Birkin Himalayan อีกหนึ่งกระเป๋าที่ขึ้นชื่อถึงความหายากที่สุดรุ่นหนึ่งของโลก คนส่วนใหญ่อาจคุ้นเคยกับกระเป๋ายอดนิยมรุ่น Birkin จากแบรนด์ระดับโลกอย่าง Hermes หนึ่งในสุดยอดกระเป๋าในฝันของสาว ๆ ที่มาพร้อมกับชื่อเสียง ดีไซน์ที่หรูหรา และเปรียบเสมือนเครื่องบ่งบอกฐานะทางสังคมและการเงินในปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวของความพิเศษ ที่ไม่ใช่ว่าแค่มีกำลังทรัพย์จะสามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย ๆ บทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับกระเป๋าที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Birkin รุ่นที่มีราคาประมูลแพงที่สุดในโลก “Birkin Himalayan” อะไรอยู่ภายใต้ความหรูหราที่มีราคาค่าตัวบันทึกไว้สูงสุดถึง 8 หลัก
The History of Hermes Birkin
กระเป๋ารุ่น Birkin ถือกำเนิดครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1981 โดยเหตุบังเอิญของการพบกันระหว่าง เจน เบอร์กิ้น (Jane Birkin) นักแสดง นางแบบชาวอังกฤษ กับ ฌอง หลุยส์ ดูมาร์ (Jean-Louis Dumas) ผู้บริหารระดับสูงของแอร์เมสในขณะนั้น ซึ่งทั้งคู่พบกันบนเที่ยวบินหนึ่งซึ่งเดินทางจากกรุงปารีสไปยังกรุงลอนดอน ตำนานของกระเป๋า Birkin ถือกำเนิดขึ้นหลังจากนั้น
เจน เบอร์กิ้น เป็นคนที่นิยมการพกพาตะกร้าสานติดตัวไปไหนต่อไหนเป็นประจำ ซึ่งตะกร้าสานนี้ถือเป็นกระเป๋าประจำตัวของเธอ ในครั้งนั้น จากความพยายามที่จะยัดตะกร้าสานเพื่อเก็บในช่องเก็บของเหนือศีรษะ แต่สุดท้ายแล้วตะกร้าของเธอก็พลิกคว่ำหล่นลงมาอย่างไม่เป็นท่า เป็นเหตุให้ข้าวของในกระเป๋าหล่นออกมากระจัดกระจาย
ฌอง หลุยส์ ดูมาร์ สังเกตเห็นดังนั้น เขาจึงยื่นข้อเสนอที่จะออกแบบกระเป๋าแบบใหม่ให้แก่เธอ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของบทสนทนาทั้งหมด และถือเป็นการกำเนิด Birkin Bag ในตำนาน จากการสเก๊ตภาพต้นแบบของกระเป๋าที่ถูกวาดบนถุงกระดาษ สำหรับใส่อาเจียนบนเครื่องบิน
The Himalayan Birkin
กระเป๋ารุ่นนี้ มีชื่อเต็มว่า Hermès Himalayan Crocodile Birkin ตัวกระเป๋าทำจากหนังจระเข้ประเภท Nilo หรือ Niloticus ซึ่งเป็นจระเข้ที่ถูกเลี้ยงในแถบแม่น้ำไนล์ของประเทศซิมบับเว ทวีปแอฟริกา มีลักษณะผิวด้าน รูปแบบลายขนาดใหญ่ที่ชัดเจน ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงในการนำมาใช้อุตสาหกรรมแฟชั่น กระเป๋าที่ผลิตจากหนังของจระเข้ชนิดนี้ จะมีการทำสัญญลักษณ์บนตัวกระเป๋าเป็นรูป “••” โดยจะปรากฏอยู่ถัดจากโลโก้ HERMÉS ทางด้านหน้าของกระเป๋า อะไหล่ของกระเป๋ารุ่นนี้จะมีทั้งอะไหล่สีทองและสีเงิน Palladium
คำว่า “Himalaya” เป็นชื่อโทนสีของกระเป๋า เทคนิคการไล่ระดับสีของกระเป๋าที่สวยงามไม่เหมือนใคร ตั้งแต่สีเทาควันบุหรี่ สีเบจ ไล่ไปจนถึงสีขาว ประหนึ่งไข่มุกบริสุทธิ์ อันเปรียบเสมือนยอดเขาหิมาลัยที่มีหิมะปกคลุมยอดเขา ในส่วนที่เป็นสีขาวนั้นเป็นส่วนที่ต้องใช้ความพิถีพิถันและเป็นส่วนที่ยากที่สุด
