To top
4 Jan

5 กฏเหล็กสำหรับมือใหม่ก่อนการลงทุนกับนาฬิกาแบรนด์หรู

5 กฏเหล็กสำหรับมือใหม่ก่อนการลงทุนกับนาฬิกาแบรนด์หรู ปัจจุบัน นาฬิกาหรู ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่ได้รับความนิยมอย่างมาก การซื้อขายนาฬิกา นอกเหนือจากความชอบแล้ว การเลือกนาฬิกาที่ “ใช่” ยังถือว่าเป็นการลงทุนที่สมเหตุสมผลอีกด้วย สำหรับใครที่เป็นมือใหม่ในวงการนาฬิกา มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องทำการศึกษาหาข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกมิจฉาชีพหลอกลวง รวมถึงลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุน

KATEXOXO ขอเรียนเชิญมือใหม่ ที่กำลังก้าวเข้าสู่ หรือกำลังจะตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางของนักลงทุนนาฬิกาแบรนด์หรู ด้วยคำแนะนำเบื้องต้นรวมถึงกฏเหล็กที่ควรรู้ ก่อนการลงทุนเป็นเจ้าของนาฬิกาสักเรือน เพื่อความคุ้มค่า การใช้สอยประโยชน์อย่างสูงสุด รวมถึงกำไรที่ได้จากการขายต่อในตลาดซื้อขายมือสอง ถ้าพร้อมแล้ว ไปลุยพร้อมกันเลย !

 

1. เริ่มลงทุนกับนาฬิกาที่คุณให้ความสนใจ

เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ เมื่อได้ลงมือทำในสิ่งที่ชอบและให้ความสนใจแล้ว ย่อมทำสิ่งนั้นได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม สำหรับการเลือกลงทุนกับนาฬิกาแบรนด์หรูเรือนแรกนี้ ก็ใช้หลักเกณฑ์เดียวกัน เราขอแนะนำให้คุณ เลือกลงทุนกับนาฬิการุ่นที่คุณให้ความสนใจและชื่นชอบเป็นพิเศษ เรียนรู้และเริ่มหาข้อมูลต่าง ๆ อย่างละเอียด สิ่งสำคัญที่สุด ควรเลือกแบรนด์ที่อยู่ในความต้องการของตลาด เพื่อผลตอบแทนที่คุ้มค่าในการซื้อขายในอนาคต

เข้ากลุ่มของนักสะสมหรือนักลงทุน เพื่อหาความรู้เพิ่มเติม พบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิดเห็นกับนักสะสมและนักลงทุนท่านอื่น ๆ อยู่เสมอ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากในยุคปัจจุบันที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ในสังคมออนไลน์มีสังคมของนักสะสมและนักลงทุนนาฬิกาอยู่มากทั้งในประเทศและต่างประเทศ

“รู้จักนาฬิกา รู้จักตลาดนาฬิกา และรู้จักสภาพความเป็นไปของตลาด คือข้อควรปฏิบัติเบื้องต้น ก่อนเริ่มลงทุนกับนาฬิกาแบรนด์หรู”

 

2. ลงทุนกับนาฬิการะบบ Mechanical มากกว่าระบบ Quartz

ในวงการนาฬิกานั้น ระบบ Mechanical ได้รับความนิยมกว่านาฬิการะบบ Quartz สำหรับระบบ Mechanical คือนาฬิกาประเภทไขลาน ที่ใช้วิธีการหมุนเม็ดมะยม หรือ Crown ด้านข้างตัวเรือนเพื่อ “ไขลาน”​ (Winding) ให้กลไกนาฬิกาเดินบอกเวลาบนหน้าปัดให้กับเรา ซึ่งต่างกับนาฬิการะบบอัตโนมัติ หรือ นาฬิกาออโต้ หรือ  “Automatic Winding Watch” ที่ใช้วิธีการขยับเคลื่อนที่ของตัวเรือนเพื่อการไขลาน โดยที่ผู้สวมใส่ไม่ต้องไขลานเอง

ซึ่งแตกต่างจากนาฬิการะบบ Quartz หรือนาฬิกาที่ใช้ระบบไฟฟ้าอย่างสิ้นเชิง โดยนาฬิกา Quartz จะเป็นการใช้พลังงานจากกระแสไฟฟ้าในการเดินเข็ม โดยไม่มีการใช้กลไกใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งความยุ่งยากซับซ้อนของระบบกลไกนั้น ทำให้ราคาของงานฝีมือจากช่างฝีมือเหล่านี้ มีราคาแพงและคุ้มค่าต่อการลงทุน แต่ทว่าก็มีนาฬิการะบบ Quartz บางรุ่น ก็เป็นที่ต้องการอย่างสูงในตลาดซื้อขายเช่นกัน

