เมื่อพูดถึงแบรนด์ที่มีบทบาทสำคัญบนหน้าประวัติศาสตร์ในวงการแฟชั่น คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแบรนด์ “Givenchy” (จีวองชี่) แบรนด์จีวองชี่ถึงขั้นขึ้นชื่อว่า เป็นนักปฎิวัติแฟชั่นกลางยุคศตวรรษที่ 20 เป็นอัจฉริยะแห่งการออกแบบและผลิตเสื้อผ้า ที่มีศักยภาพ ผลงานที่ได้รับการยอมรับ และยกให้เป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ฉะนั้นมาเจาะข้อมูล อัจฉริยะผู้สร้าง Givenchy แบรนด์ที่ทั่วโลกล่าวขาน

 

Givenchy (จีวองชี่)

อัจฉริยะผู้สร้าง Givenchy มีจุดเริ่มต้นมาจาก นาย อูแบร์ เดอ จีวองชี่ (Hubert De Givenchy) เป็นผู้ก่อตั้ง เขาเกิดเมื่อ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1927 ที่เมืองโบเวส์ ประเทศฝรั่งเศส อูแบร์ จีวองชี่ เป็นลูกชายคนเล็กของครอบครัว โดยเขาเกิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลง ถือได้ว่าเป็นช่วงเศรษฐกิจกำลังฟื้นฟู แต่ก็ยังไม่ได้เอื้ออำนวยในการทำธุรกิจมากนัก หลังจากนั้นไม่นาน อูแบร์ ก็ต้องพบกับข่าวร้ายเมื่อคุณพ่อของเขาได้เสียชีวิตลง จากโรคไข้หวัดใหญ่ใน ปี ค.ศ. 1930 ซึ่งเขาอายุได้ประมาณ 3 ขวบเท่านั้น

ตั้งแต่นั้นมา ทำให้อูแบร์ได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวฝั่งคุณแม่มาโดยตลอด ในช่วงวัยเยาวน์ เขาได้มีโอกาส เรียนรู้ ทำความรู้จัก คุ้นเคยกับรูปแบบชนิดของผ้า และแน่นอนว่าเขามีความรู้เรื่องเนื้อผ้าเป็นอย่างดีในเวลาต่อมา โดยส่วนตัวนั้น เขาเริ่มรู้ในสิ่งที่ตนเองชอบและถนัด เขามีความเชื่อมั่นในพรสวรรค์ที่มีอย่างเต็มเปี่ยม ดังนั้น เขาจึงมุ่งมั่นในเส้นทางนี้ตั้งแต่ยังหนุ่ม

ช่วงเวลาทองคำของอูแบร์ได้มาถึง เมื่อเขาได้มีโอกาสไปงาน “ปาริเซียงแฟร์” (ปาริเซียง = คนปารีส) ทำให้เขาได้ดูผลงานห้องเสื้อ  ชื่อดัง อาทิเช่น Chanel, Elsa Schiaparelli เป็นต้น หลังจากเข้าชมนิทรรศการเหล่านี้ ทำให้ อูแบร์ ได้เห็นถึงความสวยงามของผลงานการออกแบบ อันเป็นศิลปะชั้นเยี่ยม ความละเอียดอ่อน ก่อเกิดเป็นแรงบันดาลใจ จนทำให้เขาสามารถรังสรรค์ผลงานในรูปแบบของตนเองออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ

เมื่อถึงวัย 17 ปี อูเเบร์ ก็ได้รับการสนับสนุนจากแม่ของเขา ให้เข้าศึกษาต่อที่ École des Beaux-Arts ซึ่งเป็นโรงเรียนศิลปะชื่อดัง  ในเมืองปารีส ช่วงเวลาผ่านไปประกอบกับโอกาสอันประจวบเหมาะ อูแบร์ ได้รู้จัก และเข้าฝึกงานกับ ฌาค ฟาท (Jacques Fath)      ซึ่งเป็นกูตูเยร์ (ผู้ทำชุดโอต์กูตูร์) อีกหนึ่งคนในยุคนั้น ที่มีฝีไม้ลายมืออันโดดเด่น อูเเบร์ได้โอกาสที่จะเรียนรู้ และพัฒนาศักยภาพของตัวเอง เขามุ่งมั่นตั้งใจ เก็บเกี่ยวความรู้ในสิ่งที่ตนรัก จนสามารถทำตามความฝันของตนเองได้สำเร็จ

 

