กระเป๋า Chanel ของแท้ กระเป๋าที่สาวๆ หลายคนถวิลหาอยากได้มาไว้ในครอบครอง ด้วยราคาที่สูงเสียดฟ้าแถมยังไม่มีท่าทีว่าจะลดราคาลง กระเป๋าที่ซื้อเมื่อ 20 ปีก่อนและหากยังอยู่ในสภาพดี สามารถทำเงินได้มากถึง 2-3 เท่าจากราคาเดิม ปัจจุบัน กระเป๋าแบรนด์ชาแนลเป็นกระเป๋าที่ถูกพบว่ามีการปลอมแปลงมากที่สุดแบรนด์หนึ่ง วันนี้เรามีจุดสังเกตง่ายๆสำหรับตรวจสอบกระเป๋า Chanel ของแท้ ให้ผู้อ่านได้ลองสังเกตเบื้องต้นด้วยตัวเอง
1. Logo
ตราสัญญาลักษณ์ตัว C ไขว้ ที่ปรากฎบนตัวล็อคของกระเป๋าทุกใบ เอกลักษณ์ของ Chanel ที่ออกแบบโดย ดีไซน์เนอร์ชื่อก้องโลก คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ (Karl Lagerfeld) ในปี 1980 เป็นสิ่งแรกที่เราพูดถึง โลโก้ของแท้จะต้องมีความหนา ไม่บางหรือแคบจนเกินไป
จุดสังเกตคือ ตัว C ขวาช่วงบน ทับตัว C ซ้ายช่วงบน และตัว C ซ้ายด้านล่าง ทับตัว C ขวาด้านล่าง มีลักษณะขอบแบนและคม (หากมีลักษณะกลมมน สันนิษฐานได้เลยว่าเป็นของปลอม) โลโก้ C ไขว้ด้านในกระเป๋า ความกว้างระหว่างตัวอักษรและการไขว้จะเท่ากันหมด
2. Leather
Chanel ใช้วัสดุจากหนังหลายชนิดมาผลิตกระเป๋า แต่หนังที่ได้รับความนิยมอย่างมาก อีกทั้งยังบ่งบอกถึงความคลาสสิคของกระเป๋า ชาแนล มาทุกยุคทุกสมัย คือ หนังแกะ (lambskin) ด้วยความนุ่มน่าสัมผัส ดูหรูหรา แต่ข้อเสีย คือ สามารถเกิดริ้วรอยขีดข่วนได้ง่าย อีกหนึ่งทางเลือกที่นิยมไม่แพ้กันคือ หนังลูกวัว (calfskin) หรือที่เรียกกันอย่างติดปากว่า “Chanel Caviar” เป็นลักษณะเหมือนก้อนกรวดเม็ดเล็กๆ พอง มีพื้นผิวสัมผัสมากขึ้น หนังมีความคงทน และต้านรอยขูดขีดได้ดีกว่าหนังแกะมาก
3. Stitching
กระเป๋า Chanel ของแท้จะมีฝีเข็มถี่มากในระยะ 1 นิ้ว เช่น รุ่นในภาพตัวอย่างด้านล่าง จะมี 11 ฝีเข็มใน 1 แพทเทิร์น ขึ้นอยู่กับรุ่นและขนาดของกระเป๋า ฝีเข็มต่อ 1 แพทเทิร์นของลายข้าวหลามตัด (Diamond Pattern) ซึ่งเป็นการรักษารูปทรงของกระเป๋าให้คงรูปและทนทาน ตะเข็บต้องมีความสม่ำเสมอ ทุกฝีเข็มบรรจงทำอย่างประณีต เย็บเป็นรูปข้าวหลามตัดทั้งใบ รวมถึงกระเป๋าเล็กด้านหลัง ลวดลายต้องสอดคล้องกันอย่างสมบูรณ์ ทั้งเวลาเปิดและปิดกระเป๋า ไม่มีรอยเหลื่อมล้ำ กระเป๋าแต่ละใบของชาแนล ใช้ช่างผู้ชำนาญทำการตัดเย็บด้วยมือนานถึง 18 ชั่วโมง
4. Hardware
อะไหล่ของกระเป๋าชาแนลจะค่อนข้างมีน้ำหนัก เนื่องจากทำจากโลหะที่มีคุณภาพสูงสุด ไม่ใช่พลาสติกหรือโลหะที่ไม่ผ่านเกณฑ์คุณภาพ จนมาถึง ปี ค.ศ. 2008 ตอกย้ำความหรูหรา ด้วยสายโซ่ของ Chanel Boy ที่ถูกเคลือบด้วยทองคำแท้ 24K ในรุ่นที่เป็นอะไหล่สีทอง Classic Flap สายโซ่จะพันด้วยสายหนังที่สม่ำเสมอ จะต้องไม่มีรอยต่อหรือรอยกาวของหนังให้เห็น
