วิธีดูกระเป๋า Lady Dior ของแท้ – กระเป๋าถือรุ่น Lady Dior นั้น ถือได้ว่าเป็นเรือธงของแบรนด์ Christian Dior ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงมาเป็นเวลาหลายปี เป็นหนึ่งในกระเป๋าอันทรงอิทธิพลที่สุดในวงการแฟชั่น ที่ถูกตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติให้กับเลดี้ไดอาน่า หรือ เจ้าหญิงไดอาน่า แฟชั่นไอคอนแห่งยุค 80-90 และเช่นเดียวกับกระเป๋าแบรนด์ดังอื่น ๆ ที่ประสบปัญหาของลอกเลียนแบบที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นในปัจจุบัน
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักแต่ละส่วนของกระเป๋ารุ่นนี้ให้มากขึ้น พร้อมทั้งจุดสังเกตต่าง ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เพื่อเป็นคู่มือเบื้องต้น ให้ผู้อ่านได้ทำการลองสังเกต รวมทั้งสามารถแยกแยะกระเป๋าของแท้และของปลอมด้วยตัวเองง่ายๆกันค่ะ
1. The Stitches
กระเป๋า Lady Dior ทุกใบ ใช้วิธีการเย็บเป็นลวดลายที่เรียกว่า “คานนาจ” (Cannage Pattern) อันได้รับแรงบันดาลใจมาจากเก้าอี้นโปเลียนที่ 3 ในงานเปิดตัวแฟชั่นโชว์ครั้งแรกของ Dior เมื่อปี ค.ศ. 1947 มีลักษณะการสานของลายคล้ายกับลวดลายทรงเลขาคณิตแบบซ้อน เป็นผลงานที่สวยหรูไร้ที่ติ นับเป็นงานหัตถศิลป์ขั้นสูง ฝีมือเยี่ยม ยากจะหาใครมาเทียบ
สำหรับฝีเย็บในกระเป๋าแท้ จะต้องมีความเรียบร้อย ไม่มีตำหนิ ไม่มีการหลุดลุ่ยของด้าย ลักษณะของฝีเข็มจะมีขนาดเล็กมาก เย็บตรงลายเป็นเส้นเล็ก ๆ ตัดไขว้กันจนไม่สามารถรู้สึกถึงได้ด้วยการสัมผัส รวมทั้งสีของด้าย จะต้องเป็นสีเดียวกลืนไปกับกระเป๋า อีกทั้งรอยเย็บจะไม่ลึกมากจนกดส่วนหนังให้จมลงไป
ในส่วนของกระเป๋าของปลอม ฝีเย็บจะไม่ราบเรียบเฉกเช่นของแท้ อีกทั้งในกระเป๋าปลอมบางใบ เส้นด้ายยังมีขนาดที่หนาจนเห็นได้ชัด และมีสีที่แตกต่างไปจากตัวกระเป๋า เพื่อความแน่ใจ ให้ทำการเช็ครอยฝีเข็มทุกจุดบนตัวกระเป๋า ทั้งบริเวณหูจับ ช่องซิป ด้านนอกและด้านในกระเป๋าทุกส่วน
2. The Handles and Charms
ส่วนของหูจับกระเป๋าก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม หูจับของกระเป๋าแท้นั้น จะมีโครงสร้างที่แข็งแรงและมั่นคง โค้งนูนเป็นครึ่งวงกลมสวยงาม ในขณะที่กระเป๋าปลอมส่วนใหญ่ หูหิ้วจะไม่สามารถตั้งตรงได้ มักจะเอนไปทางใดทางหนึ่งเสมอ โดยมีลักษณะของหูจับที่หนาและไม่สมส่วน การเย็บตะเข็บบนหูจับก็เช่นกัน ควรสังเกตทุกรายละเอียด เพื่อที่คุณจะไม่พลาดในทุกรายละเอียดของกระเป๋าใบนั้น ๆ อีกทั้งหูจับของกระเป๋าจะต้องไม่มีการพันด้วยกระดาษ หรือห่อพลาสติกใสใด ๆ
ในส่วนของอะไหล่ จะต้องได้รับการตกแต่งอย่างเรียบร้อย พวงกุญแจที่ห้อยมากับกระเป๋าเป็นตัวอักษร “DIOR” จะต้องมีความคมชัด มั่นคง มีความเสถียร ไม่เคลื่อนจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งได้ง่าย สีของพวงกุญแจจะต้องสัมพันธ์กับสีอะไหล่ของกระเป๋า ตัวอะไหล่โลหะวงรีจะเป็นช่องสำหรับกันการเสียดสีระหว่างหนังและอะไหล่โลหะ สลักคำว่า “CD” (ตัวพิมพ์ใหญ่) แต่ในของปลอมนั้นจะสามารถเคลื่อนย้ายได้ง่ายมากจึงไม่มั่นคง และนี่คือความแตกต่างที่คุณสัมผัสได้ด้วยการสัมผัสกระเป๋าทั้งสองใบว่าเป็นของจริงและของปลอม
