แบรนด์ Fendi (เฟนดิ) มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน (ประวัติแบรนด์ Fendi) เป็นแบรนด์ที่สร้างกระเป๋าแฟชั่นมีทั้งเอกลักษณ์เฉพาะตัว และคุณภาพระดับพรีเมี่ยม จนกลายเป็น It Bag ที่สาว ๆ ต่างอยากได้มาครอบครอง อย่างเช่น กระเป๋า Fendi Baguette และ Fendi Spy Bag ที่โด่งดังอย่างมากในปี 1997 เพราะมันแสดงออกถึงความหรูหราและรสนิยมที่ดีของผู้ถือกระเป๋า
ดังนั้น Fendi จึงกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์กระเป๋าหรูที่ถูกละเมิดลิขสิทธิ์มากที่สุด ซึ่งในครั้งนี้เราจึงมีเคล็ดลับที่จะมาช่วยสาวๆ ในการเช็คกระเป๋า Fendi ก่อนการตัดสินใจซื้อ เพื่อป้องกันไม่ให้เรากลายเป็นเหยื่อของกระเป๋าปลอม
1. Logo
โลโก้ Fendi โดยส่วนมากภายนอกกระเป๋าจะเป็นคำว่า FENDI (ตัวพิมพ์ใหญ่) คำเดียว และมีคำว่า ROMA ที่บรรทัดล่าง ซึ่งจะมีทั้งแบบพิมพ์และปั้มลงแผ่นหนัง แล้วแต่การดีไซน์ของกระเป๋าแต่ละรุ่น สีโลโก้จะมีสีเดียวกันกับฮาร์ดแวร์ (Hardware) เสมอ และหากเป็นแผ่นโลหะสี ตัวอักษรที่สลักบนโลหะจะต้องสม่ำเสมอ ไม่มีการผิดเพี้ยนของสี
โลโก้ที่เป็นตัวอักษรย่อ FF คาร์ล ลาเกอร์เฟล (Karl Lagerfeld) ได้ออกแบบโลโก้นี้ ในปี 1965 โดยจะเป็นตัว F 2 ตัว ที่หันหน้าเข้าหากัน ซึ่งตัวแรกจะวางในลักษณะปกติ ส่วนตัวที่สองเป็นการกลับหัวตัวอักษร นำสองขีดมาไว้ด้านล่าง โลโก้นี้เป็นตัวอักษรย่อของคำว่า Fun Furs เป็นการแสดงถึงความสนุสนานในเรื่องขนเฟอร์
และโลโก้ “Kan” ที่เปิดตัวในปี 2018 พร้อมคอลเล็คชั่น Fall/Winter เป็นโลโก้ตัว F กลับหัวอยู่ภายในวงกลม โดยขีดบนของตัว F ที่เชื่อมกับขอบวงกลมต้องมีความยาวเป็นสองเท่าของขีดล่าง ซึ่งโลโก้นี้จะมีความกลมมน ไม่เรียบแบน
2. Tag Bags
ในส่วนของแท็กภายในกระเป๋า จะเป็นแท็กหนัง หรือ เป็นแผ่นโลหะ ซึ่งจะมีการตีตราเป็นคำว่า FENDI อยู่ที่บรรทัดบน และมีคำว่า MADE IN ITALY อยู่ที่บรรทัดล่าง ตัวอักษรจะเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด โดยจะมีรูปแบบนี้เพียงแบบเดียวเท่านั้น หากเป็นแท็กหนังจะปั๊มแบบนูนสีทอง ฝีเข็มในการเย็บรอบๆ แท็กหนังต้องเรียบร้อย ไม่มีขรุย
3. Hologram Tags
กระเป๋าที่ผลิตในปี ค.ศ. 2004 จนถึงปี ค.ศ. 2010 จะมีแท็กสติกเกอร์ Hologram ติดอยู่บนแท็กผ้าที่เย็บติดกับซับใน โดยจะมีรายละเอียดของเอฟเฟกต์ Hologram ที่เป็นตัวโลโก้ FF เล็กๆ จำนวนมาก ล้อมรอบ FF ตัวใหญ่ เป็นรูปสี่เหลี่ยมพอดี รวมถึงมีการเย็บ Serial Number ไว้ที่ข้างล่างของโฮโลแกรม
4. RFID Tags
สำหรับกระเป๋าที่ผลิตในปี 2010 จนถึงรุ่นปัจจุบัน จะมี RFID Tags แทนที่ Hologram ซึ่งจะเป็นแท็กผ้าที่มีการเย็บด้วยด้ายสีขาว ฝั่งหนึ่งมีข้อความว่า FENDI อยู่ที่บรรทัดบน และคำว่า ROMA อยูที่บรรทัดล่าง สำหรับในรุ่นใหม่ๆ จะเย็บโลโก้ FENDI สีเหลือง ที่มุมล่างขวาของแท็ก