อันเนื่องมาจากต้องมีการฟอกสีหนังธรรมชาติออกให้หมด ทำให้กระบวนการผลิตกระเป๋ารุ่นนี้ต้องใช้ความชำนาญอย่างสูง รวมทั้งเทคนิคพิเศษต่าง ๆ ของช่างทำกระเป๋าที่ต้องมีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี จึงจะได้รับอนุญาตให้ผลิตกระเป๋ารุ่นนี้ได้ โดยช่าง 1 คนจะใช้เวลาทั้งหมด 48 ชั่วโมงในการผลิตกระเป๋า Birkin 1 ใบ รวมทั้งใน 1 ปี จะได้รับการผลิตแค่ 1 ถึง 2 ใบเท่านั้น
สำหรับรายละเอียดของหนังจระเข้ที่นำมาตัดเย็บกระเป๋ารุ่นนี้นั้น เป็นหนังจากจระเข้สายพันธุ์แม่น้ำไนล์ จากฟาร์มจระเข้ของ Hermès โดยสร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้พื้นผิวหนังของจระเข้มีลวดลายที่สวยงามและสมบูรณ์ เช่น การใช้ทรายเนื้อละเอียดเพื่อป้องกันการขีดข่วนของหนัง อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ราคาของกระเป๋ารุ่นนี้มีราคาที่สูงมาก ได้แก่ กระบวนการฟอกสีหนังให้เป็นสีขาวขุ่นเฟดไปจนเป็นสีควัน เสมือนดังเทือกเขาหิมาลัยที่ปกคุลมไปด้วยหิมะ อันเป็นที่มาของชื่อกระเป๋ารุ่นนี้
กระบวนการฟอกนี้ จะต้องใช้ความชำนาญการของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะและใช้เวลานานในการผลิต เริ่มตั้งแต่การเลี้ยงจระเข้จนโตสมบูรณ์พอจะนำหนังมาใช้ คัดเลือกหนังที่สวยงามให้ได้มาตรฐาน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ บางปีก็แทบจะไม่มีการผลิตกระเป๋ารุ่นนี้ออกมาเลย แม้แต่ลูกค้าชั้นดีของ Hermes อาจใช้เวลาถึง 6 ปี ในการรอคอย และไม่มีการการันตีใด ๆ ถึงการจะได้ครอบครอง ฉะนั้นวิธีที่จะได้กระเป๋ารุ่นนี้มาโดยเร็วที่สุดก็คือ การประมูลนั่นเอง
Auction Records
วันที่ 30 พฤษภาคม ปี ค.ศ. 2016 บริษัทประมูล Christie ที่ฮ่องกง เฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีของบริษัท ได้ทำการประมูลกระเป๋า Himalaya Niloticus Crocodile Diamond ขนาด 30 เป็นกระเป๋าที่ผลิตเมื่อปี ค.ศ. 2008 อะไหล่ของกระเป๋าเป็นทองคำขาว 18K ประดับด้วยเพชรทั้งหมด 245 เม็ด มีน้ำหนัก 9.84 กะรัต ถูกประมูลไปในราคา $300,168 หรือประมาณ 10.5 ล้านบาท
ในเดือน พฤษภาคม ปี ค.ศ. 2017 กระเป๋ารุ่นนี้ได้ทำลายสถิติการประมูลอีกครั้ง จากบริษัทประมูลเดียวกัน ด้วยราคาการประมูลที่สูงถึง $380,000 หรือประมาณ 13.55 ล้านบาท ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของผู้ประมูล โดยกระเป๋าถูกขนานนามว่าเป็น “The Holy Grail of Handbag” มีความหมายเป็นประหนึ่งถ้วยศักดิ์สิทธิ์ของกระเป๋าถือทั้งมวล ด้วยความหายากและความหรูหราของมัน ตัวอะไหล่ทำจากทองคำขาว 18K ประดับประดาด้วยเพชรถึง 205 เม็ด น้ำหนักเพชร 10.23 กะรัต เป็นกระเป๋าขนาด 30 ผลิตในปี ค.ศ. 2014
ในเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ. 2018 กระเป๋ารุ่นนี้ถูกประมูลอีกครั้ง กับอะไหล่ทองคำขาว 18K และตัวล็อคประดับเพชร เป็นกระเป๋าที่ผลิตเมื่อปี ค.ศ. 2008 ใบนี้มีขนาด 35 ในงานประมูลของบริษัท Christie ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ด้วยราคาประมูล £162,500 หรือประมาณ 5.7 ล้านบาท ซึ่งถือได้ว่าเป็นการประมูลกระเป๋าที่มีราคาสูงที่สุดในประวัติศาสตร์การประมูลในแถบทวีปยุโรปขณะนั้น
อีกครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 12 เดือนธันวาคม ในปีเดียวกัน (ปี ค.ศ. 2018) สถิติก่อนหน้านั้นได้ถูกทำลายลงด้วย กระเป๋า Himalayan ขนาด 35 ผลิตเมื่อปี ค.ศ. 2010 กับอะไหล่ทองคำขาว 18K ประดับเพชร ด้วยราคาประมูลที่ £236,750 หรือประมาณ 8.3 ล้านบาท
