Cartier vintage watch – แบรนด์ Cartier เป็นที่รู้จักในนาม “อัญมณีแห่งราชาและราชาแห่งอัญมณี” ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการผลิตเครื่องประดับและนาฬิกาหรู มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1847 จากจุดเริ่มต้นเป็นเพียงร้านจิวเวอรี่เล็ก ๆ บนถนน Rue Montorgueil ในปารีส สู่แนวหน้าความเป็นหนึ่งในด้านนวัตกรรมและความเชี่ยวชาญทางเทคนิค ทำให้พวกเขาเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดนาฬิกาข้อมือสุดหรู และเป็นเหตุผลว่าทำไมนักสะสมจำนวนมากจึงนิยมลงทุนกับนาฬิกาวินเทจเหล่านี้
ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการผลิตเครื่องประดับ ซึ่งผสมผสานเข้ากับนวัตกรรมการผลิตนาฬิกาได้อย่างลงตัว ทำให้นาฬิกาจากแบรนด์ Cartier ได้รับการยอมรับจากนักสะสม ในเรื่องของชื่อเสียง ความหรูหราในการผลิต สะท้อนเรื่องราวและความสวยงามของเครื่องประดับ ที่ยังคงเปล่งประกาย KATEXOXO จะพาคุณไปทำความรู้จัก นาฬิกา 6 รุ่นคลาสสิก ที่ยังคงความนิยมและยังมีพลังดึงดูดใจนักสะสมและผู้สนใจในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ มาจนทุกวันนี้
The House of Cartier
แบรนด์ Cartier (คาร์เทียร์) ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1847 โดย หลุยส์ ฟรองซัวร์ คาร์เทียร์ (Louis-François Cartier) จุดเริ่มต้นเริ่มขึ้นเมื่อ หลุยส์รับงานเป็นช่างทองฝึกหัด ที่ร้านผลิตเครื่องประดับ Picard ซึ่งเป็นเล็ก ๆ ตั้งอยู่บน ถนน Rue Montorgueil (ถนนมงตอร์เกยล์) บริหารงานโดย Bernard Picard (เบอร์นาร์ค ปิการ์ค) ช่างทำนาฬิกาผู้มีชื่อเสียงในขณะนั้น ซึ่งหลุยส์ทำงานหนักถึง 15 ชั่วโมงต่อวัน แลกกับค่าตอบแทนเพียงเล็กน้อย แต่ผลที่ได้คือเทคนิคและความรู้ต่าง ๆ ที่ถูกถ่ายทอดสู่เขาจนเชี่ยวชาญ
จนกระทั่งปี ค.ศ. 1847 หลุยส์ ได้ซื้อกิจการร้านจิวเวอรี่ ต่อจาก อดอล์ฟ พิการ์ด (Adolphe Picardat) ลูกชายของเบอร์นาร์ค และก่อตั้งเป็นร้านเพชรเล็ก ๆ ในฐานะพ่อค้าและช่างทำนาฬิกาในเวลาเดียวกัน ด้วยฝีมือและความสามารถที่สั่งสมมาระหว่างเป็นเด็กฝึกงาน ทำให้ชื่อเสียงของร้านแผ่กระจายเป็นวงกว้าง ฝีมืออันไร้ที่ติ รวมถึงดีไซน์โดดเด่นไม่เหมือนใคร จึงเริ่มมีบุคคลชั้นสูงมากมายเข้ามาเป็นลูกค้าไม่ขาดสาย
Cartier Boutique แห่งแรก ได้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1859 ตั้งอยู่บนถนน Boulevard des Italiens (บูเลอวาด์ เดส์ ซีตาเลียง) ในช่วงนั้น หลุยส์เกิดความคิดใหม่ ในการนำเครื่องประดับ มาใส่บนนาฬิกา แต่ความคิดก็เป็นอันต้องระงับชั่วคราว เนื่องมาจากภาวะสงคราม ในปี ค.ศ. 1870 ซึ่งฝรั่งเศสพ่ายแพ้ในสงครามต่อรัสเซียทำให้ต้องย้ายร้านบูทีคไปเปิดที่ลอนดอนเป็นการชั่วคราว