จุดเปลี่ยนของ Givenchy

หลังจากที่ อูเเบร์ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ใรห้องเสื้อ โอต์ กูตูร์ มาระยะใหญ่ เขาตัดสินใจก่อตั้งแบรนด์ ​Givenchy ขึ้น เมื่อ วันที่ 3 มีนาคม ค.ศ. 1952 ที่กรุงปารีส ถือได้ว่าเป็นแบรนด์เสื้อผ้าชั้นสูงแบรนด์แรกที่ได้นำเสนอเสื้อผ้าแบบ “The Separates” (แยกชิ้นส่วน)  จนเกิดความโด่งดังในชื่อคอลเลคชั่นว่า Bettina Blouse โดยคอลเลคชั่นนี้ อูเเบร์ตั้งใจออกแบบให้เข้ากับคนพิเศษ ที่คอยอยู่เคียงข้างเขาเสมอมาอย่าง เบติน่า กราเซียนี่ (Bettina Graziani)

ในส่วน เบติน่า กราเซียนี่ (Bettina Graziani) นั้น ถ้าหากเราต้องการหาคำจำกัดความของเธอ เธอเปรียบเสมือนเทวดาประจำตัวของอูแบร์เลยก็ว่าได้ เพราะเธอเป็นทั้งพีอาร์ นางแบบ ผู้จัดการ ผู้ช่วย เลขา และยังเป็นบุคคลที่สร้างแรงบรรดาลใจ เป็นบุคคลที่ทำให้ อูแบร์ ได้ค้นพบสไตล์ สามารถผลักดันตนเองและแบรนด์ให้ไปสู่ความสำเร็จได้ 

เมื่อชุดและความแปลกใหม่ที่อูแบร์รังสรรค์ได้ถูกนำเสนอออกมา ก็ได้กระแสตอบรับไปในทิศทางที่ดี ทำให้เป็นที่นิยมและถูกพูดถึงมากขึ้น จากนั้นเขาได้มีโอกาสทำเสื้อผ้าเพื่อประกอบภาพยนต์อันโด่งดังเรื่อง Sabrina ในปี ค.ศ. 1954 นั่นหมายความว่าเส้นทางแฟชั่นของ อูแบร์ ได้ประสบความสำเร็จไปแล้วอีกขั้น ในด้านเสื้อผ้าแฟชั่นของสตรี และทำให้แบรนด์ของเขาเป็นที่รู้จักมากกว่าเดิมในฐานะห้องเสื้อหรูของอุตสาหกรรมบันเทิง

Givenchy ได้สร้างความน่าจดจำ เมื่อชุดที่ ออเดรย์ เฮปเบิร์น (Audrey Hepburn) ได้สวมใส่ในฉากภาพยนต์ เรื่อง Sabrina สามารถคว้ารางวัลออสการ์ เมื่อปี ค.ศ. 1954 มาครองได้ นั่นคือชุดราตรรีสีขาว ปักลวดลายด้วยสีดำอย่างละเอียดอ่อน และสวยงาม จนกลายเป็นแฟชั่นที่โลกจำจดมาจนถึงทุกวันนี้

Givenchy ตอกย้ำการเป็นเจ้าแห่งชุดในอุตสาหกรรมภาพยนต์อีกครั้ง กับเดรสสีดำในตำนานอย่าง Little Black Dress ที่ ออเดรย์ เฮปเบิร์น สวมใส่ในภาพยนต์เรื่อง Breakfast At Tiffany’s เมื่อปี ค.ศ. 1961 ทำให้กระแสเรื่องความแปลกใหม่ในการครีเอทชุดของเขา ยิ่งทำให้อูแบร์นั้นเป็นที่น่าจับตามองในฐานะดีไซน์เนอร์รุ่นใหม่ที่มีผลงานโดดเด่นในวงการ

 

Givenchy ในปัจจุบัน

Givenchy ได้อยู่ภายใต้การดูแลของดีไซน์เนอร์สาวชื่อดัง ชาวอังกฤษ ที่มีนามว่า แคลร์ เวธ เคลเลอร์ (Clare Waight Keller) ที่เป็น Artistic Director เธอผู้หญิงคนแรกของแบรนด์ และยังเป็นผู้ออกแบบชุด Haute Couture Wedding Gown Custom Design ให้ ดัชเชส เมแกน มาร์เคิล (Rachel Meghan Markle) ใต้แนวคิดเรียบง่ายและสง่างาม ในพิธีเสกสมรสกับเจ้าชายแฮร์รี่ ในวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 2011 ที่ผ่านมา

ในชุดนั้นถ้าหากที่มองแบบผิวเผิน อาจจะดูเรียบง่ายไม่หวือหวามากนัก แต่ถ้าหากสังเกตลองพินิจดีๆ จะพบว่ามีการแฝงประเด็นทางการเมืองไว้อย่างแยบยล ลายปักผ้าคลุมสีขาวยาวที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์อานาจักรที่เป็นเครือจักรภพ ถึง 53 ประเทศด้วยกัน    ฉะนั้นการออกชุดนี้ แม้ตัวชุดอาจจะดูไม่หวือหวา แต่หากมองลึกๆ แล้วจะพบว่าชุดมีการแฝงนัยต่างๆ ที่ละเอียดอ่อน สวยงาม ทรงคุณค่า และส่งเสริมให้ ดัชเชสเมแกน สวยสง่างดงามในพิธีเสกสมรส