ในส่วนของตัวล็อคด้านใน ตัวล็อคของแท้จะแบน และมี Font ที่หนากว่า อะไหล่ของชาแนลจะแตกต่างไปในแต่ละรุ่น แต่ในรุ่น Classic Flap จะมีตัวอักษรสลัก “CHANEL PARIS” ตัวกระดุมที่ปิดกระเป๋าด้านในก็ต้องมีตัวอักษร CHANEL และ PARIS ด้วยเช่นกัน
ในส่วนของตัวน็อต กระเป๋า Chanel ของแท้ จะใช้ตัวน็อตที่มีรูปร่างแบบ B และ C ดังในภาพเท่านั้น จะไม่มีตัวน็อตแบบ A เป็นวัสดุในการผลิตกระเป๋าเด็ดขาด
5. Zippers
ซิปของกระเป๋าชาแนลที่ถูกผลิตขึ้นในแต่ละปีนั้น มีความแตกต่างกันออกไป ยี่ห้อของซิปที่ชาแนลใช้ มีหลากหลายบริษัท ยกตัวอย่างเช่น Lampo Zipper จะใช้กับซิปโลหะ , EP zipper เป็นแบบซิปทั่วไปที่ใช้กับ Pull Tag ที่ทำจากหนัง นอกจากนี้ยังมี OPTI DMC, éclair, DMC, YKK Zipper หรือแม้กระทั้งซิปที่ไม่มีเครื่องหมายอะไรเลย ส่วนมากจะพบบนกระเป๋า Chanel Vintage
6. Stamps / Embossing
ต้องตรวจสอบคุณภาพของตราประทับ และลายนูนอย่างระมัดระวัง โลโก้ที่มีคุณภาพสูงควรประทับลงไปบนหนังอย่างแนบแน่น ความยาวของโลโก้ชาแนลของแท้ คือ 3.5 ซม. สีของตราประทับภายในที่ระบุว่า CHANEL และ Made in France หรือ Made in Italy จะต้องมีสีเดียวกับฮาร์ดแวร์ของกระเป๋า ซึ่งตราประทับ “Made in France” มักจะอยู่ตรงข้ามกับตราประทับของชาแนลซึ่งอยู่ผนังด้านในของกระเป๋า นอกจากนี้ ยังสามารถพบได้บริเวณใต้โลโก้ของชาแนล แต่มีเฉพาะในรุ่นคาเวียร์เท่านั้น ไม่มีรุ่นหนังแกะ
บางครั้ง ตราประทับ “Chanel และ Made in ……” จะถูกประทับลงบนหนังโดยตรง (ไม่มีสี) หรือแกะสลักลงบนแผ่นโลหะที่อยู่ภายในกระเป๋า การประทับจะต้องไร้ที่ติด้วยเส้นที่คมชัด ตัวอักษรชัดเจน และเว้นระยะห่างเท่ากัน กระเป๋าชาแนลมีไลน์การผลิตอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสและอิตาลีเท่านั้น สังเกตจากตัวล็อครูป C ไขว้ด้านหน้า หากมีตราประทับบนอะไหล่ตัว C นั่นหมายถึงกระเป๋าถูกผลิตจากประเทศฝรั่งเศส แต่หากไม่มีหมายความว่ากระเป๋าถูกผลิตจากประเทศอิตาลี
7. Serial Number
เป็นตัวเลขที่แสดงถึงรูปแบบของกระเป๋าและปีที่ผลิตกระเป๋าใบนั้น โดยจะปรากฏในลักษณะสติ๊กเกอร์ที่มีตัวเลข 6-8 หลัก ปิดทับด้วยสติ๊กเกอร์ใส ที่เรียกว่า “Hologram Sticker” มีรอยกรีดตัว X คาดทับบนสติ๊กเกอร์จากมุมทั้ง 4 ด้าน ป้องกันการแกะลอกของสติ๊กเกอร์
- กระเป๋าที่ผลิตขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1984 – 1986 จะระบุตัวเลขบนสติ๊กเกอร์เป็นจำนวน 6 หลัก
- กระเป๋าที่ผลิตขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1987 – 2004 จะระบุตัวเลขบนสติ๊กเกอร์เป็นจำนวน 7 หลัก
- กระเป๋าที่ผลิตขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 2005 จนถึงปัจจุบัน จะระบุตัวเลขบนสติ๊กเกอร์เป็นจำนวน 8 หลัก
