Bugatti 5 ตัวTop หรู เร็ว แรง ที่สุดของ Hypercar – Bugatti (บูกัตติ) แบรนด์รถ Hypercar ในตำนานที่เคยครองตำแหน่งรถที่เร็วและแพงที่สุดในโลก ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องเครื่องยนต์ รวมถึงสมรรถนะที่ทั้งเร็ว แรง เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบความเร็วเป็นชีวิตจิตใจ อีกทั้งยังเป็นแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ที่เหล่าคน Luxury ต่างหมายตาต้องใจ ด้วยวัสดุระดับคุณภาพ และช่วงล่างที่แข็งแกร่ง วันนี้เราได้นำที่สุดของ Hypercar มาให้รู้จักกัน Bugatti 5 ตัวTop จะน่าสนใจแค่ไหนนั้น ไปดูพร้อม ๆ กันเลย
Bugatti Veyron
รถสปอร์ต 2 ประตู สมรรถนะสูง เครื่องยนต์วางกลางลำ เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 2005 ที่งาน Tokyo Motor Show ออกแบบโดย Jozef Kaban นักออกแบบรถยนต์ชาวสโลวาเกีย โดยชื่อรุ่นมาจากชื่อของ Pierre Veyron นักทดสอบรถ Bugatti และเป็นผู้ชนะการแข่งขัน 24 Hours of Le mans ในปี ค.ศ. 1939 ดีไซน์ภายนอกตัวรถมาพร้อมกับสีดำด้าน ล้อสีดำ คาลิเปอร์เบรกสีแดง ภายในตกแต่งด้วยหนังสี Carmine Red พร้อมติดตั้งวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ตามจุดต่าง ๆ อีกทั้งยังมีพรมปูพื้นสี Carmine Red ที่เข้าชุดกัน
Bugatti Veyron รุ่น Super Sport เคยได้รับการบันทึกลงกินเนสบุ๊คว่าเป็นรถที่เร็วที่สุดในโลก ด้วยสถิติความเร็วสูงสุด 431 กม./ชม. บนสนามทดสอบ Ehra-Lessien ในปี ค.ศ. 2010 ซึ่งถูกผลิตขึ้นเพียง 48 คันเท่านั้น โดยในรุ่นแรกมาด้วยเครื่องยนต์ W16 กำลัง 1,001 แรงม้า สร้างความเร็วสูงสุด 408 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนราคาขายของรถยนต์รุ่นนี้ เริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 165 ล้านบาท
Bugatti Chiron
เปิดตัวครั้งแรกที่ งานเจนีวามอเตอร์โชว์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ในปี ค.ศ. 2016 เป็นการต่อยอดมาจากรถยนต์รุ่น Veyron ที่หมายมั่นปั้นมือเหลือเกินว่าจะสามารถทำลายกำแพง 300 ไมล์/ชั่วโมง ที่ยังไม่เคยมีใครพิชิตได้สำเร็จ โดยสถิติก่อนหน้านี้ก็เป็นของ Bugatti Veyron ความพิเศษของมันคือเครื่องยนต์ที่แรงขึ้นกว่าเดิม รวมถึงโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาทั้งคัน
Bugatti Chiron มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด W16 กำลังสูงสุด 1,500 แรงม้า ทำความเร็วได้สูงสุด 480 กิโลเมตร/ชั่วโมง ถูกผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 500 คัน โดยราคาขายอยู่ที่ประมาณ 120 ล้านบาท และหนึ่งในบุคคลผู้ที่ได้เป็นเจ้าของ นั่นก็คือ “คริสเตียโน่ โรนัลโด้” นักฟุตบอลชื่อดังเจ้าของ 5 รางวัลบัลลงดอร์ชาวโปรตุเกส นั่นเอง
Bugatti Divo
เปิดตัวในปี ค.ศ. 2019 โดยตั้งชื่อตาม Albert Divo นักแข่งที่ชนะในการแข่งขัน Targa Florio ถึง 2 ปีซ้อน ในปี ค.ศ. 1928 – 1929 ถูกพัฒนาบนพื้นฐานเดียวกันกับรุ่น Chiron มาพร้อมตัวถังที่ออกแบบให้สามารถสร้างแรงกดอากาศ (Downforce) ได้ถึง 456 กิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากรุ่น Chiron ถึง 90 กิโลกรัม ขุมพลังของ Bugatti Divo เป็นเครื่องยนต์แบบเบนซิน W16 ความจุ 8.0 ลิตร ส่งกำลังสูงสุดที่ 1,500 แรงม้า ความเร็วสูงสุดจะอยู่ที่ 380 กิโลเมตร/ชั่วโมง
