To top
16 Jun

ซื้อกระเป๋า Birkin จากช็อป Hermès ต้องทำอย่างไร

ซื้อกระเป๋า Birkin จากช็อป Hermès ต้องทำอย่างไร – เรียกได้ว่าเป็นกระเป๋าแบรนด์ในฝันของสาว ๆ หลายคน สำหรับแบรนด์ Hermès เพราะถึงแม้จะอยากได้ ก็ไม่อาจได้ครอบครองกันง่าย ๆ หลายท่านอาจจะเคยได้ยินตำนานการซื้อกระเป๋า Hermès ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องความ “ยาก” เพราะแม้ว่าคุณจะเตรียมเงินพร้อมจ่ายทันที ก็ไม่ใช่เครื่องการันตีว่าคุณจะได้กระเป๋าหรูรุ่นที่หมายปองมาครอบครอง วันนี้เรามีเทคนิคดี ๆ ขั้นตอนที่เหมาะสมในการที่จะมีโอกาสได้รับการเสนอขายกระเป๋า Birkin หรือ Kelly มาแนะนำ เพื่อเป็นคัมภีร์คู่กายเตรียมตัวก่อนเข้าบูทีค Hermès

 

How to buy the Hermès Bags

ต้องขอเกริ่นก่อนว่า Hermès เป็นแบรนด์ที่มีกลยุทธิ์ทางการตลาดที่ทรงพลังมาก การนำเสนอเรื่องราวที่แตกต่าง โดดเด่น หรือมีที่มาที่ไป ของสินค้าหรือบริการ จึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่แบรนด์ควรสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ให้เกิดการรับรู้ “ความเป็นแบรนด์ที่เหนือระดับของคนกลุ่มน้อย” ลงไปในตัวตนแบรนด์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะกลายเป็น Loyalty หรือความภักดีต่อแบรนด์ได้ในอนาคต จนทำให้ Hermès ได้กลายเป็น 1 ในแบรนด์เนมที่โด่งดังและเป็นที่ต้องการมากที่สุดของโลก

สิ่งแรกที่ Hermès สื่อสารเสมอมาคือ “ความปราณีต” ของการสร้างสรรค์สินค้า กระเป๋า “Birkin” 1 ใบที่หลาย ๆ คนอย่างครอบครองนั้น ใช้ช่างฝีมือเพียง 1 คนเท่านั้นในการตัดเย็บ

ซึ่งต้องทำการตัดเย็บด้วยมือตลอดทั้งใบ ใช้เวลาทั้งสิ้นรวม 48 ชั่วโมง หรือต่อเนื่องกัน 6 วัน และใช้ช่างตัดเย็บ “อะเตอลิเยร์” (atelier) ซึ่งหมายถึงผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำกระเป๋าของแอร์เมส จากรุ่นสู่รุ่น ที่ทำให้มั่นใจได้ว่าความประณีต คงทน และความสวยงามจะไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย

แต่นอกเหนือจากองค์ประกอบแบรนด์เรื่องการใช้วัสดุชั้นยอดและกระบวนการผลิตที่ปราณีตแล้ว ก็ยังมี “กระบวนการซื้อ” อีกหลายอย่างที่คุณต้องเรียนรู้ เช่น ถ้าคุณเข้าไปที่บูทีคของ Hermès ที่ Paris แม้ทางร้านจะมีสินค้ารุ่นยอดฮิตที่คุณตามหา แต่ถ้าคุณเดินดุ่ม ๆเข้าไปถามว่ามี กระเป๋า Birkin ขนาดนี้ สีนี้ไหม คุณจะได้รับคำตอบจาก SA ในทันที่เลยว่า ไม่มี ! เพราะฉะนั้น สิ่งที่คุณจะต้องเรียนรู้ นั่นก็คือเทคนิคขั้นตอนการมัดใจ SA ให้ยอมเสนอขายกระเป๋าให้คุณนั่นเอง

 

Brand Royalty

1. คุณต้องเป็นลูกค้าเก่า มีประวัติการซื้อสินค้า Hermès มาก่อน

โดยปกติแล้ว การซื้อกระเป๋า Hermès รุ่น Birkin, Kelly, Constance คุณจำเป็นต้องมีประวัติการซื้อสินค้าของ Hermès ซึ่งต้องเป็นสินค้าที่ไม่ใช่กระเป๋าและเครื่องหนังก่อน เช่น นาฬิกา ผ้าห่ม หมอน ถ้วยแก้วจานชาม เสื้อผ้า สร้อย กำไล เครื่องประดับต่าง ๆ (บางสาขาสามารถซื้อเครื่องหนังได้ เช่น เข็มขัด รองเท้า)

เรียกว่าเป็นการทำยอด (Scored) เป็นการทยอยทำยอด โดยเข้าไปซื้อสินค้าเดือนละชิ้น ซื้อบ่อย ๆ ติดต่อกันทุกเดือนก็ได้ การทยอยทำยอด เหมาะกับการซื้อจากบูทีคภายในประเทศที่อาศัยอยู่ ควรทำยอดโดยซื้อของจาก SA คนเดิมคนเดียว เพื่อสร้างสัมพันธไมตรี SA จะเป็นคนหากระเป๋ารุ่น สี ขนาด ที่เราอยากได้มาให้