An Exclusive Item at all time
ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน Birkin จะถือได้ว่าเป็นกระเป๋าสุด Exclusive และเป็นที่ต้องการมากที่สุด แต่จุดเริ่มแรกของมันไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนักหลังจากออกจำหน่ายครั้งแรก จนกระทั่งถึงช่วงกลางยุค 90s กระเป๋า Birkin จึงกลายเป็น It Bag แห่งยุค เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงสถานะทางสังคมและอำนาจทางการเงินอย่างแท้จริง ทำให้กระเป๋าที่เคยขายในราคา $12,000 ขยับราคาขึ้นไปที่ $50,000
มีรายงานว่า วิคตอเรีย เบกแฮม (Victoria Beckham) เป็นเจ้าของคอลเลกชั่นกระเป๋ารุ่น Birkin กว่า 100 ใบ รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 60 ล้านบาท รวมถึง เจมี่ ชัว (Jamie Chua) นักลงทุนและนักธุรกิจสาวชาวสิงคโปร์ ซึ่งถือว่าเป็นนักสะสมกระเป๋ารุ่นนี้มากที่สุดในโลก โดยเธอมีเบอร์กินในครอบครองมากกว่า 200 ใบ
สำหรับในเมืองไทย ดารานางเอกชื่อดัง อั้ม พัชราภา ก็เป็นเจ้าของ Hermès Birkin Himalayan สนนราคาเกือบ 4 ล้านบาท ด้วยเช่นกัน รวมทั้ง เอ ศุภชัย ผู้จัดการดาราชื่อดัง ส่วนอีกคนไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นคือ พญ.ของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ แห่งของขวัญคลินิก ซึ่งเคยประกาศว่าเป็นผู้ที่สะสมกระเป๋า Hermès ไว้มากที่สุดในประเทศไทย
Himalayan Birkin มีสถิติขายรีเซลด้วยราคาที่แพงที่สุด และขึ้นแท่นเป็นกระเป๋าที่ราคาแพงที่สุดในโลก เมื่อปี ค.ศ. 2019 ด้วยราคาที่สูงถึง $500,000 หรือเป็นเงินไทยประมาณ 15 ล้านบาท โดยผู้ที่เป็นเจ้าของคือ David Oancea หรือชื่อในวงการที่ทุกคนรู้จัก Vegas Dave มีชื่อเสียงมาจากการเป็นที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้านการพนันกีฬา
Birkin ไม่ใช่กระเป๋าที่วางขายทั่วไป และไม่ใช่สินค้าที่แค่มีเงินมากถึงจะเป็นเจ้าของได้ง่าย ๆ คนที่จะมีสิทธิซื้อได้จะต้องเป็นลูกค้ากิตติมศักดิ์ ที่จงรักภักดีต่อแบรนด์ Hermès มาเป็นเวลานาน หรือเป็นคนที่มีชื่อเสียงในสังคม ซึ่งทาง Hermès จะเป็นผู้เสนอสิทธิการซื้อกระเป๋ารุ่นนี้ให้เอง หลังจากได้รับสิทธิแล้ว ก็ใช่ว่าจะได้รับกระเป๋าเลยในทันที ยังคงต้องต่อคิวเป็น Waiting List ซึ่งในปัจจุบัน ต้องใช้เวลารอนานถึง 6 ปีเลยทีเดียว อีกทั้งยังไม่สามารถเลือกสีหรือขนาดของกระเป๋าได้ และจำกัดจำนวนซื้อโดย 1 ปี สามารถซื้อได้ 1 ใบเท่านั้น
อีกหนึ่งความพิเศษ ที่ทำให้มูลค่าของกระเป๋ารุ่นนี้เพิ่มสูงขึ้น และยังคงเป็นที่ต้องการของบรรดาเหล่าคนมีเงินทั้งหลาย นอกจากกลยุทธ์ทางการตลาด นั่นก็คือความเป็นเอกลักษณ์และความเป็น Limited Edition ซึ่งได้รับการถ่ายทอดจากช่างฝีมือจาก Hermès ทำให้กระเป๋าแต่ละใบ สื่อเรื่องราวออกมาแตกต่างกันไป Hermès สร้างบางสิ่งที่เฉพาะคนที่เข้าใจในตัวตนจริง ๆ เท่านั้น จะเข้าถึงได้ สำหรับคำถามที่ว่า ทำไมกระเป๋า Birkin จึงมีราคาแพงนัก เวลาและตัวคุณเองเท่านั้น ที่จะให้คำตอบได้ดีที่สุด
รัก
xoxo