กระเป๋า Celine ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ Luxury ที่อยู่ในใจของใครหลายๆ คน ด้วยการดีไซน์เรียบหรูเป็นเอกลักษณ์ในแบบของตัวเอง แม้จะไม่ได้เห็นชื่อแบรนด์โดยตรง แต่เพียงแค่เห็นกระเป๋า ทุกคนต่างก็รู้ว่านี้คือ DNA ของ Celine ด้วยความนิยมของแบรนด์ จึงทำให้ในปัจจุบัน มีสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ออกมามากมาย วันนี้เราจึงจะมาแนะนำถึงเทคนิคและวิธีดูกระเป๋า Celine ของแท้ ซึ่งสาวๆ สามารถนำไปปรับใช้ในการเลือกซื้อและดูสินค้าได้ด้วยตัวเอง
1. Heat Stamping
กระเป๋า Celine ของแท้จะประทับตราโลโก้ขนาดเล็กคำว่า CÉLINE ที่ด้านบน ซึ่งจะตัวใหญ่และหนากว่าคำว่า PARIS ที่อยู่บรรทัดล่าง ตำแหน่งอยู่กึ่งกลางของคำว่า CÉLINE และทั้งสองคำจะเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด ระยะห่างระหว่างตัวอักษรจะต้องเท่ากัน ให้สังเกตที่สำคัญคือตัว “C” ของแท้จะมีความโค้งเหมือนวงกลม สีมีความคมชัด ไม่ลอก สีโลโก้ที่ปั๊มลงจะตรงกับสีของซิปและฮาร์ดแวร์เสมอ
หากเป็นกระเป๋าที่ผลิตก่อนปี 2018 จะมีการปั๊มโลโก้เดิม CÉLINE ส่วนตำแหน่งในการปั๊มโลโก้จะอยู่กึ่งกลางของกระเป๋าพอดี แต่จะอยู่ในระดับใดก็จะขึ้นอยู่กับทรงกระเป๋าแต่ละรุ่น อย่าง Luggage bag โลโก้ก็จะอยู่ด้านบน หากเป็นรุ่น Blat bag ก็อยู่ด้านล่างของตัวกระเป๋า บางรุ่นจะมีการปั๊มที่ handles ด้วย ตราประทับด้านในจะระบุว่า CELINE Made in Italy หรือบางครั้งจะมีเพียงคำว่า Made in Italy
2. Date Code
จะเป็นตัวแสดงสถานที่และวันที่ที่ผลิตกระเป๋า โดยจะมีรูปแบบเป็น X-XX-YZYZ ซึ่งตัวอักษร X ทั้ง 3 ตัว จะแสดงถึงตำแหน่งของโรงงานที่ผลิต ตัวอักษร Y จะแสดงสัปดาห์ที่ทำการผลิต และตัวอักษร Z จะแสดงถึงปีที่ผลิต แต่ก็จะมีรุ่นพิเศษ อย่าง Celine Trio Bag ที่จะมีรูปแบบเป็น XX-XX-YZYZ
ตัวอย่างการอ่าน Date Code เช่น F-LA-0154 ตัวอักษร 3 ตัวแรก คือ ตำแหน่งโรงงานที่ผลิต ตัวเลขตัวที่ 1 และ 3 คือ 05 เป็นสัปดาห์ที่ผลิต ตัวเลขที่ 2 และ 4 คือ 14 เป็นปีที่ผลิต หมายความว่า กระเป๋าใบนี้ถูกผลิตขึ้นในสัปดาห์ที่ 5 ของปี 2014
กระเป๋าบางใบอาจจะมี Date Code 2 ชุด บางครั้งก็มีคำว่า “Made in Italy” อยู่บรรทัดข้างล่าง โดยจะปั๊มลงบน Tag หนัง ที่เย็บติดภายในตัวกระเป๋า โดยแถบหนังนี้จะมีทั้งแบบขอบโค้งและขอบตรง อีกตำแหน่งคือจะปั๊มลงที่ตัวกระเป๋าด้านใน ยกตัวอย่างเช่น รุ่น Box Bag
