กระเป๋าน่าลงทุน – Christian Dior Lady Bag เป็นหนึ่งในกระเป๋าที่มีชื่อเสียงและทรงอิทธิพลมากที่สุดรุ่นหนึ่งในโลกของแฟชั่น แบรนด์ชั้นแนวหน้าระดับโลกอย่าง Dior ได้ผลิตกระเป๋าขึ้นหิ้ง “Lady Bag” ที่ถูกตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติให้กับเลดี้ไดอาน่า หรือ เจ้าหญิงไดอาน่าที่เราคุ้นเคย แฟชั่นไอคอนแห่งยุค 80-90 ถือได้ว่าเป็นกระเป๋ารุ่น Iconic ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงมาเป็นเวลานาน อีกทั้งยังถูกจัดให้เป็น Timeless Investment ที่คุ้มค่าแก่การลงทุน บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับความงามที่ถูกถ่ายทอดมาอย่างมีคุณค่า ควบคู่กับประวัติศาสตร์ ที่ถูกจารึกไว้อีกหนึ่งหน้าสำคัญของวงการแฟชั่น
The History
The Lady Dior Bag หรือที่เรารู้จักกันในชื่อเรียกว่า “Princess Bag” กล่าวได้ว่าเป็นสัญญลักษณ์ของ Dior ก็ไม่ผิด กระเป๋ารุ่นนี้ถูกตั้งชื่อตามพระนามของ เจ้าหญิงไดอาน่าแห่งเวลส์ (Princess Diana of Wales) ผู้เปรียบเสมือน Icon แห่งวงการแฟชั่นในช่วงปลายยุค 80s จนถึงกลางยุค 90s ออกจำหน่ายครั้งแรกเมื่อ ปี ค.ศ. 1994 ภายใต้ชื่อ “Chouchu” ซึ่งมีความหมายว่า “เป็นที่ชื่นชอบ”
ตำนานของ Lady Dior เริ่มต้น เมื่อเดือนกันยายน ปี ค.ศ. 1995 เมื่อเจ้าหญิงไดอาน่า เสด็จเยือนกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ได้รับการต้อนรับอันดีจากสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของฝรั่งเศสในขณะนั้น ซึ่งเธอได้มอบกระเป๋าที่ถูกออกแบบขึ้นเป็นเป็นพิเศษ โดย จอห์น กัลลิอาโน (John Galliano) ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ให้กับ House of Dior ในปี ค.ศ. 1995
กระเป๋าใบนี้ ถูกตัดเย็บจากวัสดุหนังแกะสีดำอย่างดีจำนวนทั้งสิ้น 130 ชิ้น ใช้ช่างฝีมือทั้งหมด 7 คน โดยใช้วิธีการเย็บด้วยมือทั้งหมด ลวดลายบนกระเป๋า มีชื่อเรียกว่า “คานนาจ” (Cannage Pattern) ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากเก้าอี้นโปเลียน ในงานเปิดตัวแฟชั่นโชว์ครั้งแรกของ Dior เมื่อปี ค.ศ. 1947 มีลักษณะการสานของลายคล้ายกับลวดลายทรงเลขาคณิตแบบซ้อน เป็นผลงานที่สวยหรูไร้ที่ติ นับเป็นงานหัตถศิลป์ขั้นสูง ฝีมือเยี่ยม ยากจะหาใครมาเทียบ
สำหรับลายคานนาจนี้ ช่างฝีมือจะต้องใช้ทักษะขั้นสูงในการตัดเย็บลายทั้งหมดด้วยมือ ซึ่งช่าง 1 คน จะใช้เวลาอย่างน้อย 8 ชั่วโมงในการเย็บรวมถึงประกอบอะไหล่ของกระเป๋าเข้าด้วยกัน โดยมีอะไหล่เงินทั้งหมดจำนวน 43 ชิ้น ตัวกระเป๋ามาพร้อมกับสายสะพาย มีจุดเด่น คือ อะไหล่คล้ายพวงกุญแจ แสดงตัวอักษร Dior ที่ประดับอยู่ที่หูกระเป๋าสร้างความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งตัวกระเป๋าต้องผ่านกระบวนการตัดเย็บ การขึ้นรูป และการประกอบชิ้นส่วนทั้งหมดโดยใช้ความละเอียดสูงสุดในทุกขั้นตอน กว่าจะได้มาซึ่งกระเป๋าที่คลาสสิคและสง่างามใบนี้