ใน ปี ค.ศ. 1872 ช่วงเปิดร้านอยู่ที่ลอนดอน Alfred Cartier (อัลเฟรด คาร์เทียร์) บุตรชายของหลุยส์ ได้เข้าร่วมธุรกิจกับบิดา ซึ่งเขาเป็นผู้สร้างชื่อให้แบรนด์ Cartier เป็นที่รู้จักในวงการธุรกิจเครื่องประดับ ในที่สุด อัลเฟรด ก็ได้รับความไว้วางใจได้รับช่วงบริหารต่อจากบิดา โดยหลุยส์ ยกกิจการทั้งหมดให้อัลเฟรดดูแลต่อ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1874 เป็นต้นมา
คาร์เทียร์ ขยายอาณาจักรไปเรื่อย ๆ ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของทายาทรุ่นต่อ ๆ มาจากจุดกำเนิดในเมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส สู่มหานครลอนดอน ประเทศอังกฤษ ธุรกิจแผ่ขยายไปทั่วยุโรป ข้ามฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติคไปถึงทวีปอเมริกาที่กรุงนิวยอร์ค หลังจากเข้ามารับช่วงต่ออย่างเต็มตัว 3 พี่น้องตระกูลคาร์เทียร์ เริ่มจดสิทธิบัตรให้กับเครื่องประดับต่าง ๆ รวมไปถึง “นาฬิกา” ที่พวกเขาออกแบบ
Cartier Watch
ในเริ่มแรก ธุรกิจของคาร์เทียร์เป็นแบบคนกลาง คือรับสินค้ามาขายต่อลูกค้ามากกว่าสร้างสรรค์ผลงานเอง ซึ่งภายในร้าน จะจำหน่ายเครื่องประดับและศิลปะวัตถุซึ่งรับมาจากช่างฝีมือที่มีชื่อเสียงของปารีส หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1900 เป็นต้นมา คาร์เทียร์จึงได้ผลิตและออกแบบผลงานเองเพื่อจำหน่าย
เป็นการทำงานร่วมกับช่างผู้ผลิต ซึ่งมีทั้งช่างผลิตเครื่องเพชร ผู้ผลิตเครื่องลงยา ผู้ออกแบบเครื่องประดับอัญมณีอย่างเพชรพลอย ส่วนนาฬิกาก็ทำงานร่วมกับกลุ่มช่างที่ผลิตนาฬิกาและนาฬิกาข้อมือให้กับ Cartier สาขาปารีส คือ Edmond Jaeger (เอ๊ดมงด์ เชแชร์ค) และ Maurice Couet (มอว์คริส กูเอ้) หลังจากนั้นแบรนด์คาร์เทียร์ จึงเริ่มผลิตเครื่องประดับและนาฬิกาของตนเองโดย เริ่มจากสาขานิวยอร์คเป็นที่แรก ในปี ค.ศ. 1917 ลอนดอนเป็นสาขาที่สอง และปารีสเป็นสาขาสุดท้ายในปี ค.ศ. 1929 เป็นต้นมา
หลุยส์ คาร์เทียร์ ทายาทรุ่นต่อมา ผู้มีศักดิ์เป็นหลานของหลุยส์-ฟรองซัวร์ ผู้ก่อตั้ง คือบุคคลผู้มีอิทธิพลต่อการออกแบบและพัฒนาผลงานของแบรนด์เป็นอย่างยิ่ง หลุยส์เปิดรับอิทธิพลของศิลปะเกือบทุกยุคสมัย ไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิมที่อยู่ในกรอบ สร้างมิติใหม่ให้กับผลงาน ผสมผสานความคลาสสิกเข้ากับนวัตกรรม โดยมีผลงานสร้างชื่อ คือ การออกแบบนาฬิการุ่น Santos นาฬิกาข้อมือผู้ชายรุ่นแรกของแบรนด์ นาฬิการุ่น Cartier Tank รวมถึงแหวนทอง Trinity
ความคลาสสิกอันยิ่งใหญ่ของหลุยส์ คาร์เทียร์ ซึ่งได้ให้กำเนิดนาฬิกาข้อมืออันมีเอกลักษณ์ในตัวเอง ในช่วงเวลาที่เหล่านาฬิกาพกและนาฬิกาคล้องคอยังคงเป็นที่นิยม เป็นการปูทางสู่การสร้างสรรค์นาฬิการุ่นอื่น ๆ ตามมา และนี่คือ นาฬิกาจากคาร์เทียร์ 6 รุ่น ที่ KATEXOXO ลงความเห็นว่าเป็นนาฬิกาสุดคลาสสิกที่น่าสะสมและน่าครอบครองมากที่สุด
1. Santos de Cartier