คำแนะนำคือ หากสนใจนาฬิการะบบไหน ควรศึกษาเรื่องความต้องการของตลาดก่อนเสมอ

 

3. เลือกซื้อนาฬิกา จากตัวแทนที่เชื่อถือได้

การลงทุน ไม่จำกัดอยู่ที่ต้องเป็นนาฬิกาของใหม่เสมอไป สำหรับนาฬิกามือสอง หรือ Pre-owned watch ก็ได้รับความนิยมอย่างสูงเช่นกัน เพราะส่วนใหญ่จะเป็นรุ่น Limited Edition ซึ่งผลิตจำนวนจำกัด และไม่มีวางขายในร้านอีกแล้ว นาฬิการุ่น Limited Edition บางรุ่น สามารถทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งสวนทางกับหลักเศรษฐศาสตร์ทั่วไป ในเรื่องของ Demand และ Supply เนื่องจากนาฬิการุ่น Limited เหล่านั้น ถูกผลิตออกมาน้อย แต่มีผู้ที่ต้องการครอบครองเป็นเจ้าของจำนวนมากนั่นเอง

ถือเป็นกฏแห่งโลกของการลงทุน หากคุณไม่ได้สนใจการทำกำไรมากมาย ก็ควรเลือกนาฬิกาที่ได้มาเร็ว ปล่อยไปเร็ว โดยอาจได้ส่วนต่างเพียงเล็กน้อย เพื่อแลกกับการนำเงินไปใช้หมุนเวียนสมทบในการลงทุนในนาฬิการุ่นอื่น ๆ ต่อไป โดยส่วนใหญ่แล้วก็เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมทั่วไป ได้แก่ Rolex Submariner, Rolex GMT-Master II, OMEGA Speedmaster โดยเฉพาะรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นทั้งหลาย และ Seamaster ทั้ง Pro 300 และ Planet Ocean หรือ Patek Philippe Nautilus และ Aquanaut

ผู้ผลิตมีความสำคัญมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า นาฬิกาแบรนด์เนมทุกรุ่นจะขายได้ราคาดีไปเสียหมด ในแง่ของประวัติเรื่องราวความเป็นมา ที่มาของตัวนาฬิกา เจ้าของคนก่อน ก็อาจมีผลต่อราคาด้วยเช่นกัน

หรืออาจมองหานาฬิการุ่นพิเศษ ที่มาพร้อมกับกลไกและฟังก์ชั่นการทำงานที่น่าสนใจ หรือรุ่นที่ผลิตออกมาเป็นไอเท่มหายาก ยกตัวอย่างเช่น นาฬิกา Rolex Daytona รุ่น Patrizzi ref. 16520 ซึ่งเกิดความผิดพลาดในขั้นตอนการผลิต ทำให้สีของตัวเรือนเพี้ยนไปจากความจริง แต่ความผิดพลาดนี้ กลับกลายเป็นความพิเศษ ที่ทำให้นาฬิการุ่นนี้เป็น Rare-item ซึ่งนาฬิกาที่มีมูลค่าในตลาดทั้งจากการประมูลหรือซื้อขายนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นนาฬิกาที่เปิดตัวมานานแล้ว ยกเว้นในกรณีที่เป็นรุ่นพิเศษสุด ๆ ที่ผลิตเพียงเรือนเดียวในโลกสำหรับใช้ในการประมูลของ Only Watch

Rolex Daytona รุ่น Patrizzi ref. 16520

Rolex Daytona รุ่น Patrizzi ref. 16520

การซื้อขายนาฬิกาทุกครั้ง ควรตรวจสอบให้ถี่ถ้วน ถึงอุปกรณ์ที่พ่วงมาพร้อมกับตัวนาฬิกา ไม่ว่าจะเป็นกล่อง ถุงกระดาษ ใบเสร็จ ใบรับประกัน และถุงผ้า เหล่านี้เป็นสิ่งที่เพิ่มมูลค่าในการซื้อขาย รวมถึงการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้ขาย คุณภาพ และเงื่อนไขของสินค้า การประมูลนาฬิกาควรเป็นทางเลือกสุดท้าย เว้นเสียแต่ว่าจะมีประสบการณ์ เพราะนาฬิกาที่ได้รับการซ่อมแซมหรือสภาพไม่สมบูรณ์ จะไม่ได้รับความสนใจจากตลาด หากประสบการณ์ไม่มากพอ ในการสังเกตลักษณะของนาฬิกา ก็ไม่ควรเสี่ยง

สิ่งสำคัญที่สุดคือการดูแลรักษานาฬิกาให้อยู่ในสภาพดีเสมอ ทำความสะอาด รวมถึงสวมใส่เป็นประจำเพื่อให้กลไกได้ทำงาน

ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของกลไกภายใน รวมถึงอะไหล่ต่าง ๆ หากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องถูกวิธี ซึ่งอาจทำให้ต้องเสียค่าบำรุงซ่อมแซมโดยใช่เหตุ รวมถึงราคาในการซื้อขายอาจลดลงตามคุณภาพเช่นกัน

 

4. ความสนใจ ความใส่ใจ การลงทุน

คือกฏเหล็ก 3 ข้อที่นักสะสมและนักลงทุนหลาย ๆ คนยึดไว้เป็นคติประจำใจ ตามที่กล่าวเอาไว้ในข้อแรก ในเรื่องของความสนใจ เมื่อเราให้ความสนใจ เราก็จะเริ่มใส่ใจและตั้งใจในการค้นหาข้อมูล นำไปสู่การตัดสินใจที่ถูกต้องในการลงทุนในที่สุด รวมถึงใช้เงินในการลงทุนกับนาฬิกาแบรนด์หรู 10% ของยอดการลงทุนทั้งหมด เพื่อเป็นการลดความเสี่ยง และรอรับผลตอบแทนได้อย่างสมน้ำสมเนื้อมากกว่า

ควรถามตัวเองให้แน่ใจก่อนว่า การลงทุนกับนาฬิกาหรู เพราะนาฬิกาเป็นสิ่งที่เรารักและหลงไหล หรือเป็นความชอบที่เกิดจากการมองเห็นช่องทางในการลงทุนและทำเงิน ความแตกต่างระหว่างนักสะสมและนักลงทุน อยู่ที่หากมันเป็นสิ่งที่เราชื่นชอบ บางครั้งก็ไม่ต้องคำนึงถึง Demand และ Supply ของตลาด เราถือว่าคุณเป็นนักสะสม

นักสะสม : จะไม่สนใจว่าราคาขายต่อจะเป็นเท่าไหร่
พ่อค้า : จะรู้จักทุกรุ่น รู้ราคาซื้อขายในตลาด แต่ไม่สามารถซื้อของใหม่ได้ เพราะซื้อของมือหนึ่งมีแต่จะขาดทุน (รายละเอียดในข้อ 5)
นักลงทุน : ซื้อมาแล้วจะเก็บอย่างดี โดยจะซื้อของที่ “คนคิดว่ามีมูลค่า” และหาโอกาสขายเพื่อทำกำไร

แต่หากว่าคุณต้องการหารายได้จากนาฬิกา คุณจะต้องอ้างอิงความต้องการของตลาดซื้อขายนาฬิกาเป็นหลัก รวมถึงศึกษาหาข้อมูลต่าง ๆ อย่างละเอียด เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น นำไปสู่ความเสียหายร้ายแรงได้ ดังนั้น

ถามตัวเองให้แน่ใจ ว่าเราเป็น นักสะสม นักลงทุน หรือพ่อค้า

 

5. ข้อมูลและสถิติ คือเรื่องสำคัญ

ไม่ควรยึดติดอยู่กับคำว่า นาฬิกาแบรนด์ดัง ๆ เท่านั้น ถึงจะเป็นที่ต้องการของตลาดและสามารถทำรายได้ นาฬิกา Rolex ไม่ได้เป็นที่นิยมทุกคอลเล็กชั่น เช่นเดียวกับ ปาเต็ก ฟิลิปป์ (Patek Philippe) หรือโอเดอมาร์ ปิเกต์ (Audemars Piquet) แต่คุณต้องรู้ด้วยว่า ตลาดกำลังต้องการนาฬิการุ่นไหน และต้องคาดเดาสถานการณ์ล่วงหน้าด้วย ว่าผลจะออกมาอย่างไร มีการเปลี่ยนแปลงแค่ไหน ทั้งนี้ต้องอาศัยประสบการณ์ การเก็บข้อมูลสถิติ รวมถึงทิศทางและแนวโน้มของตลาดของทั้งนาฬิกามือหนึ่งและมือสองประกอบกันด้วย

รวมถึงการประเมินราคาของนาฬิการุ่นนั้น ๆ ว่าราคาที่ได้มานั้น มาถึงจุดสูงสุดของราคาที่เป็นจริงของนาฬิการุ่นนั้นหรือยัง หรือยังมีช่องว่างให้สามารถทำกำไรต่อไปได้อีก การวางแผนการเงินก็เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม หากไม่มีการวางแผนที่ดีและรัดกุมเพียงพออาจก่อให้เกิดผลกระทบ เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วของตลาด