อีกหนึ่งจุดสำคัญอีกจุดคือแผ่นหนังรูปวงรี ที่อยู่ด้านหลังของพวงกุญแจ DIOR ซึ่งจะมีตัว Heat Stamp ปั๊มลงบนแผ่นหนังนั้น ในกระเป๋าของแท้จะระบุคำว่า “Christian Dior” จะไม่มีปั๊มข้อความอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ ในขณะที่กระเป๋าปลอมส่วนมาก จะทำการปั๊มคำว่า “Christian Dior Paris” และ “Made in Italy”
3. Zipper
สำหรับตัวซิป จะทำการเย็บติดกับตัวกระเป๋า โดยใช้ด้ายที่มีสีเดียวกันกับตัวกระเป๋า โดยหัวซิปจะมีลักษณะเป็นวงรี มีสลักโลโก้ “CD” บนนั้น ตัวสลักต้องมีความคมชัด หัวซิปเชื่อมติดอยู่กับสายโซ่ขนาดเล็ก ร้อยเป็นห่วงต่อกันทั้งหมด 4 ข้อ (ขนาดใหญ่ 3 ข้อ และ ขนาดเล็ก 1 ข้อ) ซึ่งการออกแบบอันสวยงามนี้ เปรียบเสมือนเครื่องประดับที่เพิ่มความหรูหราให้กับตัวกระเป๋า ตัวซิปจะต้องมีความแข็งแรง เมื่อทำการรูดซิปเข้าและออก ขอบหนังทั้ง 2 ด้านของซิปจะต้องปิดสนิทพอดี
ในส่วนของกระเป๋าปลอม อาจพบว่า สายโซ่ที่เชื่อมต่อกับหัวซิป อาจมีเพียงแค่ 3 ข้อ หรือซิปอาจมีลักษณะไม่แข็งแรง เพราะใช้ซิปที่ไม่มีคุณภาพ ทำให้โครงสร้างกระเป๋าอ่อนยวบ และแม้แต่ตัวสลัก “CD” ที่ไม่คมชัด
Dior ใช้ซิป 2 แบบหลัก ๆ คือ ซิปจากแบรนด์ Lampo และซิปของแบรนด์ที่ผลิตขึ้นเอง ในปัจจุบันการตรวจสอบในส่วนของซิปควรใช้ความระมัดระวังและรอบคอบ เพราะบริษัทที่ผลิตกระเป๋าละเมิดลิขสิทธิ์ ได้ค้นพบวิธีลอกเลียนแบบการทำซิปได้เสมือนกระเป๋าของแท้ ด้วยเทคโนโลยีการแกะสลักชั้นสูงที่ได้รับการพัฒนา จึงนับว่าเป็นสิ่งเล็กน้อยที่ไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียว
4. The Interior
ภายในกระเป๋าของกระเป๋า Lady Dior จะพบกับป้ายหนัง ที่ประทับตราแบรนด์ด้วยกรรมวิธี “Heat Stamp” โดยจะอยู่ด้านในของกระเป๋า ป้ายหนังจะต้องมีลักษณะโค้งมนที่ปลายมุมด้านล่าง ไม่ใช่แบบสี่เหลี่ยม ด้านบนตรงมุมทั้ง 2 ด้านจะต้องตั้งฉากพอดี กระเป๋าที่ผลิตก่อนปี ค.ศ. 1990 จะมีการเย็บแค่ฝีเข็มเดียวที่ด้านบนของป้ายหนังเท่านั้น แต่กระเป๋าในยุคปัจจุบันจะมีการเย็บโดยรอบ ตราประทับควรมีสีเช่นสีทองหรือสีเงิน ขึ้นอยู่กับอะไหล่ของกระเป๋า หากมีการปั๊มลงไปโดยไม่มีสี สามารถสันนิษฐานเบื้องต้นได้ว่าอาจจะเป็นกระเป๋าของปลอม
ตราประทับบนแผ่นหนัง จะมีคำว่า “Christian Dior PARIS” และด้านล่างจะประทับคำว่า “MADE IN ITALY” (ตัวพิมพ์ใหญ่) เนื่องจากตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา กระเป๋า Lady Dior ทุกใบ จะไม่มีการผลิตจากประเทศฝรั่งเศส ดังนั้น จะไม่มีตราประทับหรืออุปกรณ์เสริมใด ๆ ที่บ่งบอกว่ากระเป๋าผลิตจากประเทศฝรั่งเศส หรือ Made in France อย่างแน่นอน หากพบเจอข้อความดังกล่าว ฟันธงได้เลยว่าเป็นกระเป๋าของปลอมอย่างแน่นอน