นาฬิการุ่น Santos de Cartier ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1904 โดยได้แรงบันดาลใจมาจากเพื่อนนักบินของหลุยส์ชาวบราซิล นามว่า อัลแบร์โต ซานโตส-ดูมงต์ (Alberto Santos-Dumont) ซึ่งมีความต้องการนาฬิกาที่มีน้ำหนักเบา และสวมใส่ได้สะดวกขณะทำการบิน เนื่องจากนาฬิกาแบบพกพา มีขนาดเทอะทะ และไม่สะดวกในการหยิบออกมาดูระหว่างทำการบิน นับได้ว่าเป็นนาฬิกาข้อมือผู้ชายรุ่นแรกของคาร์เทียร์และเป็นเรือนเวลาสำหรับสุภาพบุรุษอย่างแท้จริง
Santos เรือนแรก ถูกสวมใส่ถูกสวมใส่เมื่อครั้ง ซานโตส-ดูมงต์ ขับเครื่องบินสาธารณะเที่ยวแรกของเขาในปี ค.ศ. 1907 ตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมอันโดดเด่นพร้อมตัวเลขโรมันที่จดจำได้ทันที รูปลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยตัวเรือนสแตนเลสพร้อมสายนาฬิกาเหล็กที่เข้าชุดกันและสกรูแบบเปลือยบนกรอบและสายนาฬิกา
ในปี ค.ศ. 2018 คาร์เทียร์เปิดตัวนาฬิกา Santos รุ่นใหม่ ด้วยกลไกที่ได้รับการผลิตและพัฒนาเอง (in-house movement) รูปทรงเส้นสายที่ดูนุ่มนวลกว่าแบบสปอร์ตและขอบที่โค้งมนอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งทำให้นาฬิกาโดยรวมดูไหลลื่นยิ่งขึ้น นักลงทุนนาฬิกาวินเทจหลายท่านให้ความสนใจในการลงทุนกับนาฬิกา Santos ด้วยมันเป็นมรดกแห่งความสำเร็จ ความมุ่งมั่น และความอุตสาหะ โดยมีให้เลือกทั้งแบบระบบควอตซ์ และอัตโนมัติ
นาฬิกา Santos de Cartier ราคาจำหน่ายในตลาดซื้อขายมือสองอยู่ที่ประมาณ $1,200 คิดเป็นเงินไทยประมาณ 40,000 บาท (ราคาจำหน่ายมือหนึ่งอยู่ที่ประมาณ $3,500 หรือ 117,000 บาท) รุ่นอื่น ๆ ของ Santos ที่ได้รับความนิยมได้แก่ Santos Galbee ราคาอยู่ที่ประมาณ $1,800 และรุ่น Santos 100 ราคาอยู่ที่ประมาณ $2,500
2. Cartier Tank watches
นาฬิการุ่น Cartier Tank Watch เป็นนาฬิกาที่ หลุยส์ คาร์เทียร์ ได้ทำการออกแบบขึ้น เมื่อปี ค.ศ. 1916 โดยได้แรงบันดาลใจมาจากตัวรถถังเบารุ่น Renault FT-17 ที่ใช้ในแนวรบตะวันตกในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ลักษณะของตัวนาฬิกาถูกออกแบบให้ดูภูมิฐาน สง่างาม ด้วยเอกลักษณ์นาฬิการูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งนาฬิกาในยุคนั้น ยังนิยมทำหน้าปัดเป็นทรงกลม ทำให้ Cartier Tank โด่งดังไปทั่วโลก
นาฬิกา Cartier Tank เรือนแรก ได้ถูกมอบให้เป็นของขวัญ เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะในสงครามให้แก่นายพลอเมริกัน นามว่า John Pershing (จอห์น เพอซิง) นายใหญ่ผู้บังคับบัญชากองทัพ American Expeditionary Force ก่อนจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่อปี ค.ศ. 1919 โดยรุ่นที่ถูกผลิตในช่วงแรก มีชื่อรุ่นว่า Tank Normale ซึ่งใช้ตัวเลขโรมัน มีจุดบอกเวลานาทีเป็นรูปรางรถไฟ ใช้สายหนังแท้ และเม็ดมะยมทำจากแซฟไฟร์เจียระไนเป็นรูปหลังเบี้ย