นาฬิกาก็คล้ายกับรถยนต์ 90% ของนาฬิกาที่เปิดตัวในตลาด โดยทันทีที่นาฬิกาใหม่ออกจากร้าน ราคาจะลดลงทันทีประมาณ 30-60% ของราคาที่ซื้อมา ส่วนอีก 10% คือรุ่นที่ผลิตมาเพื่อให้นักลงทุน มองหาหนทางในการเก็งกำไรในอนาคต ดังนั้นควรมองตรงนี้ให้ขาด หากต้องลงทุนกับนาฬิกาที่อยู่ในกลุ่ม 90% ดังกล่าว ขอให้ทำการซื้อขายด้วยข้อตกลงที่ดีและสมเหตุสมผลที่สุด เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากการลงทุน

นาฬิกาที่ซื้อมาใหม่ราคาจะลดลงทันที โดยแต่ละแบรนด์จะมีความรุนแรงในการลดลงต่างกัน โดยรุ่นที่มีความต้องการซื้อสูงก็อาจจะลดลงเพียง 30% แต่ถ้าเป็นแบรนด์ที่ไม่มีความต้องการซื้อมากนักก็อาจจะลดลงไปได้ถึง 60% ซึ่งนาฬิกาในกลุ่มนี้มักจะมีการเปลี่ยนมือกันในกลุ่มนักสะสมมากกว่าการลงทุน

แม้กระทั่งในส่วนของนาฬิกาที่อยู่ในระดับกลางถึงค่อนข้างสูงอย่างแบรนด์ Seiko (ไซโก้) ก็มีกลุ่มผู้ที่สนใจในการลงทุนกับนาฬิกาแบรนด์นี้ไม่น้อย เนื่องจากนาฬิกาบางรุ่น จะมีคุณค่าในตัวของมันเอง Seiko Monster หน้าเหลืองที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 2003 และมีการผลิตเพียงแค่ 300 เรือน ทำให้เป็นที่ต้องการของนักสะสมในประเทศไทยและนักสะสมทั่วโลก จนสามารถจำหน่ายหมดภายใน 2 วันหลังการเปิดตัว

จากเดิมราคาของใหม่อยู่ที่ 30,000 บาท แต่ ณ ปัจจุบัน ราคาขยับขึ้นมาอยู่ในระดับ 150,000-200,000 บาท ครั้งหนึ่งเคยทำราคาประมูลบน เว็บไซต์ Ebay ได้ราคาสูงถึง US$1200 เลยทีเดียว ทั้งนี้ ราคาซื้อขาย ย่อมขึ้นอยู่กับสภาพรวมถึงอุปกรณ์ที่มาพร้อมกับตัวนาฬิกาด้วย

Seiko Monster หน้าเหลือง รหัส SKZ203K1

Seiko Monster หน้าเหลือง รหัส SKZ203K1

ข้อสังเกต : จะเห็นได้ว่า ตัวเลขของราคาเปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มขึ้นนั้น ในบางครั้งก็สูงขึ้น และมากกว่านาฬิกาแบรนด์หรูเลยทีเดียว ดังนั้นไม่ควรมองข้ามการลงทุนกับนาฬิการะดับกลางหลักหมื่นบาท

การได้เป็นเจ้าของนาฬิกาแบรนด์หรูดี ๆ สักเรือน เปรียบเสมือนกับการที่เราได้ครอบครองสินทรัพย์ ที่สามารถสร้างมูลค่าเป็นดอกผลงอกเงยได้อย่างงามในอนาคต มีงานวิจัยที่ย้ำเตือนอีกว่า การลงทุนกับนาฬิกาหรูนั้นให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าไม่น้อยไปกว่าการลงทุนในรูปแบบอื่น ๆ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือการศึกษาและทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ รวมทั้งซื้อขายกับตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้องและเชื่อถือได้ เพราะทุกการลงทุนคือความเสี่ยง ทั้งหมดนี้คือ5 กฏเหล็กสำหรับมือใหม่ก่อนการลงทุนกับนาฬิกาแบรนด์หรู

สามารถศึกษาเพิ่มเติม เกี่ยวกับการลงทุนกับนาฬิกาแบรนด์หรู กับบทความ 5 อันดับนาฬิกาน่าลงทุนกับคุณค่าที่อยู่เหนือกาลเวลา และ Top 5 นาฬิกาสุดหรูซื้อก็คุ้ม ขายก็กำไร  รวมทั้งบทความการลงทุนอื่น ๆ ที่น่าสนใจได้ทาง KATEXOXO อัพเดทข่าวสารวงการแฟชั่นและสินค้าแบรนด์เนม ทั้งไทยและต่างประเทศ ได้กับเรา Style.Katexoxo.com เว็บไซต์แฟชั่นที่พร้อมรายงานข่าวสารส่งตรงถึงคุณ

 

KATE