อย่างที่เห็นว่า Date Code ของ Celine มีรูปแบบที่หลากหลาย และไม่ใช่รหัสเฉพาะของกระเป๋าแต่ละใบ ดังนั้นหมายเลขนี้สามารถซ้ำกันได้ เราจึงต้องดูส่วนอื่นๆ ประกอบด้วย โดยกระเป๋าของ Celine ตั้งแต่รุ่น Luggage Bag เป็นต้นมา และกระเป๋ารุ่นใหม่ๆ จะเป็น Made in Italy ทั้งหมด
3. Zipper
Celine เป็นแบรนด์ที่ไม่มีการปั๊มลวดลวยหรือโลโก้ของแบรนด์ ลงในตัวซิปของกระเป๋า Handbags ทำให้ซิปมีรูปแบบเรียบๆ แต่จะมีหมายเลขหนึ่งหลัก หรือตัวอักษร I ฝังอยู่ด้านหน้าของตัวเลื่อนซิป นอกจากนี้แหวนที่ยึดติดกับตัวดึงจะเป็นรูป O หรือรูปตัว D ที่มีขอบโค้งมนเสมอ ไม่แบน และตัวซิปมักจะมีแผ่นหนัง แบบเดียวกันกับกระเป๋าไว้คอยช่วยในการดึงรูดซิปกระเป๋าให้สะดวกมากขึ้นด้วย
แต่สำหรับกระเป๋า รุ่น Trio bag และTriomphe Canves ที่ผลิตในช่วงล่าสุดหลัง เอดี้ สลิมาน (Hedi Slimane) เข้ามาเป็นดีไซน์เนอร์ ก็จะมีซิปที่สลักชื้อแบรนด์ด้วย โดยจะสลักโลโก้ CELINE และ PARIS แบบเดียวกับ Heat Stamping บนตัวซิป
4. Hardware
Hardware หรืออะไหล่ของกระเป๋า เป็นโลหะทอง และโลหะเงิน ที่ติดมากับกระเป๋าอย่าง ซิป ตัวล็อคกระเป๋า วงแหวนสำหรับคล้องสาย หรือแม้กระทั่งสายคล้องไหล่ หากเป็นกระเป๋า Celine แท้ สี Heat Stamping และ Hardware ต้องเป็นสีเดียวกัน
Celine จะตกแต่งทำสี Hardware แบบโบราณ วินเทจ และทำให้ดูหมองลงเล็กน้อย ในขณะที่ฮาร์ดแวร์ที่ลอกเลียนแบบส่วนใหญ่จะมันวาวมาก ตัวล็อคกระเป๋ามีหลายรูปแบบ แต่ทุกแบบจะมีการสลักโลโก้ของ “CELINE” และมีคำว่า “PARIS” เสมอ
ตัวล็อคสำหรับสายคล้องกระเป๋า จะมีวงแหวน 3 วง วงแหวนแรกเป็นฐานใกล้กับสายสะพายหนัง จะมีขนาดเท่ากับวงแหวนที่ 3 อยู่ใกล้ตัว E ของโลโก้ วงตรงกลางจะกว้างกว่า ไม่มีช่องว่างระหว่างกัน มีลักษณะโค้งมน สลักคำว่า CÉLINE ที่เป็นแบบเดิม หรือ CELINE สำหรับกระเป๋าที่ผลิตในปี 2018 จนถึงปัจจุบัน ให้สังเกตว่าตัว C ที่ขึ้นต้นจะอยู่ด้านบนที่ใกล้กับตัวล็อค และตัว E จะอยู่ที่ฝั่งฐาน
5. Leather
Leather หรือหนังแท้ ที่ใช้ในการผลิตกระเป๋าเป็นหนังคุณภาพดีหลากหลายชนิด ส่วนใหญ่จะเป็น หนังลูกวัว (Calfskin) ทำให้หนังกระเป๋าของแท้จะมีเนื้อสัมผัสที่ความนุ่มมือ อยู่ทรง และมีความเงาเล็กน้อย ส่วนข้อเสียคืออาจจะเป็นรอยขีดข่วนได้ไง่าย หนังค่อนข้างมีอายุการใช้งานซึ่งเมื่อใช้นานๆ ไปหนังจะมีความเหี่ยวและย่น แต่จะทำให้กระเป๋านุ่มมือมากกว่าตอนที่ซื้อใหม่ๆ ส่วนภายในกระเป๋าจะเป็นหนังกลับ ขนฟูมีความนุ่ม และไม่มีผิวหน้าของหนัง
6. Materials