Cartier Tank ไม่ใช่เพียงแค่นาฬิกาข้อมือธรรมดาที่ไว้สวมใส่ในชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่ความงามที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความคลาสสิก ยังเพิ่มคาแร็กเตอร์และเสน่ห์ให้กับสไตล์สุภาพบุรุษอีกด้วย นั่นจึงทำให้นาฬิการุ่นนี้เปรียบเสมือนต้นแบบ หรือ “Epitome” ให้กับนาฬิกาทรงสี่เหลี่ยมหลายต่อหลายรุ่นในระยะเวลาต่อมา ที่เดินตามรอยงานดีไซน์ของ Cartier Tank กับเอกลักษณ์เป็นคานทรงเหลี่ยมสองชิ้นที่ประกบตัวเรือน โดยที่การประกอบตัวเรือนกับสายนาฬิกาต้องกลมกลืนจนเกือบจะเป็นเส้นเดียวกัน
Cartier Tank มีให้เลือกทั้งรุ่น สตีล (Steel) , โรสโกลด์ (rose gold) , เยลโลว์โกลด์ (yellow gold) , ไวท์โกลด์ (white gold) และแพลเลเดียม (palladium) ทั้งระบบควอตซ์ (quartz) และอัตโนมัติ นาฬิกา Catier Tank รุ่นที่ได้รับความนิยมในตลาดซื้อขายมือสองได้แก่ รุ่นคลาสสิกอย่าง Tank Solo และ Tank Louis
เสน่ห์ของนาฬิการุ่นนี้ในปัจจุบัน คือยังคงรูปลักษณ์การออกแบบดั้งเดิมไว้ เหมือนเมื่อครั้งเพิ่งเปิดตัวเมื่อปี ค.ศ. 1917 ดังนั้น นาฬิการุ่นนี้ จึงได้รับความนิยมและเป็นที่ปรารถนาอย่างมาก ในวงการนักสะสมนาฬิกาวินเทจ สำหรับรุ่น yellow gold ทองคำ 18K ขับเคลื่อนด้วยระบบควอตซ์ นั้น ราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ $10,000 ในรุ่น manually ราคาอยู่ที่ประมาณ $34,000 รุ่นที่ได้รับความนิยมทั่วไปอย่าง Tank Solo ราคาอยู่ที่ประมาณ $2,300 สำหรับระบบควอตซ์ หรือเพิ่มอีก $700 สำหรับระบบอัตโนมัติ
3. Panthère de Cartier
เรือนเวลาที่เป็นทั้งเครื่องบอกเวลาและเครื่องประดับ Panthère De Cartier นาฬิการุ่นที่มีความโดดเด่นที่สุดเรือนหนึ่งจาก Cartier คำว่า Panthère (ปองแตร์) ในภาษาฝรั่งเศสมีความหมายว่า “เสือดำ” ซึ่งทราบกันดีว่าเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์คาร์เทียร์ ย้อนไปช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เสือดำถือได้ว่าเป็นงานศิลปะที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุโรปยุคกลาง เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความเป็นพรหมจรรย์ ความอกเอาใจ และความรักจากสวรรค์
เสือดำ ถูกนำมาเป็นสัญลักษณ์ประจำแบรนด์ครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1914 เมื่อ หลุยส์ คาร์เทียร์ ได้สั่งภาพสีน้ำจากจิตรกรชาวฝรั่งเศสนามว่า George Barbier ภายใต้ชื่อภาพ “Dame à la Panthère” เป็นภาพหญิงสาวสวมใส่สร้อยเพชรเส้นยาวที่คอ โดยมีเสือดำใส่ปลอกคอประดับเพชรนอนหมอบอยู่แทบเท้าหญิงสาวผู้นั้น หลุยส์ประทับใจภาพวาดนี้มาก จึงนำเสือดำมาเป็นสัญลักษณ์ประจำแบรนด์ หลังจากปีนั้น cartier ก็ปล่อยนาฬิกาเรือนแรก ที่ได้แรงบันดาลใจจากเสือดำ โดยมีเอกลักษณ์คือ สายข้อมือที่มีสีคล้าย ๆ กับขนของเสือดำ
