีดำกับหนังสีแทน (Black Goyardine Canvas and Tan Leather)
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับความคลาสสิคอันเป็นอมตะของกระเป๋าแบรนด์ Goyard ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่มีวันตกยุค รูปตัว Y บนผืนผ้าใบโมโนแกรม Goyardine อันถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ในเฉดสีที่หลากหลาย รวมถึงมีการอัพเดต และพัฒนากระเป๋ารูปทรงใหม่ๆ ให้เข้ากับยุคสมัยอยู่เสมอ
ดีไซน์การออกแบบ ฟังก์ชั่นการใช้งาน ลูกเล่นแปลกๆใหม่ๆ ที่ทางแบรนด์ใส่ใจกับทุกรายละเอียด และทั้งหมดนี้คือ Goyard Bag ที่สายแฟฯ และสาวกแบรนด์โกยาร์ ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
รัก
xoxo