วันที่ 31 เดือนตุลาคม ในปีเดียวกัน เจ้าหญิงไดอาน่าทรงถือกระเป๋าที่ได้รับมาเป็นครั้งแรก ขณะเสด็จไปเยี่ยมเด็ก ๆ ในเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ (BIRMINGHAM, UNITED KINGDOM) ในครั้งนั้นเจ้าหญิง ฉลองพระองค์ด้วยชุดสูทสีขาวดำ ลายฮาวน์สทูธ (Houndstooth) วันนั้นเองกระเป๋าจากแบรนด์ Christian Dior ได้ปรากฏต่อสายตาคนทั้งโลก ซึ่งลุคของเจ้าหญิงไดอาน่าในวันนั้นได้ถูกบันทึกภาพโดยเหล่าปาปารัสซี่ที่คอยติดตาม และไม่นานก็ได้ถูกตีพิมพ์ลงบนหน้าหนังสือพิมพ์ รวมทั้งแท็บลอยด์ในวันต่อมา
หลังจากนั้น ในระยะเวลาเพียงแค่ 2-3 เดือน ภาพของกระเป๋ารุ่นนี้ก็ถูกตีพิมพ์ลงบนสื่อต่าง ๆ มากมายติดต่อกัน ในหลาย ๆ สถานที่ ที่เจ้าหญิงไดอาน่าได้ไปเยี่ยมเยือน ทั้งในประเทศอังกฤษและอาร์เจนตินา ด้วยความที่เจ้าหญิงเปรียบดั่งแฟชั่นไอค่อนในขณะนั้น จึงทำให้กระเป๋ารุ่นนี้ กลายเป็น Talk of the town ของเหล่าบรรดาแฟชั่นนิสต้าและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในทันที
หลังจากนั้นไม่นาน ก็สร้างปรากฏการณ์อันน่าตกใจ โดยยอดขายของกระเป๋ารุ่นนี้ พุ่งสูงขึ้นถึง 10 เท่า ตั้งแต่เริ่มมีการจำหน่าย และสามารถสร้างยอดขายสูงสุด 200,000 ใบ ในระยะเวลาเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น ทาง Chirstian Dior จึงตั้งชื่อกระเป๋ารุ่นนี้ อย่างเป็นทางการว่า “Lady Dior” เพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าหญิงไดอาน่า
เลดี้ ดิออร์ มีการออกคอลเลกชั่นใหม่ ๆ ขึ้นมาเรื่อย โดยมีทั้งวัสดุที่แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น ผ้าซาติน หนังหายากต่างๆ เช่นหนังงูหรือหนังจระเข้ รวมถึงผ้าทวีต ปัจจุบัน Lady Bag ได้กลายมาเป็นหนึ่งใน It Bag ที่ครองใจสาว ๆ เรื่อยมา จนถึงทุกวันนี้
Increasing in Value
แม้ว่ามูลค่าของกระเป๋าในตลาดซื้อขาย แบรนด์เนมมือ 2 อาจมีความแตกต่างกันไปในแต่ละปี แต่มูลค่าของกระเป๋า Lady Dior ในสภาพที่สมบูรณ์นั้นมีแต่แนวโน้มว่าจะสูงขึ้น โดยมูลค่าของกระเป๋าเพิ่มขึ้น 8% จากปี 2004-2016 และเพิ่มขึ้นมากกว่า 14% ตั้งแต่ปี 2014-2016 นี่ยังไม่รวมถึงราคาของกระเป๋ารุ่นที่ทำจากวัสดุหนังหายากบางรุ่น ซึ่งเคยมีบันทึกไว้ว่า สามารถทำเงินได้มากกว่า 20,000 ยูโร หรือ กว่า 7 แสนบาทในปัจจุบัน