คาร์เทียร์ตั้งใจสร้างสรรค์นาฬิการุ่นนี้ขี้น ให้มีความหมายมากกว่าความเป็นงานศิลปะ ด้วยตัวเรือนทรงเหลี่ยมมุมบน เส้นสายที่กลมกลืนอย่างไร้รอยต่อของตัวเรือนและสายนาฬิกา รวมถึงหมุดตอกที่เห็นบนกรอบตัวเรือน ผสานทั้งความคมชัดและอ่อนช้อยอย่างลงตัว ทำให้เรือนเวลารุ่นนี้ เปรียบเสมือนเครื่องประดับไปในตัว อีกทั้งนาฬิการุ่นนี้ ยังมีชื่อเดียวกับกำไลข้อมือ ซึ่งสะท้อนความเคลื่อนไหวของเสือแพนเตอร์
สายข้อมือแบบ 5-link อันหรูหราโอบรอบข้อมือ สร้างลุคที่จดจำและประณีตได้ในทันที อีกทั้งบางรุ่นยังประดับด้วยอัญมณีและโลหะล้ำค่า เช่น 18K พิงค์โกลด์ (18k pink gold) , เยลโลว์โกลด์ (yellow gold) และเคลือบสีดำ (black lacquered finishes) และเนื่องจากเป็นนาฬิกา Unisex จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นอกจากนี้นาฬิการุ่นนี้ ยังถูกนำมาตีความใหม่ในปี ค.ศ. 2017 เป็นตัวแทนของความเป็นอิสตรีที่เปี่ยมสุข เด็ดเดี่ยวและเป็นอิสระ นาฬิการะบบควอตซ์ (quartz) ในตลาดซื้อขายมือสอง อยู่ที่ประมาณ $2,000
4. Calibre de Cartier
เปิดตัวครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ. 2010 หน้าปัดทรงกลมขนาด 42 มิลลิเมตร พร้อมด้วยสายหนัง รูปแบบของตัวเรือนมีความสปอร์ต ตัวเรือนอันกว้างขวาง ตัวเชื่อมสายโค้งสี่ด้านซึ่งขยายกว้างขึ้น และฝังเชื่อมอย่างลงตัวเข้ากับชิ้นส่วนตัวเรือนกลางทรงกระบอก ขอบหน้าปัดที่เรียบลื่น มาพร้อมกับลักษณะการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็น เข็มนาฬิการูปดาบ ตัวบอกนาทีที่คล้ายกับทางรถไฟ ตำแหน่งบอกชั่วโมงด้วยเลขโรมัน เป็นการผสมผสานการความสมดุลระหว่างความเข้มแข็งและละเอียดอ่อนได้อย่างลงตัว
นาฬิกาสำหรับสุภาพบุรุษ ขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติชุดแรก ที่ผลิตขึ้นทั้งหมดโดย Cartier 1904-พีเอส เอ็มซี (1904-PS MC) เป็นนาฬิการุ่นแรกที่ขับเคลื่อนโดยกลไกการผลิตแบบอัตโนมัติ โดยที่ “MC” ย่อมาจาก “Manufacture Cartier” และ “PS” หมายถึง “วินาทีเล็ก ๆ” หรือวินาทีที่วิ่ง กลไก MC แบบไขลานอัตโนมัติรุ่น 1904-PS ที่ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง สำรองพลังงานได้ 48 ชั่วโมง พร้อมเข็มชั่วโมงและนาทีตรงกลาง หน้าปัดย่อยวินาทีที่วิ่ง และหน้าต่างวันที่
เป็นที่ชัดเจนว่า Calibre de Cartier เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ ด้วยการผสมผสานที่น่าดึงดูดใจระหว่างลุคสปอร์ต ไหวพริบในการออกแบบของคาร์เทียร์ และการเคลื่อนไหวภายใน คอลเล็กชั่น Calibre de Cartier นั้นมีอะไรให้ค้นหามากมาย มีจำหน่ายในรุ่น ขนาด วัสดุ และสีสันที่หลากหลาย Calibre de Cartier เป็นคอลเล็กชันนาฬิกา ที่หลากหลายซึ่งให้ความสนใจกับกลไกภายในมากพอ ๆ กับการออกแบบภายนอก