อีกฝั่งเป็นการเย็บตัวเลข 8 หลัก พร้อมข้อความว่า “RFID LABLE REMOVABLE ETICHETTA RFID RIMOVIBILE” สีขาวบนผ้าสีดำ ไม่มีการพิมพ์ และภายในแท็กจะมีชิป RFID โดยตัวชิปจะบรรจุข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับกระเป๋า ไม่ว่าจะเป็นรุ่น สี Serial Number รายละเอียดการผลิต รวมถึงประวัติของกระเป๋าด้วย
การอ่านข้อมูลบน RFID จะต้องใช้อุปกรณ์พิเศษสำหรับอ่านชิปโดยเฉพาะ ซึ่งทางร้านบูติคของ Fendi ก็สามารถเช็คข้อมูลนี้ให้ได้ ดังนั้นการที่กระเป๋าใบไหนมีชิป RFID แล้ว ย่อมไม่มีแท็ก Hologram หากใบไหนมีทั้งสองอย่างให้ลงลิสต์เลยว่าของปลอมแน่นอน แต่ในบางกรณีก็จะมีแท็กปลอมที่ภายในไม่มีชิป RFID เลียนแบบของแท้ได้อย่างเแนบเนียน ดังนั้น เราจึงควรสังเกตวัสดุและตัวอักษรบนแท็กด้วย
5. Serial Number
หมายเลขซีเรียลเป็นหมายเลขสัญลักษณ์ของกระเป๋า โดยจะมีทั้งหมด 15 หรือ 17 หลัก ประกอบด้วยตัวเลขและตัวอักษร คั่นด้วยเครื่องหมายขีดกลาง หรือเว้นวรรคในรุ่นเก่า โดย Serial Number จะอยู่ข้างหลังของป้ายโลโก้ด้านในกระเป๋า หรือจะเป็นแถบหนังเล็กเย็บติดกับตะเข็บหรือมุมภายในกระเป๋า ไม่มีการใช้แท็กที่เป็นผ้า ซึ่งหมายเลขนี้จะต้องตรงกับ Authenticity Card หรือ การ์ดแท้ด้วย
6. Stamps
Stamp ของ Fendi มีมาตั้งแต่ยุค 70 ถูกนำมาออกแบบใหม่ และเริ่มใช้ตกแต่งกระเป๋าในช่วงปลายยุค 90 ในปัจจุบันกระเป๋ารุ่นใหม่ๆ ก็เริ่มนำแสตมป์นี้กลับใช้อีกครั้ง อย่างเช่น กระเป๋าทรงถังจับจีบ Mon Tresor โดยตราสัญลักษณ์ Crest หรือ Stamp ลักษณะควรนูน และโลโก้ FF ตรงกลางล้อมรอบด้วยคำว่า “FENDI ROMA ITALY 1925” เป็นตัวพิมพ์ใหญ่ทุกตัว มีขนาดตัวอักษรและความนูนของประโยคน้อยกว่าโลโก้ พร้อมดาวอีก 1 ดวง การเย็บใช้ได้สีเดียวกันกับแสตมป์ เย็บอย่างประรีตเพียงรอบเดียวเท่านั้น ซึ่งจะล้อมรอบ Stamps ได้อย่างพอดี
7. Materials, Leather & Construction
วัสดุที่ใช้ทำกระเป๋าเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่เราควรให้ความสำคัญ ด้วยความเป็นแบรนด์ชั้นนำ ทุกอย่างต้องมีความสวยงาม หรูหรา คงทน และจะไม่มีกลิ่นของพลาสติก หรือสารเคมี โดยหนังที่ใช้ทำกระเป๋าส่วนใหญ่จะเป็น หนังลูกวัว (Calf Leather) และหนังแกะ (Lamb Leather) นอกจากนั้น ยังมีกระเป๋าที่ทำจากเส้นใยต้นปาล์ม (Raffia) และเส้นใยสังเคราะห์ (Polyester)
ลวดลายโลโก้ FF หรือที่เรียกอีกชื่อว่าลาย Zucca ของ Fendi นั้น ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และถือเป็น Iconic แบรนด์เลยก็ว่าได้ โดยลวดลายนี้จะเป็นการสร้างขึ้นจากผ้า Jacquard ที่มีสีน้ำตาลเหมือนบุหรี่ และสีพื้นผิวออกแทนน้ำตาล กระเป๋า Fendi แท้ ลายถักจะมีความแน่น ไม่หลวม ทนทาน โดยลายนี้จะมีเพียงด้านนอกเท่านั้น จะไม่มีการพิมพ์ลาย Zucca ใว้ซับในของกระเป๋า
8. Hardware
อะไหล่ของกระเป๋าส่วนมากทำจากนิกเกิลทองเหลือง หรือโลหะชุปนิกเกิล ซิปด้านนอกทั้งหมดจะเป็นซิปโลหะ ชิ้นส่วนอะไหล่ควรเรียบและเงางาม ตัวล็อคทุกตัวควรหมุนเปิดปิดได้อย่างสะดวก Hardware ทุกชิ้นมักจะมีการแกะสลักโลโก้ FENDI หรือ FF อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นส่วนด้านหลังของหัวซิป หรือกระดุมต่างๆ