 

Givenchy นั้นเป็นแบรนด์ที่เรียกได้ว่าครบเครื่อง เพราะมีตั้งแต่เสื้อผ้าของสตรีและบุรุษ อีกทั้งยังมีทั้งเครื่องประดับ เครื่องหนัง ไลน์โอต์กูตูร์ รวมถึง น้ำหอม เครื่องสำอางค์ โดยมี ITEM ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น กระเป๋า Givenchy รุ่น GV3 สินค้าที่เป็นที่นิยมมากเมื่อ เปิดตัวในคอลเลคชั่น Spring Summer 2018  เป็นกระเป๋าใบแรกที่ออกแบบโดย Clare Waight Keller (แคลร์ เวธ เคลเลอร์) โดยได้รับฉายาเป็น It Bag (กระเป๋าที่ต้องมีประจำซีซั่น) อีกด้วย

ส่วนอีกรุ่นที่นิยมไม่แพ้กัน คือ Antigona (แอธิโกน่า) เป็นกระเป๋าคลาสสิคที่สุภาพสตรีทุกคนต้องมีไว้ครอบครอง แถมรุ่นนี้            มีหลากหลายสีสันให้เลือกซื้อเลือกสะสมได้อีกด้วย แต่ถ้าหากคนไหนชอบสายสตรีท ใบที่คู่ควร คือ รุ่น Pandora Strap เป็นกระเป๋าที่สามารถเข้ากับทุกลุคได้ดี โดยเฉพาะสาวๆ ที่ชื่นชอบความคล่องตัว

Givenchy ถือเป็นแบรนด์ที่คุ้นตาเราตามงานพรมแดงอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น Cannes Film Festival, Golden Globe Award,    Met Gala, Grammy Awards หรือแม้เเต่เทศกาลหนังชื่อดังอย่าง Oscar แบรนด์ Givenchy มักจะได้รับเกียรติจากนักแสดงศิลปินชั้นนำระดับแนวหน้าหลายคน เลือกสวมใส่เฉิดฉายบนพรมแดงอยู่เสมอ แม้แต่อุตสหกรรมเพลงที่ศิลปิน นักร้องชื่อดังอย่าง Harry Style, Beyonce & Jay-Z, Rihanna ต่างก็เลือกสวมใส่ Givenchy ขึ้นเล่นคอนเสิร์ตอีกด้วย

 

G 4 ตัว เครื่องหมายการค้าอันเป็นเอกษณ์

หากกล่าวถึง ส่วนโลโก้ G 4 ตัว ของแบรนด์ ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ที่ทรงอิทธิพลอย่างมากในวงการแฟชั่น โดยสัญลักษณ์นี้มีความสะดุดตา โดดเด่น สามารถจดจำได้ขึ้นใจเพียงเห็นแค่ครั้งแรก จนกระทั่ง ในปี ค.ศ. 1989 Givenchy ถูกซื้อกิจการไปโดย LVHM (Moet Hennessey Louis Vuittion) ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่ดูแลทั้งแบรนด์ชื่อดังมากมาย อาทิเช่น Dior, Lacrui, Kenzo เป็นต้น

 

 

การที่ Givenchy อยู่ภายใต้การบริหารงานของกลุ่ม LVHM นั้นเพื่อเป็นการขยายฐานธุรกิจที่มีความมั่นคง แต่แบรนด์ยังคงดำเนินต่อไป ด้วยอัตลักษณ์ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง จากนั้น อูแบร์ จึงได้วางมือจากวงการแฟชั่นใน ปี ค.ศ. 1995 และหันไปโฟกัสกับการสะสมงานศิลปะที่เขาชื่นชอบ

อูแบร์ ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 2018 ด้วยวัย 91 ปี นั่นแปลว่าเขาได้อำลาวงการแห่งโลกแฟชั่นอย่างเป็นทางการ เหลือไว้เพียงแค่ตำนาน และชื่อเสียงของเขาไปตลอดกาล จะเห็นได้ว่าผลงานที่ผ่านมาของ Givenchy นั้นล้วนแล้วแต่สร้างความแปลกตาและแปลกใหม่ ดังนั้น แบรนด์ Givenchy จึงเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นได้ว่า ความแตกต่าง ไม่ได้แปลว่าไม่ดีเสมอไป บางครั้งอาจจะนำมาซึ่งความยิ่งใหญ่ระดับโลกก็เป็นได้ ปัจจุบัน Givenchy ยังคงผลิตสินค้าออกมาอย่างต่อเนื่อง เป็นแบรนด์ที่ครองใจเหล่าศิลปินดาราและเซเลบริตี้ไม่เสื่อมคลาย และยังคงไม่ละทิ้งจิตวิญญาณของการเป็น Givenchy

รัก
xoxo