ประวัติแบรนด์ Balenciaga (บาเลนเซียก้า) เริ่มต้นจากการเป็นแบรนด์แฟชั่นสุดหรูระดับโอต์กูตูร์ที่มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปี มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการออกแบบเสื้อผ้า ที่ทำให้หลายคนตื่นตาตื่นใจ การดีไซน์เน้นความเป็นศิลปะมากกว่าความหรูหราสมัยใหม่ ด้วยรูปทรงที่แปลกตา การทักษะตัดเย็บซับซ้อนจากช่างที่มีฝีมือมากประสบการณ์ และเป็นผู้นำเทรนด์แฟชั่นโอตกูตูร์ โดยเสื้อผ้าที่ออกแบบนั้นแทบจะไม่มีนิยามของคำความน่ารัก หรืออ่อนหวานเลย
ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Balenciaga
คริสโตบาล บาเลนเซียกา (Cristóbal Balenciaga) เกิดวันที่ 21 มกราคม ปี 1895 เมืองกานาเรีย ประเทศสเปน เป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์ Balenciaga และเขายังเป็นนักออกแบบแฟชั่นกูตูริเยร์ในตำนาน ที่หลายๆ คนในวงการแฟชั่นโอตกูตูร์ต่างชื่นชมอีกด้วย ต่างก็ตั้งตารอคอยผลงานการดีไซน์ของเขา ทุกผลงานที่ออกมามักจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่ผู้พบเห็นเสมอ โดย Cristóbal Balenciaga มาจากครอบครัวตัดเย็บผ้า ที่มีพ่อเป็นชาวประมงแต่ท่านเสียชีวิตทั้งแต่เค้ายังเด็ก เขาได้ซึบซับและค่อยๆ เรียนรู้การตัดเย็บจากแม่ที่เป็นช่างตัดเย็บผ้า
เขาได้เริ่มเส้นทางนักออกแบบ โดยมีโอกาสได้ไปเรียนรู้งานแฟชั่นและการตัดเย็บกับ มาร์เกซ่า เด กาซ่า ตอเรซ (Marquesa de Casa Torres) สตรีชั้นสูง ผู้เป็นลูกค้าประจำของตระกูลบาเลนเซียก้าเป็นผู้ให้คำแนะนำ นอกจากนั้น เขายังได้เข้าไปเป็นผู้ช่วยฝึกหัดในร้านตัดเสื้อย่าน San Sebastián ซึ่งเป็นย่านที่พักตากอากาศที่มีชื่อเสียงเต็มไปด้วยเหล่าคนชนชั้นสูงของสเปนมาท่องเที่ยว และยังมีร้านเสื้อผ้าที่ทันสมัยมากมายให้เขาได้ศึกษาเรียนรู้
ต่อมาใน ปี 1917 เขาได้เปิดร้านบูติกเป็นของตัวเองแห่งแรก โดยใช้ชื่อว่า Balenciaga ในย่าน ซาน เซบาสเตียน (San Sebastián) และขยายเพิ่มไปอีก 2 สาขา ในกรุงมาดริด และบาร์เซโลนา ในปี 1931 แต่ด้วยสภาพสังคมของประเทศสเปนในขณะนั้นไม่ค่อยดีนัก เกิดภาวะสงครามกลางเมือง ทำให้เขาต้องปิดทั้ง 3 สาขาลงอย่างเสียไม่ได้ และย้ายถิ่นฐานมายังประเทศฝรั่งเศส
เขาเปิดร้านบูติกใหม่อีกครั้ง ในปี 1937 ในนครปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางถนน ฌอร์ฌ-แซงก์ (Avenue George V) ความโดดเด่นของเขา คือ สไตล์การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากผลงานศิลปะแบบ Abstract วัฒนธรรมการเเต่งกายของชาวสเปนในอดีต ทำให้เขาผลิตเสื้อผ้าที่มีลักษณะเหมือนงานประติมากรรม มีรูปทรงแปลกตาอย่างน่ามหัศจรรย์
อีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่เขาใช้ในงานออกแบบ มาจากนักบุญของศาสนาคริสต์ และเหล่าเซนต์หรือทวยเทพ เพราะส่วนตัวของ Balenciaga เป็นชาวคริสต์คาทอลิก ที่เคร่งครัดศาสนาเป็นอย่างมาก และยังมีบันทึกว่าเขามักจะแวะไปสวดมนต์ที่โบสต์ถึง 2 ครั้งต่อวันอยู่เสมอ โดยรูปทรงการออกแบบที่ทำให้เขาโด่งดัง คือ รูปทรงเสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่ซับซ้อน แต่เมื่อมองตาเปล่ากลับให้ความรู้สึกเรียบง่าย ใส่สบาย ไม่เทอะทะ แถมยังมีน้ำหนักเบาอีกด้วย