นาฬิกาแนวสปอร์ตเหล่านี้แสดงถึงเทคนิคของคาร์เทียร์และให้ความรู้สึกสง่างามเมื่อสวมใส่ ทำให้เป็นที่ต้องการอย่างมากสำหรับสุภาพบุรุษแนวสปอร์ต นักธุรกิจมืออาชีพ และผู้ชื่นชอบเทคโนโลยี สำหรับราคาจำหน่ายในตลาดซื้อขายมือสองจากคอลเล็กชั่นดั้งเดิม ในสภาพดี ราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ $4,000 เป็นเงินไทยประมาณ 132,000 บาท
5. Ballon Bleu de Cartier watch
บัลลอง เบลอ (Ballon Bleu) เปิดตัวครั้งแรก ในปี ค.ศ. 2007 เป็นการผสมผสานงานฝีมือทางเทคนิคด้านการผลิตนาฬิกาเข้ากับความรู้ในด้านการผลิตเครื่องประดับชั้นดี ที่เปล่งประกายงดงามได้บนข้อมือของสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี นาฬิกาทรงกลมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา เป็นหนึ่งในนาฬิการุ่นที่ได้รับความนิยมและน่าสะสมที่สุดของ Cartier
เมื่อมองจากด้านบน ตัวเรือนเป็นทรงกลม ตัวเชื่อมสั้น และขอบหน้าปัดนูน กระจกหน้าปัดขยายความโดดเด่นให้กับตัวเลขโรมันและการแสดงเวลา หน้าปัดแกะลายกิโยเช่ (Guilloche) ยังเสริมแต่งด้วยเข็มชี้ทรงดาบ กับข้อเชื่อมสายทำจากทองหรือสตีลขัดด้านภายในสายสร้อยข้อมือ คริสตัลและกรอบสร้างส่วนโค้งที่ต่อเนื่องบนตัวเรือนด้านหลัง จักรกลไขลานที่ตกแต่งด้วยแซฟไฟคาโบชอง (sapphire cabochon) เสมือนโคจรอยู่รอบหน้าปัดและโดดเด่นมากกว่าที่เคยด้วยโลหะทรงโค้งซึ่งคอยปกป้องเม็ดมะยมไขลานอันล้ำค่า
ในรุ่นธรรมดา ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ มีให้เลือกทั้งแบบเหล็ก , สีทอง และแบบเหล็กสีทอง (steel and gold) โดยมีให้เลือกทั้งสายหนังและสายโลหะ บนขนาดหน้าปัดเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 36, 39, 40, 42, 44 และ 46 มิลลิเมตร
สำหรับรุ่นที่โดดเด่น ได้แก่ Ballon Bleu Flying Tourbillon เป็นนาฬิกาเรือนแรกที่มีกลไกการทำงานที่ซับซ้อนของการผลิตของ Cartier ที่ได้รับการรับรองจาก Geneva Hallmark จากนั้นในปี ค.ศ. 2009 คาร์เทียร์ได้เลือก Ballon Bleu เป็นต้นแบบของ ID One ซึ่งเป็นนาฬิกาต้นแบบรุ่นแรก อันเป็นสุดยอดของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในอุตสาหรรมนาฬิกา และรุ่นที่น่าสนใจที่สุด คือ Ballon Bleu Extra Flat กับจุดเด่นด้วยความบางของตัวเรือนเพียง 7.05 มิลลิเมตร (จากปกติ 13 มิลลิเมตร)
6. The Baignoire watch
แบนัวร์ (Baignoire) นาฬิกาสำหรับสุภาพสตรีที่เป็นเสมือนผลงานอ้างอิงถึงความเป็นผู้หญิงตลอดกาล การออกแบบอันงามสง่าที่ยืนหยัดเหนือกาลเวลา เปรียบเสมือนอัญมณีอันล้ำค่าของฝรั่งเศสมาจนถึงทุกวันนี้ ผลงานสร้างสรรค์สไตล์ปารีเซียงสูงสุดของ Cartier โดยนาฬิการุ่น Baignoire ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงทศวรรษ 1950