2. ถ้าต้องการซื้อกระเป๋า Hermès เลยในครั้งเดียว

สามารถทำได้โดยการ “ซื้อพ่วง” ซึ่งหมายถึง การทำยอดทั้งหมดในครั้งเดียว วิธีนี้เหมาะกับการซื้อจากบูทีคต่างประเทศ ที่มีการ Stock กระเป๋าเยอะ ๆ เช่น ฝรั่งเศส จากนั้นลองถามแบบอ้อม ๆ ว่าพอจะมีกระเป๋าที่เหมาะกับเราซักใบหรือไม่

SA จะช่วยเสนอขายกระเป๋าตามความเหมาะสม เท่าที่มีของในบูทีคอยู่ ณเวลานั้น ซึ่งหมายความว่าเป็นการซื้อยอดใหญ่ ต้องเดิมพันว่าเราจะได้กระเป๋าสีที่อยากได้หรือไม่ จึงเหมาะกับการทำยอดในร้านสาขาที่มั่นใจว่าน่าจะมีกระเป๋าในสต็อคเยอะ ๆ

3. ต้องทำยอดเท่าไหร่ ถึงจะเป็นเจ้าของกระเป๋า Hermès ได้

โดยส่วนมาก มักเรียกกันว่า “ทำยอด 1:1” อธิบายง่าย ๆ ก็คือ ถ้ากระเป๋า Kelly ที่คุณอยากได้ ขายอยู่ในบูทีค ราคา 300,000 – 400,000 บาท หมายความว่า คุณต้องทำยอดซื้อของเท่าราคากระเป๋า จึงจะมีสิทธ์ซื้อกระเป๋านั่นเอง

คอยแวะเวียนเข้าไปซื้อของเดือนละ 1-2 ครั้ง เพื่อสะสมยอดไปเรื่อย ๆ เมื่อทำยอดครบแล้ว SA จะแจ้งและสอบถามถึงกระเป๋าที่คุณอยากได้ จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่า มีกระเป๋าใบที่คุณต้องการพร้อมอยู่หรือไม่ หรือจะต้องลงชื่อเป็น Waiting List รอคิวเป็นระยะเวลา 2-3เดือน หรือข้ามปีเลยก็มี

พยายามรักษาความสัมพันธ์ของคุณกับ SA คนเดิมที่ดูแลคุณมาตั้งแต่แรก อาจจะทำให้สามารถต่อรองเป็น 0.5 เท่าได้ เช่น กระเป๋าจริงราคา 500,000 บาท ก็จำเป็นต้องซื้อของอย่างอื่นให้ได้ 250,000 – 300,000 บาท ถึงจะมีสิทธิ์ซื้อกระเป๋า

แต่กรณีนี้ขึ้นอยู่กับร้าน Hermès แต่ละสาขา และ อำนาจในการตัดสินใจในการอนุมัติซื้อกระเป๋านั้นเป็นของผู้จัดการของร้าน หาก SA ที่ดูแลคุณเป็นผู้จัดการ ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าจะถูกชะตาคลิกกันขนาดไหน

4. ราคากระเป๋า Hermès จากช็อป กับ ร้านรับหิ้วหรือ Reseller ทำไมราคาต่างกัน

เพราะความ “ซื้อยาก” นี่เอง ทำให้หลาย ๆ คนหันมาสนใจร้านรับหิ้วหรือร้าน Reseller ถึงแม้ว่าร้านเหล่านี้จะตั้งราคาสูงกว่าราคาในช็อปถึง 2 – 3 แสนบาทกันเลยทีเดียว ถามว่าทำไมถึงซื้อแล้วเอาไปขายต่อในราคาที่สูงขนาดนี้ คำตอบคือ เป็นเพราะว่าทุกคนต้องซื้อสินค้าอย่างอื่นเพื่อทำยอดถึงจะได้กระเป๋า จึงได้บวกราคาค่าทำยอดและค่าเสียเวลาเพิ่มนั่นเอง แต่ก็คุ้มสำหรับบางท่านที่ยินยอมจ่ายในราคาที่แพงกว่า เพราะกระเป๋า Birkin หรือ Kelly บางสีนั้นหายากเหลือเกิน ไม่ได้แปลว่าเข้าไปทำยอดแล้วจะได้ของมาทันที บางท่านรอคิวข้ามปีกันเลยทีเดียว

ถึงแม้จะเป็นเรื่องจริงว่ากระเป๋าของ Hermès ผลิตด้วยมือ 100% ทำให้จำนวนที่ผลิตได้ต่อปีจำนวนไม่มาก แต่ “การจำกัดจำนวน” และการสร้าง “กระบวนการซื้อ” ของกระเป๋าแบบนี้ ไม่ได้เป็นแค่การตลาด แต่ยังทำเพื่อลดโอกาสในการเข้ามาชิงซื้อเพื่อเอาไปเก็งกำไร ซึ่งการกำหนดนโยบายแบบนี้กลายเป็น “เสน่ห์” เฉพาะตัวของแอร์เมส เป็นการสร้าง “ความเหนือระดับ” ให้กับเรื่องเล่าของแบรนด์ที่ทรงพลัง ให้ความรู้สึกที่เหนือระดับ รับรู้เรื่องราวของความหาซื้อยากที่เป็น Rare items ลูกค้าที่สามารถซื้อได้จะรู้สึกภูมิใจและยิ่งภักดีในแบรนด์มากขึ้น มันประทับในใจของลูกค้าแบบไม่รู้ลืมเลยทีเดียว

รัก
xoxo

Wariya Pokawaranon