หนึ่งในผลงานที่โดดเด่น คือ งานดีไซน์ชุดกระโปรงผ้าไหมกาซาร์ ที่ทำให้หลายคนต้องตะลึงกับผ้าคลุมไหล่ที่สามารถปรับขึ้นลงได้ โดยผลงานของ Balenciaga ชิ้นนี้ มีการออกแบบที่เริ่มจากการเลือกผ้าที่จะให้ตัดมาดีไซน์ ให้ได้รูปทรงที่เข้ากับชิ้นผ้า มากกว่าการออกแบบชุดแล้วค่อยหาผ้ามาตัดเย็บ ในส่วนนี้ทำให้ชุดที่เขาดีไซน์มีรูปทรงที่แปลกตาราวกับงานประติมากรรม
นอกเหนือจากชื่อเสียงด้านการออกแบบเสื้อผ้าแล้ว ตัวของ Balenciaga ก็มีชื่อเสียงในเรื่องการไม่ชอบเข้าสังคมเช่นกัน จนถึขั้นมีข่าวลือว่าเขาไม่มีตัวตนอยู่จริง เพราะเขาไม่เคยปรากฏตัวในตอนจบของแฟชั่นโชว์ ไม่เคยพบปะลูกค้า แม้กระทั่งตอนที่ลูกค้ามาลองเสื้อที่ร้าน ต่างจากนักออกแบบโอตกูตูร์คนอื่นๆ ที่มักปรากฏตัวให้สื่อได้เห็นอย่าง คริสเตียน ดิออร์ หรือ โคโค่ ชาแนล
Balenciaga เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อเพียงครั้งเดียว และเขายังเคยแบนไม่ให้สื่อได้เห็น หรือถ่ายรูปสินค้าจนกว่าลูกค้าจะเห็นก่อนเป็นเวลาถึงหนึ่งเดือน นอกจากนี้ เขายังเล่าเปิดใจกับ กุสตาฟ ซุมสเตก (Gustav Zumsteg) เจ้าของผลิตภัณฑ์ผ้าไหม Abraham จากสวิสเซอร์แลนด์ ไว้ว่า “อย่าเสียเวลากับเรื่องเข้าสังคม” โดยเขาหมายถึง การไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องซุบซิบ ไร้สาระของวงการแฟชั่น ให้หันมาสนใจ และพัฒนาผลงานการดีไซน์ของตนเองดีกว่า
แบรนด์ Balenciaga ถือได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เป็นห้องเสื้อโอตกูตูร์ที่มีทั้งราชวงส์ เหล่าขุนนางชนชั้นสูง เดินทางมาตัดชุดกับทางแบรนด์มากมาย แต่ด้วยความนิยมของแฟชั่นที่เปลี่ยนไป ในช่วงกลางปี 1960 กระแสแฟชั่นวัยรุ่นตามท้องถนน ทำให้เสื้อผ้าแบบ ready-to-wear เป็นที่นิยมมากกว่าเสื้อผ้าสไตล์โอตกูตูร์ชั้นสูง ทำให้ Balenciaga ตัดสินใจปิดห้องเสื้อลงในปี 1968 และออกจากวงการแฟชั่นอย่างถาวรด้วยวัย 74 ปี ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตในวันที่ 23 มีนาคม 1972 ที่ประเทศสเปน บ้านเกิดของเขา
Balenciaga ในกลุ่มบริษัท Bogart
ในปี 1987 กลุ่มบริษัท Bogart (โบการ์ต) เป็นกลุ่มธุรกิจแบรนด์น้ำหอมและเครื่องสำอางค์ ได้รับสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของแบรนด์ Balenciaga โดยมี มิเชล โกมา (Michel Goma) เป็นดีไซน์เนอร์ เริ่มออกแบบเสื้อผ้า ready-to-wear ที่มีสีสันสดใสขึ้น และในปี 1992 ก็ได้ โจซีฟิส ติมิเตอร์ (Joesphus Thimister) นักออกแบบที่โด่งดังในขณะนั้น ได้นำรูปแบบกึ่งดั้งเดิมของ Balenciaga มาใช้ในงาน เพื่อทำให้แบรนด์กลับสู่แฟชั่นระดับโอตกูตูร์อีกครั้ง
นีโกลาส์ เฌสกีแยร์ (Nicolas Ghesquière) ได้เข้ามาเป็นผู้อำนวยการสร้างคนต่อมา คอลเลคชั่นของเขาส่วนใหญ่เน้นสีดำ ลายเส้นโค้งผสมความเป็นศิลปะเทรนด์ในปี 1990 เขาได้ดีไซน์ชุดสายเดี่ยวสปาเกตตี้ เหมาะกับผู้หญิงที่ชื่นชอบความสดใส ซึ่งกลายเป็นชุดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ยังมีสินค้าภายใต้การออกแบบของเขา อย่าง กระเป๋า Lariat รองเท้าบูทนักรบ และภาพพิมพ์ลายดอกไม้ที่กลายเป็นสินค้าขึ้นชื่อของทางแบรนด์