ตัวล็อคกระเป๋า Fendi ที่มีลักษณะคล้ายกับโลโก้ FF เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขีดที่ 2 ของ F ทั้งสองข้างจะอยู่ตรงกลาง ไม่ชน และไม่ขนานกัน ตัวปิดสแนปด้านล่างควรเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสและสลักโลโก้ FENDI
9. Stitching
การเย็บของแบรนด์ Fendi มีความเนียบทุกระเบียบนิ้ว ระยะห่างเท่ากัน ไม่มีเส้นด้ายหลุดรุ่ยออกมาอย่างแน่นอน ตะเข็บรอบมุมของกระเป๋าควรเรียบและสม่ำเสมอ จุดที่ควรตรวจสอบ คือ การเย็บรอบแท็ก สายรัดมุมตรงขอบกระเป๋า ที่จะบรรจบกันพอดี สีของด้ายต้องเท่ากันตลอด รวมถึงขอบ มุมต่างๆ ภายในกระเป๋า ที่จะไม่มีส่วนบกพร่องให้เราได้เห็น
10. Dust Bag
ถุงกันฝุ่น Fendi แบบเดิมจะเป็นถุงผ้าแบบหูรูดสีเหลือง มีโลโก้ FF ที่ด้านบรรทัดบน และคำว่า FENDI ที่บรรทัดล่าง อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมตรงจุดกึ่งกลางของถุง มีสายเชือกไว้คอยมัดด้านบน และอีกหนึ่งแบบ คือ โลโก้แบบ Stamps และคำว่า FENDI จะอยู่ข้างล่าง พร้อมกับมีเส้นแถบแนวตั้งจากปากถุงจนถึงก้นถุงสองเส้นอยู่ขนาบข้างโลโก้ ซึ่งทั้งสองแบบนี้จะพบในกระเป๋ารุ่นวินเทจ
ส่วนถุงกันฝุ่นแบบใหม่ถุงผ้าจะมีสีขาว และสีดำแบบหูรูด มาพร้อมริบบิ้นสีดำ และพิมพ์โลโก้ FENDI และ ROMA อยู่ตรงกลางของถุงพอดี ถ้าเป็นถุงสีขาวตัวโลโก้จะสีดำ ส่วนถุงสีดำโลโก้จะสีขาว และอีกหนึ่งแบบ คือ ปักเย็บโลโก้สีเหลือง บนถุงกันฝุ่นสีดำ ที่มุมล่างขวา
11. Paperwork and Boxes
กระเป๋า Fendi แท้ จะมาพร้อมการ์ดกระดาษ ซึ่งจะมีบอกบาร์โค้ด รุ่น สี และ Serial Number โดยหมายเลขซีเรียลนัมเบอร์จะต้องตรงกับแท็กหนังภายในกระเป๋า ซึ่งการ์ดนี้จะเรียกว่า Authenticity Card โดยการ์ดนี้จะอยู่ภายในกระเป๋าเสมอ ไม่มีการนำออกมาแขวนไว้ข้างนอก และยังมี Care Booklets ด้วย
เอกสารทั้งหมดนี้จะอยู่ภายในซองสีขาว จะมีคำว่า FENDI และ ROMA อยู่ตรงหัวซองที่เปิดเอกสาร แต่หากเป็นกระเป๋ารุ่นวินเทจ หรือรุ่นเก่า ตัวกระดาษเอกสารทุกอย่างจะเป็นสีเหลือง เราต้องสังเกตแบบของตัวอักษรจะต้องเป็นแบบเดียวกันทั้งหมด
กระเป๋า Fendi แท้จะมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของกระเป๋าอยู่เสมอ ดั้งนั้น เคล็ดลับที่เรานำมาเสนอครั้งนี้จึงเป็นเพียงวิธีสังเกตหลักๆ ซึ่งสามารถดูได้ด้วยตนเองเพื่อประกอบการตัดสินใจในการซื้อ เพื่อความแม่นยำสาวๆ จึงควรตรวจสอบกระเป๋ารุ่นที่ต้องการ ศึกษาอย่างละเอียดรอบคอบ หรือไปสัมผัสกระเป๋าจริงที่ร้านบูติคของ Fendi ได้ แต่หากใครที่จะสั่งออนไลน์ ก็ควรศึกษาถึงความน่าเชื่อถือของผู้ขาย และเว็บไซน์นั้นๆ เพื่อที่เราจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้ที่ฉวยโอกาสนำกระเป๋าละเมิดลิขสิทธิ์มาจำหน่าย
รัก
xoxo