To top
1 Jul

ย้อนรอยพัฒนาการของ Louis Vuitton Neverfull

ย้อนรอยพัฒนาการของ Louis Vuitton Neverfull ด้วยการออกแบบที่คำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยอันสูงสุด หนึ่งในกระเป๋า Tote ที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลกแห่งแฟชั่นสินค้าหรูหรา ตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2007 ยืนยันด้วยชื่อ”ไม่มีวันเต็ม” ด้วยน้ำหนักที่เบา หูจับหนังลูกวัวแท้ที่ดูละเอียดอ่อนได้รับการเสริมความแข็งแรงด้วยการเย็บสองครั้งและการเย็บตะเข็บหนาที่สามารถรองรับน้ำหนักได้มากกว่า 200 ปอนด์ ได้รับการออกแบบอย่างชาญฉลาด ร่วมย้อนรอยความสำเร็จของกระเป๋ารุ่นนี้ไปพร้อมกัน

 

History of the Louis Vuitton Neverfull

กล่าวกันว่า Neverfull ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 2007 ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อแข่งขันกับกระเป๋า Tote รุ่น St. Louis อันโด่งดังของ Goyard แม้จะมีรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกันของกระเป๋าทั้ง 2 รุ่น แต่ทว่า Neverfull อันเป็นเอกลักษณ์ของ Louis Vuitton ก็มีเอกลักษณ์และลักษณะเฉพาะตัวของแบรนด์ ที่หลาย ๆ คน ให้ความไว้วางใจ

ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ไม่มีวันเต็ม” ตามชื่อของกระเป๋า ดีไซน์การออกแบบที่เรียบง่าย แต่พ่วงด้วยประโยชน์ใช้สอยที่เต็มเปี่ยม จึงกลายเป็นหนึ่งในกระเป๋าที่เป็นที่ใฝ่ฝันของทั้งคุณผู้หญิงคุณผู้หญิงไปโดยปริยาย รวมถึงยังอยู่ในลิสต์ของกระเป๋าแบรนด์เนมใบแรก ที่ทุกคนหมายปองอยากเป็นเจ้าของอีกด้วย

โดยกระเป๋า Neverfull หนึ่งใบ จะใช้เวลาในการตัดเย็บนานถึง 45 ชั่วโมง โดยช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญ ด้านนอกของกระเป๋า ตัดเย็บจากวัสดุผ้าใบ Canvas คุณภาพสูง ด้านในบุด้วยผ้าชั้นดี ซึ่งเราสามารถแบ่ง Neverfull ออกได้เป็น 2 รุ่นคือ รุ่นที่ผลิตในช่วงปี ค.ศ. 2007-2014 และรุ่นที่ผลิตในปี ค.ศ. 2014-ปัจจุบัน ซึ่งในรุ่นปี 2014 จะมาพร้อมกับกระเป๋าใบเล็ก (Pouch) โดยทั้ง 2 รุ่นมีรายละเอียดที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

หลังจากเปิดตัว Neverfull กลายเป็นกระเป๋า Tote ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดภายใต้แบรนด์ LV นอกจากลวดลายโมโนแกรมแล้ว ยังได้เปิดตัวในวัสดุ สี และลายพิมพ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น หนัง Epi, ผ้าใบ Damier, Mini Lin, Monogram Empreinte รวมถึงรุ่น Limited Edition อื่น ๆ และเวอร์ชั่นความร่วมมือกับศิลปินและคนดังระดับโลกไม่ว่าจะเป็น Stephen Sprouse, Takashi Murakami, Richard Prince, Yayoi Kusama, Kansai Yamamoto พร้อมรูปแบบ Seasonal ตามฤดูกาลต่าง ๆ อีกด้วย

 

Size of Neverfull

ดังที่เราได้เห็นแล้วว่า Louis Vuitton Neverfull ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เป็นกระเป๋า Tote ที่สมบูรณ์แบบ ในทุกรายละเอียด หรูหราแต่ใช้งานได้จริงและสะดวกสบาย จากคำกล่าวของ Nicholas Knightly อดีตผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบเครื่องหนัง LV Tote มี “สายสะพายของกระเป๋า มีความยาวจากไหล่ที่เหมาะสมพอดีเพื่อความสะดวกสบายในการสะพายและให้ความรู้สึกใกล้ชิดแนบสนิทกับร่างกาย”