ซ้าย : ของแท้ ขวา : ของปลอม
เมื่อพลิกด้านหลังของป้ายหนัง เราจะพบกับ Serial Number หรือ รหัส Date Code ของกระเป๋า ตัวประทับทุกตัวอักษรจะต้องมีความชัดเจน ภายในกระเป๋าจะบุด้วย…ทำจากผ้า ที่มีลวดลาย Cannage Motif หรือ ลายคานนาจ ใช้วิธีการทอแบบ Jacquard Weave และภายในกระเป๋ามีช่องซิป 1 ช่อง การตัดเย็บภายในจะต้องเรียบร้อย ไม่มีการหย่อนหรือพองตัวของผ้าบุภายในอย่างเด็ดขาด
5. The Date Code
ภายในกระเป๋า จะพบกับแผ่นหนังเล็ก ๆ ที่เย็บติดอยู่ใต้ซิป เมื่อพลิกด้านหลังจะพบกับรหัส Date Code รูปแบบเดียวกันกับที่พบในกระเป๋า Louis Vuitton เนื่องจาก Dior อยู่ภายใต้บริษัทแม่อย่าง LVMH เช่นเดียวกัน โดยรหัสจะมีลักษณะ เริ่มต้นด้วยตัวเลข 2 ตัว ตามด้วยตัวอักษร 2 ตัว และปิดท้ายด้วยตัวเลขอีก 4 ตัว (00-XY-0000) ในส่วนของตัวอักษรจะบ่งบอกถึงสถานที่ หรือโรงงานที่ผลิตกระเป๋า ส่วนตัวเลขอาจหมายถึง วันที่ สัปดาห์ หรือเดือนที่ทำการผลิต ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปีไม่ซ้ำกัน
ยกตัวอย่างเช่น 16-BO-0133 ตัวเลข 4 ตัวหลังจะบอกถึง เดือนและปีที่กระเป๋าถูกผลิต ในตัวอย่างนี้คือ 0133 โดยตัวเลขที่ตำแหน่งที่ 1 และ 3 จะหมายถึงเดือน นั่นก็คือเลข 03 ส่วนตัวเลขตำแหน่งที่ 2 และ 4 หมายถึงปี คือเลข 13 นั่นหมายความว่า กระเป๋าใบนี้ถูกผลิตเมื่อเดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 2013
ตัวอักษรทั้งหมดจะต้องเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ และเลขศูนย์ควรเป็นรูปโค้งมนกว่าเลขศูนย์ปกติ แต่บางครั้งกระเป๋ารุ่น Limited Edition อาจมีการใช้รูปแบบตัวอักษรหรือลักษณะของรหัสที่แตกต่างกันได้ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องดูรายละเอียดอื่น ๆ ประกอบด้วยเช่นกัน
6. The Lady Dior Feet
กระเป๋าที่มีส่วนประกอบหลายชิ้น อย่าง Lady Dior นั้น ตัวกระเป๋าจะมีอะไหล่ที่เปรียบเสมือนขาหรือที่เรียกว่ากระดุมโลหะ อยู่ที่บริเวณฐานก้นกระเป๋า ทั้งนี้เพื่อป้องกันการสึกหรอของพื้นกระเป๋า โดยอะไหล่นี้มีความเป็นเอกลักษณ์พิเศษ ในขณะที่กระเป๋าแบรนด์อื่น ๆ อาจใช้กระดุมเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมหรือรูปทรงแบน แต่สำหรับกระเป๋า Lady Dior นั้น เป็นการออกแบบผสมผสานระหว่าง “ทรงกรวย” และ “ทรงโดม” จึงได้ออกมาเป็นอะไหล่รูปทรงโดมเรียว จำนวนกระดุมอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับขนาดของกระเป๋าและปีที่ผลิต
7. Dust Bag
ถุงผ้ากันฝุ่น เป็นอีกส่วนสำคัญ ที่คุณควรตรวจสอบก่อนซื้อกระเป๋า Lady Dior ความแตกต่างอยู่ที่วัสดุสีของถุง ขนาดและแบบอักษรของโลโก้ Dior ที่ประทับอยู่ด้านหน้าของถุงผ้า ศึกษาและตรวจตรารายละเอียดเหล่านี้อย่างละเอียดแล้วคุณจะรู้ว่าของจริงมีลักษณะเป็นอย่างไร และคุณจะสามารถแยกแยะได้ทันทีเมื่อเจอกับถุงผ้าของปลอม