นอกจากหนังแท้ ยังมีวัสดุอื่นๆ อีกที่ใช้ทำกระเป๋า อย่าง ผ้า Canvas ที่ค่อนข้างมีน้ำหนัก ลวดลายที่ได้แรงบันดาลใจมาจากห่วงโซ่ล้อมรอบ Arc De Triomphe (อาร์กเดอทรียงฟ์เดอเลตวล) หรือประตูชัยฝรั่งเศส มีลักษณะเป็น ตัว C สองตัวหลังชนกัน โดยเป็นเครื่องหมายเก่าของห้องเสื้อ นอกจากนี้ ยังมีกระเป๋าจากผ้าฝ้าย Cotton และกระเป๋าถักจากเส้นใยต้นปาล์ม Raffia
7. Stitching
การเป็นแบรนด์ระดับ Luxury นั้น แน่นอนว่าการเย็บเก็บรายละเอียดก็ต้องมีคุณภาพเป็นอย่างมาก มีระยะห่างของฝีเข็มที่สม่ำเสมอ ไม่มีทางที่จะมีเส้นด้ายหลุดหลุยให้เราเห็น ยิ่งเป็นแบรนด์ Celine แล้ว ยิ่งขึ้นชื่อเรื่องความเนี๊ยบ หากคุณเห็นรอยเย็บในกระเป๋าหรือลักษณะของฝีเข็มดูซิกแซกเล็กน้อย ผิดแปลกไป ก็อาจจะไม่ใช่ของจริงก็เป็นได้
8. Dust bag
ถุงกันฝุ่นของแท้จะต้องเป็นสีขาว ทำจากผ้าฝ้ายหนามีโลโก้พิมพ์ CÉLINE ที่เป็นแบบเดิม หรือ CELINE ที่เป็นแบบใหม่ และมีลักษณะเป็นถุงหูรูด รัดริบบิ้นสีดำ วิธีสังเกต คือ ตัวโลโก้จะอยู่กึ่งกลาง ในระดับช่วงล่างของถุง พอกระเป๋าอยู่ในถุง จะเห็นโลโก้อยู่ระดับล่างที่พอดีไม่โดนทับ และไม่อยู่สูงเกินไป การตรวจสอบแบบอักษรของโลโก้ ความหนาของตัวอักษร และระยะห่างระหว่างตัวอักษรจะต้องสม่ำเสมอ
9. Tags bags/ Care Card
กระเป๋ามักจะมาพร้อมกับเอกสาร หนังสือเล่มเล็กที่ใช้ในการดูแลรักษากระเป๋า (Care Card) พร้อมโลโก้ CÉLINE ที่เป็นแบบเดิม หรือ CELINE แบบใหม่ ที่เป็นสีดำอยู่ช่วงล่างของแผ่น แทรกในกระดาษรูปแบบซองจดหมายแบบเปิดด้านบนสีขาว พร้อมโลโก้สีขาวประทับอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน Care Card ซองจดหมายนั้นจะมีการตัดมุมหนึ่งด้านเสมอ
และนี้ก็คือหลักเกณฑ์ง่ายๆ ที่จะทำให้สาวๆ สามารถตรวจสอบสินค้าได้ด้วยตัวเอง ปัจจุบันต้องยอมรับเลยว่ามีกระเป๋าที่ละเมิดลิขสิทธิ์ออกมาวางขายเป็นจำนวนมาก ยิ่งเป็นของแบรนด์หรูที่ผู้คนให้ความสนใจแล้ว ยิ่งมีให้เราพบเห็นตลอด การที่เราจะมีกระเป๋าแบรนด์เนมสักใบแน่นอนว่าเราก็ต้องอยากได้ของแท้ สินค้าคุณภาพดี
ครั้งนี้เราจึงได้รวบรวมลิสต์วิธีเช็คก่อนซื้อ กระเป๋า Celine ของแท้ และก็หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์สำหรับเหล่านักช้อปมือใหม่ ที่ต้องการกำลังใจเป็น “กระเป๋าแบรนด์เนม” ซึ่งแบรนด์ Celine ก็ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ค่อนข้างมีวิธีตรวจสอบที่ยากพอสมควร เพราะมีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา ดังนั้นเราจึงต้องหาข้อมูลกระเป๋าในรุ่นนั้นๆ อย่างละเอียด หรือสอบถามกับผู้รู้ที่น่าเชื่อถือนะคะ
รัก
xoxo