Neverfull ผลิตขึ้นจากงานฝีมืออันประณีตเช่นเดียวกับกระเป๋า Louis Vuitton รุ่นอื่น ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ยกตัวอย่างเช่น Keepall หรือ Noé ซึ่งหมายความว่ากระเป๋าที่คุณรักจะทนทานเท่าที่จะเป็นไปได้ ผ้าใบบนตัวกระเป๋าสามารถกันน้ำ กันรอยขูดขีดและป้องกันการฉีกขาด ทำให้มีความทนทานเป็นพิเศษ ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแบรนด์ Louis Vuitton

ภายในของ Neverfull เป็นการแสดงความเคารพต่อประวัติศาสตร์อันสูงส่งของแบรนด์ ด้วยซับในลายทางที่ชวนให้นึกถึงผืนผ้าใบซึ่งปรากฏในหีบเดินทางในอดีต อีกทั้งยังได้รับการออกแบบให้สามารถใช้งานได้ทั้ง 2 ด้าน (Reversible Bag) หมายความว่า คุณสามารถกลับเอาด้านใน มาเป็นด้านนอกได้อย่างสมบูรณ์ เชือกผูกด้านข้างสามารถรัดให้แน่นเพื่อเสริมเสร้างความกะทัดรัดยิ่งขึ้น และยังสามารถพับให้แบนเพื่อใส่ในกระเป๋าเดินทางได้เช่นเดียวกับกระเป๋ารุ่น Sac Plat อีกด้วย

กระเป๋าถูกออกแบบมาด้วยกันทั้งหมด 3 ขนาดด้วยกัน คือ ขนาดเล็กสุด PM (Petite Modele) ขนาดกลาง MM (Moyen Modele) และขนาดใหญ่ GM (Grand Modele) เป็นทางเลือกให้กับสาว ๆ ได้มีโอกาสเลือกกระเป๋าที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง โดยขนาดที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ ขนาด MM หรือ ขนาดกลาง ซึ่งเหมาะเป็นกระเป๋าคู่ใจ ที่ใช้ได้ในทุก ๆ วัน

  • ขนาด PM : 11.4 x 8.7 x 5.1 นิ้ว
  • ขนาด MM : 12.6 x 11.4 x 6.7 นิ้ว
  • ขนาด GM : 15.6 x 12.8 x 7.9 นิ้ว

แม้ว่า Neverfull จะไม่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเหมือนกับกระเป๋า It Bag รุ่นอื่น ๆ แต่นับว่า Neverfull เป็นกระเป๋าในฝันสำหรับแฟน ๆ ของ หลุยส์ วิตตอง หลายท่าน ด้วยเหตุผลในเรื่องดีไซน์ ราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ไม่ยากนัก อีกทั้งราคาขายต่อก็ไม่ตกมากจากราคาที่ซื้อมาเริ่มแรก นั่นก็เป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้วว่า ทำไมกระเป๋า Tote ใบนี้ ถึงยังคงได้รับความนิยมอย่างสูง และติดอันดับกระเป๋ายอดนิยมจนถึงปัจจุบัน

กระเป๋าที่ผลิตหลังจาก ปี ค.ศ. 2014 เป็นต้นมา จะมาพร้อมกับกระเป๋าใบเล็ก ซึ่งกระเป๋าใบเล็กนี้ ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดมือ 2 จุดเด่นของมัน คือ หากคุณไม่ต้องการมัน คุณก็สามารถนำมาแยกขายได้อีก ราคาซื้อขายจะอยู่ที่ประมาณ $250-300 หรือราว ๆ 7,800-9,300 บาท/ใบ โดยเจ้ากระเป๋าใบเล็กนี้ มี 2 ขนาดด้วยกัน คือ ขนาด 19.3 x 12 เซนติเมตร (7.6 x 4.75 นิ้ว) มาพร้อมกับกระเป๋าขนาด PM และขนาด 24.7 x 15.2 เซนติเมตร (9.75 x 6 นิ้ว) มาพร้อมกับกระเป๋าขนาด MM และ GM

Louis Vuitton Neverfull ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในกระเป๋าที่ประสบความสำเร็จที่สุดรุ่นหนึ่งจากแบรนด์ระดับโลกอย่าง Louis Vuitton เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2007 และสามารถขึ้นแท่นเป็น “กระเป๋ายอดนิยม” โดยทันที ด้วยรูปทรงที่ถูกออกแบบมาอย่างสวยงาม ลงตัว เข้ากับทุกการแต่งตัว รวมถึงทันกระแสแฟชั่นทุกยุคทุกสมัย ความนิยมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาของกระเป๋ารุ่นนี้มีการปรับสูงขึ้นเกือบทุกปี และราคาขายในตลาดมือ 2 ก็สูงถึง 65-80% เลยทีเดียว

รัก
xoxo

KATE