ถุงผ้ารุ่นใหม่ของ Dior เป็นถุงผ้า Cotton 100% สีขาวล้วน มาในลักษณะถุงผ้ามีหูรูด พิมพ์ตัวอักษร “Dior” สีเทา โดยโลโก้ Dior จะอยู่ตรงกึ่งกลางพอดีของตัวถุงผ้า ตัวอัษรต้องมีขนาดพอดี มาตรฐาน ไม่อ้วนหรือผอมจนเกินไป สำหรับถุงผ้ารุ่นเก่า จะเป็นถุงผ้าคอตตอนสีขาว พิมพ์ตัวอักษร “Christian Dior Paris” โดยตัวอักษรนั้นเป็นสีเทาเช่นกัน โปรดหลีกเลี่ยงถุงผ้าที่ไม่ได้ตัดเย็บจากผ้าฝ้าย เช่น ผ้าไหม หรือผ้าที่สะท้อนแสง
8. The Authenticity Certificates
กระเป๋า Lady Dior ทุกใบ ควรมาพร้อมกับซองจดหมายเล็ก ๆ ด้านในแนบการ์ดสีเทา ซึ่งมีลักษณะเป็นพลาสติกขนาดบาง และคู่มือสำหรับดูแลรักษากระเป๋าเล่มเล็กสีขาว (Care Booklet) ในตัวการ์ดแต่ละใบ จะมีคำการันตีซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ภาษาด้วยกันคือ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาอังกฤษ และภาษาญี่ปุ่น การสะกดคำต้องถูกหลักไวยากรณ์
ด้านหน้าของบัตร จะต้องมีตัวอักษรคำว่า “Christian Dior” ตีพิมพ์เป็นสีดำหรือสีทอง ตัวอักษรต้องมีความคมชัด พลิกไปที่ด้านหลังของบัตร จะมีช่องว่างเล็ก ๆ 2 ช่อง และช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ 1 ช่อง เพื่อใช้ระบุรายละเอียดของร้านค้าหรือบูทิคที่จำหน่ายกระเป๋า วันที่ ที่ได้ทำการซื้อกระเป๋าใบนั้น ๆ รวมถึงหมายเลขอ้างอิง โดยการประทับตรา (หรือเขียน) ของร้าน และวันที่ลงในช่องว่างเหล่านั้น บัตรที่มากับกระเป๋าปลอมส่วนใหญ่ จะมีแค่ช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่เพียง 2 ช่องเท่านั้น
จากความร้อนแรงที่ไม่เคยตกกระแสของ Lady Dior ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไอเท่มที่เป็นที่ใฝ่ฝันของสาว ๆ มาทุกยุคทุกสมัย นั่นทำให้ตลาดสินค้าลอกเลียนแบบ เติบโตขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งหมดนี้ คือข้อสังเกตง่าย ๆ ที่คุณสามารถทำการสังเกตเบื้องต้นได้ด้วยตนเองก่อนการตัดสินใจเป็นเจ้าของกระเป๋า Lady Dior สักใบ หากต้องการศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระเป๋า Lady Dior สามารถติดตามได้จากที่นี่ 11 วิธีตรวจสอบกระเป๋า Lady Dior ของแท้แบบกูรู
ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่มีอะไรที่จะสามารถการันตีได้ 100% ว่าสินค้าที่วางขายในตลาดสินค้าแบรนด์เนมมือ 2 จะเป็นกระเป๋าของแท้ ซึ่งคุ้มค่ากับเงินที่เราจะเสียไป ดังนั้นสิ่งที่สามารถทำได้ นอกเหนือจากการเลือกซื้อสินค้าจากร้านบูทีคของ Dior แล้วนั้น เราควรต้องทำการศึกษาค้นคว้าส่วนประกอบของกระเป๋าอย่างละเอียด ค้นหาเปรียบเทียบข้อมูลจากหลาย ๆ แหล่ง ที่สำคัญ เลือกซื้อขายกับตัวแทนที่จะได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการและเชื่อถือได้ เพื่อเป็นการรับประกัน ว่าการลงทุนกับกระเป๋าใบสวยของเราจะไม่สูญเปล่า
รัก
xoxo