ตั้งชื่อตามฝรั่งเศส มีความหมายว่า bathtub หรืออ่างอาบน้ำ ต้นกำเนิดของนาฬิการุ่นนี้ ต้องย้อนไปเมื่อปี ค.ศ. 1912 เมื่อหลุยส์ มีความต้องการที่จะสร้างสรรค์นาฬิกาที่แตกต่างจากนาฬิกาทรงกลมปกติโดยทั่วไป โดยการทดลองนำโครงสร้างตัวเรือนแบบกลม มาทำการยืดออก ก่อเกิดนาฬิกาที่มีเส้นตรงสองเส้นขนานกันที่เชื่อมเข้าด้วยกันด้วยเส้นโค้งสองเส้นที่ก่อตัวเป็นรูปทรงวงรีคล้ายอ่างอาบน้ำ จึงทำให้นาฬิการุ่นนี้มีชื่อเรียกว่า Baignoire ซึ่งแปลว่า “อ่างอาบน้ำ” ในภาษาฝรั่งเศส
ดีไซน์ของนาฬิกา ค่อย ๆ ได้รับการพัฒนาเรื่อยมา ก่อนจะกลายมาเป็นนาฬิการูปทรงไข่ ยอดนิยมในช่วงปี 1950s โดดเด่นด้วยขอบตัวเรือนทอง หน้าปัดประดับด้วยตัวเลขอารบิคหรือเลขโรมัน เมื่อเข้าสู่ยุค 1960s ตัวเรือนได้รับการปรับปรุงอีกครั้ง ให้มีขนาดยาวและรีมากขึ้น ภายใต้ชื่อรุ่น Baignoire Allongée จึงขึ้นแท่นกลายเป็นนาฬิกาเรือนโปรดของเหล่าสุภาพสตรีมีสไตล์หลายท่าน ไม่ว่าจะเป็น กาทรีน เดอเนิฟว์ (Catherine Deneuve) , ฌาน มอโร (Jeanne Moreau) , โรมี่ ชไนเดอร์ (Romy Schneider) และเมลานี โลรองต์ (Mélanie Laurent)
ล่าสุด Cartier ได้นำ Baignoire รุ่นปี 1958 และ Baignoire Allongée มาตีความใหม่ ให้เหมาะกับสาว ๆ ในยุคศตวรรษที่ 21 ตัวเรือนมีความเพรียวมากขึ้น สายรัดข้อมือมีขนาดเล็กลง พร้อมเลขโรมันดีไซน์ใหม่ ประดับอยู่บนหน้าปัดสีขาวขัดด้าน ความสามารถในการกันน้ำลึกได้ถึง 30 เมตร แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ความงดงามดั้งเดิม ความลงตัวของเส้นสายและดีไซน์อันเรียบง่ายแต่มีมิติ พร้อมด้วยกราฟิกและวงรีสีเหลืองทองเย้ายวนใจ
ยากนักที่จะปฏิเสธว่า แบรนด์คาร์เทียร์ คือหนึ่งในแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์ทางด้านการสร้างสรรค์และดีไซน์ ส่องประกายผ่านผลงานมากมายทั้งคอลเล็กชั่นเครื่องประดับและเรือนเวลาอันแสนงดงาม อีกทั้งยังสะท้อนถึงตัวตนที่ยึดมั่นมาอย่างยาวนานตั้งแต่คราวก่อตั้ง ด้วยเส้นสายบริสุทธิ์อันแม่นยำ ความคลาสสิก ที่ได้กลายมาเป็นตราประทับ อันตราตรึงปรากฏในผลงานระดับตำนานต่าง ๆ
นาฬิกา Cartier vintage watch ยังคงเป็นที่ต้องการอย่างมากในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบและหลงไหลในความงามของมัน เรื่องราวของความสำเร็จ ความใส่ใจในรายละเอียดอย่างแน่วแน่โดยใช้วัสดุชั้นยอดและการผลิต ความซับซ้อนอันไร้ที่ติ ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนตัวยงของ Tank, Drive de Cartier ที่เน้นการแข่งขัน หรือนักบินที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนาฬิกา Santos นาฬิกา Cartier จะยังคงมีคุณค่าอยู่เสมอ เรื่องราวของนาฬิกาแต่ละรุ่น ประวัติศาสตร์อันงดงาม จะยังคงไว้ซึ่งเสน่ห์ ที่จะส่งต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น ไม่รู้จบ
รัก
xoxo