ในช่วงปี ค.ศ. 1986-1999 จะมีความพิเศษตรงที่ สติ๊กเกอร์จะมีด้านพื้นหลังเป็นโลโก้รูปตัว C ไขว้ (Serial Number ที่นำหน้าด้วยเลข 0-5) หลังจากปี ค.ศ. 2000 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน (Serial Number ที่นำหน้าด้วยเลข 6 เป็นต้นมา) จะเป็นสติ๊กเกอร์สีขาว มีโลโก้ C ไขว้ 2 ตัว มีตำแหน่งอยู่ด้านบนของตัวเลข โดยสติ๊กเกอร์ จะติดอยู่ภายในช่องด้านในของกระเป๋า หรือแผ่นหนังที่เย็บติดกับตัวกระเป๋าด้านใน
8. Authenticity Card
กระเป๋าที่ผลิตตั้งแต่ ปี ค.ศ.1984 เป็นต้นมา จะมาพร้อม Authenticity card และ Serial Number โดยที่ตัวเลขบนการ์ดจะต้องตรงกับเลขที่ปรากฏบนกระเป๋า ตัวอักษรบนการ์ดจะเรียงเป็นเส้นตรงอย่างมีระเบียบ ตัวการ์ดทำจากพลาสติก มีความแข็งเหมือนบัตรเครดิต ขอบสีทองบนการ์ดหากส่องกับไฟจะไม่มีสีรุ้งสะท้อนออกมา หากเป็นกระเป๋าที่ผลิตตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 เป็นต้นมา ตรงมุมขวาบนของการ์ดจะมีวงกลมสีเทาอ่อน
การ์ดของแท้ จะเสียบอยู่ในช่องของกระเป๋า แตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น ไม่มีการห่อหุ้มด้วยพลาสติกใสอย่างเด็ดขาด ส่วนมากจะมาพร้อมกับซองจดหมายสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาด 2×2 นิ้ว สีครีม ที่ด้านในจะบรรจุแผ่นพับสีขาวเล็กๆ ที่ระบุรายละเอียดของกระเป๋า
9. Dust Bag
ถุงผ้าของชาแนล ในยุคช่วงปี 80s – 90s เป็นถุงผ้าสักหลาดสีขาว หนาคล้ายๆผ้าขนสัตว์ พิมพ์โลโก้ชาแนล ตัว C ไขว้กันสีดำ ล้อมด้วยวงกลม และตัวอักษร CHANEL อยู่ใต้วงกลม
ถุงผ้ารุ่นใหม่ มี 2 แบบ แบบแรกทำจากผ้าฝ้ายค่อนข้างหยาบ สีดำ พิมพ์ตัวอักษร CHANEL สีขาว ตรงกลางของถุง เป็นถุงหูรูด ถุงแบบที่ 2 ทำจากผ้าฝ้าย ลักษณะนิ่มกว่า มีสีขาว เป็นถุงแบบฝาพับ ฝาปิดสกรีนรูป Diamond Pattern ซึ่งเป็นลายเอกลักษณ์ของชาแนล พร้อมตัวอักษร CHANEL สีดำ เปิดฝาพับมาด้านในจะมีรูปสกรีน โคโค่ ชาแนล พร้อมลายเซ็น คาร์ล ลาเกอร์เฟล (Karl Lagerfeld) โดยถุงผ้าสีขาวนี้ จะมาพร้อมกับกระเป๋า Chanel Classic Flap Bags เท่านั้น ส่วนกระเป๋ารุ่นอื่นๆ จะมาพร้อมถุงผ้าสีดำ
กระเป๋า Chanel ของแท้ ทุกใบ ผลิตขึ้นด้วยความประณีตและใส่ใจทุกรายละเอียด ตั้งแต่ฝีเข็มในจุดที่เล็กที่สุด ไปจนถึงอุปกรณ์ประกอบต่างๆ ของกระเป๋า ที่ใช้วัสดุคุณภาพสูง อีกทั้งช่างผู้มีประสบการณ์ จึงเป็นคำตอบที่ว่าทำไม กระเป๋า Chanel ถึงมีราคาสูงลิบลิ่ว
แต่ในปัจจุบัน ของละเมิดลิขสิทธิ์มีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น หรือเรียกว่า “เกรด Hi End” ฉะนั้นอาจเป็นการยากในการแยกระหว่างกระเป๋าแท้กับของปลอม ในกรณีของมือใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสกระเป๋าของแท้มาก่อน เราหวังว่าสิ่งที่นำเสนอในวันนี้ จะเป็นประโยชน์ เพื่อนำไปใช้คิดวิเคราะห์ก่อนการตัดสินใจเป็นเจ้าของ Chanel สักใบ
รัก
xoxo