พร้อมปรับชิ้นส่วนต่าง ๆ เพื่อให้อากาศไหลเวียนได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นสปอยเลอร์ด้านหน้า , ช่องระบายอากาศสำหรับเบรก , ดิฟฟิวเซอร์ที่ออกแบบเพื่อรองรับปลายท่อไอเสีย 4 ท่อ , สปอยเลอร์หลังขนาด 1.83 เมตร ที่สามารถปรับองศาและความสูงได้ เป็นต้น ทั้งนี้ Bugatti Divo ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 40 คันเท่านั้น และถูกวางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 5 ล้านดอลลาร์ หรือราว 190 ล้านบาท ซึ่งราคานี้ยังไม่รวมภาษีนำเข้าไทย
Bugatti Centodieci
รถยนต์รุ่นฉลองครบรอบ 110 ปี ของแบรนด์ Bugatti โดยเปิดตัวเมื่อเดือนสิงหาคม ปี ค.ศ. 2019 โดยผลิตมาออกเพียง 10 คันในโลกเท่านั้น ดีไซน์หลักแม้ยืนบนพื้นฐาน Bugatti Chiron แต่ในรายละเอียด Bugatti Centodieci ยก Signature ของ Bugatti EB110 ไฮเปอร์คาร์ของ Bugatti ในยุค 90’s มาครบแบบไม่ขาดตกบกพร่อง เครื่องยนต์ W16 ขนาดความจุ 8.0 ลิตร เทอร์โบ 4 ตัว กำลัง 1,600 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุด 380 กิโลเมตร/ชั่วโมง
Bugatti Centodieci เป็นไฮเปอร์คาร์รุ่นพิเศษ เน้นความเป็น Art Piece ผลิตมาเพียง 10 คันเท่านั้น และถูกจองหมดแล้วก่อนที่จะมีการเปิดตัวในงาน Pebble Beach เสียอีก Bugatti Centodieci มาในราคาแพงระยับ 8.9 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 274.2 ล้านบาท ซึ่งราคาดังกล่าว ยังไม่รวมภาษี
Bugatti La Voiture Noire
ในปี ค.ศ. 2019 ได้มีการเปิดเผยตัวรถ Hypercar ตัวแรงต้นแบบ Bugatti la Voiture Noire เพื่อระลึกถึงรถ Bugatti Type 57 SC Atlantic หรือ รถสีดำ ที่หายไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นรถที่ต่อยอดมาจาก Bugatti Chiron ใช้เครื่องยนต์แบบ W16 8.0 ลิตร Quad-turbocharged (Turbo 4 ลูก) ให้กำลังได้สูงสุด 1,500 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,600 นิวตันเมตร และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 420 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ผลิตมาจำหน่ายเพียงคันเดียวเท่านั้น และหลังจากการแสดงตัวได้ไม่นาน ก็มีการแจ้งจากทางบูกัตติว่า รถคันนี้ได้ถูกขายออกไปเรียบร้อยแล้ว โดยลูกค้าคนสำคัญที่สุดคนหนึ่งของทางค่าย แต่ไม่มีการเปิดเผยออกมาแต่อย่างใด ด้วยราคา 11 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 395 ล้านบาท ยังไม่ได้รวมภาษีในไทย ซึ่งถือว่าเป็นรถยนต์ที่แพงที่สุดในโลก
ไฮเปอร์คาร์ ถือเป็นหนึ่งในรถที่หลายคนให้ความสนใจ ทั้งเรื่องของสมรรถนะสูง มีพละกำลังแบบเต็มสูบ ความเร็วแบบทะลุทะลวง และมีการผลิตในจำนวนจำกัด หรือเป็น Top of the Line รุ่นสูงสุด อีกทั้งยังขึ้นชื่อเรื่องของ “ราคาที่สูง” แต่กลับไม่เป็นอุปสรรคใด ๆ ต่อคนที่ชื่นชอบรถไฮเปอร์คาร์ ซึ่งนับว่าเป็นรถที่เหล่านักสะสมรถหมายปองอยากครอบครอง ด้วยความหายากและเป็นที่ต้องการในตลาด ทำให้มูลค่าในตัวของมันสูงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าทางค่ายจะออกรถรุ่นไหนออกมา ก็ถูกจับจองหมดแล้วแม้ยังไม่วางจำหน่ายก็ตาม