งานออกแบบของ Nicolas ในช่วงเวลา 3 ปี จะเห็นได้ชัดว่า เขาแสดงออกถึงความเคารพต่อผู้ที่ก่อตั้งแบรนด์เป็นอย่างมาก ซึ่ง Nicolas ได้ปรับเปลี่ยนงานออกแบบเก่าของ Cristóbal Balenciaga อย่าง ชุดเสื้อโคคูน ที่มีการดีไซน์ให้มีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้สวมใส่นำมามาผสมเข้ากับสไตล์ความเป็นเอมริกันสปอร์ต เพิ่มรายละเอียดตาข่าย เเละซิป ทำให้สินค้ากลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง จากความสำเร็จนี้ ทำให้ทางกลุ่มบริษัท Kering (เกอริง) ที่เป็นกลุ่มบริษัทธุรกิจแบรนด์หรู หันมาให้ความสนใจ เข้ามาซื้อหุ้น และกลายเป็นเจ้าของแบรนด์ Balenciaga ในปี 2001
Balenciaga ภายใต้กลุ่ม Kering ธุรกิจแบรนด์หรู
Balenciaga ภายใต้กลุ่ม Kering ได้ทำการตลาดรูปแบบใหม่ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นการจัดนิทรรศการต่างๆ หรือการโฆษณาทางมีเดีย เริ่มต้นด้วยการปล่อยทีเซอร์เปิดตัวเสื้อผ้าผู้ชายแบบ ready-to-waer และ Accessories ในปี 2004 และเมื่อปี 2006 ได้จัดนิทรรศการของ Balenciaga ที่ Musée des Arts Décoratifs ในนครปารีส ต่อมาก็ได้มีการจัดนิทรรศการอีกแห่ง คือ Balenciaga and Spain ที่พิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์ De young ในเมืองซานฟรานซิสโก และยังได้เปิด พิพิธภัณฑ์ Cristobal Balenciaga ที่ กานาเรีย ประเทศสเปน ในปี 2011
ในปี 2012 ได้นักออกแบบชาวอเมริกัน Alexander Wang (อเล็กซานเดอร์ แวง) มาเป็นผู้อำนวยการสร้าง แต่ด้วยการออกแบบที่จำเจของเขา ทำให้ในปี 2015 ต้องลงจากตำแหน่ง และได้นักออกแบบชาวจอร์เจีย อย่าง Demna Gvasalia (เด็มนา กวาซาเลีย) มารับช่วงต่อเป็นผู้อำนวยการสร้างของแบรนด์ Balenciaga
ในปี 2016 เขาได้นำเสนอแฟชั่นโชว์ที่มีผู้ชายบนรันเวย์ของแบรนด์เป็นครั้งแรกในคอลเลคชั่น Spring Summer 2017 และในปีต่อมาก็ได้เปิดสาขาใหม่ในปารีส บนถนน Avenue Montaigne (อเวนิว มองเเตเนอ) แรงบันดาลใจในการออกแบบของ Demna Gvasalia มาจากความชอบในเสื้อผ้าแนวสตรีท เอกลักษณ์ของแบรนด์ที่เป็นเสื้อผ้าสไตล์ไหล่กว้าง ช่วยให้เห็นรูปร่างของผู้หญิงมากขึ้น
ในปัจจุบันแบรนด์ Balenciaga เป็นแบรนด์ที่มีการออกแบบคอลเลคชั่นที่ยังคงมีความแปลกตา แต่ผสมกลิ่นอายเเนวสตรีท สินค้าของแบรนด์มีหลากหลายสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค อาทิ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า แอคเซนซอรี่ เเละยังคงเป็นแบรนด์ที่เหล่าดาราเซเลป ต่างต้องมีไว้ในครองครอบ อย่าง นักแสดงสาว ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์ กับ กระเป๋า Hourglass xs top handle เสื้อสเวตเตอร์ Allover logo crewneck หรือไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นไอคอนตัวแม่อย่างสาว ชมพู่ อารยา ที่ได้เลือกหยิบแฟชั่นรองเท้าบูทสุดแปลกตามาสวมใส่ สร้างความฮือฮาบนโลกโซเชียลอยู่บ่อยๆ
หากย้อนมอง ประวัติแบรนด์ Balenciaga อย่างละเอียดจะพบว่า Balenciaga เป็นแบรนด์ที่ไม่ยอมตาย มีจุดน่าสนใจและข้อแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ อยู่เยอะ เนื่องจากตัวแบรนด์มีการปรับ DNA จากโอต์กูตูร์มาเป็นแบรนด์หรูกึ่งสตรีทที่ทันสมัย จนทำให้เหล่าผู้ซื้อหันมาสนใจแบรนด์มากขึ้น เจาะกลุ่มลูกค้าในช่วงอายุ 20-38 หรือกลุ่มมิลเลนเนียล ซึ่งอยู่ในช่วงวัยทำงานและมีกำลังซื้อ ทำให้แบรนด์ สามารถโตบโตจนกลายเป็นแบรนด์ Luxury ที่อยู่ในใจหลายๆ คนได้อย่างไม่ยากนัก
รัก
xoxo