ด้วยชื่อเสียงและความนิยม จึงทำให้ได้ร่วมงานกับเหล่าศิลปินทั้งหลาย สร้างสรรค์ผลงานศิลปะลงบนกระเป๋ารุ่นนี้ ก่อเกิดกระเป๋ารุ่น Limited Edition ซึ่งสร้างมูลค่ามหาศาล ตัวอย่างเช่น Marc Quinn, Daniel Gordon และ Jason Martin ร่วมด้วย Lee Bul, John Giorno และ Spencer Sweeney ซึ่งรังสรรค์ผลงานออกมาในปี 2017 จึงไม่แปลกใจหากผลลัพท์ที่ได้จะไม่ใช่ความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ยังแสดงถึงคุณค่าทางงานศิลปะอีกด้วย
กระเป๋ารุ่นหายากเหล่านี้ ออกวางจำหน่ายด้วยจำนวนจำกัดและถูกขายหมดในเวลาไม่นาน สมดั่งคำกล่าวที่ทาง Dior นิยามเอาไว้ว่า “If the Lady Dior bag is timeless and highlights the modernity of Dior, it also elicits artistic reinterpretation.” ถึงแม้ว่าเลดี้ดิออร์จะเป็นสิ่งที่อยู่เหนือกาลเวลาและแสดงถึงจุดเด่นในความทันสมัยของดิออร์ หากแต่มันก็ยังเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงรสนิยมทางศิลปะอันร่วมสมัยได้อย่างลงตัว
ปัจจุบันกระเป๋ารุ่นนี้ถูกวางจำหน่าย มีราคาเริ่มต้นในปี 2020 อยู่ที่ $3,400 หรือ 105,000 บาท ซึ่งในขนาด Mini เองก็เพิ่มขึ้นจากราคาเดิมเช่นกัน ปัจจุบันราคาอยู่ที่ $3,250 หรือ 100,400 บาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 4.5% โดยวางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 4 ขนาดด้วยกัน ได้แก่
- Mini Lady Dior ขนาด : ยาว 17 x สูง 15 x ลึก 7 เซนติเมตร (ยาว 6.6 x สูง 5.9 x ลึก 2.7 นิ้ว)
- Medium Lady Dior ขนาด : ยาว 24 x สูง 20 x ลึก 11 เซนติเมตร (ยาว 9.4 x สูง 7.8 x ลึก 4.3 นิ้ว)
- Large Lady Dior ขนาด : ยาว 32 x สูง 25 x ลึก 11 เซนติเมตร (ยาว 12.5 x สูง 9.8 x ลึก 4.3 นิ้ว)
- X Large Shopper Lady Dior ขนาด : ยาว 42 x สูง 31 x ลึก 13 เซนติเมตร (ยาว 16 x สูง 12.2 x ลึก 5.1 นิ้ว)
ราคาของแต่ละขนาดแตกต่างกันออกไป โดยขนาดที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือขนาด Medium และเป็นกระเป๋าที่มีการผลิตออกมาทุกปี เป็น Seasonal หลายหลายรูปแบบและวัสดุ โดยราคาเว็บไซต์อยู่ที่ $4,450 หรือ 137,000 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก $4,100 หรือ 126,000 บาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 8.7% สำหรับรุ่น Limited Edition อย่างกระเป๋าที่ทำจากวัสดุหนังจระเข้สีดำ ในขนาด Medium นั้น ราคาซื้อขายในตลาดมือสอง ปัจจุบัน สูงถึง $8,400 หรือ 260,000 บาท เลยทีเดียว
Making Your Selection
การเลือกกระเป๋า ควรเลือกที่เหมาะกับ Life Style ของคุณ และถ้าหากคุณวางแผนที่จะขายมันในอนาคตละก็ แนะนำให้เลือกกระเป๋าที่มีสีพื้น เช่น สีดำ สีเบจ หรือสีน้ำเงินเข้ม เพราะสีเหล่านี้เป็นสียอดนิยมตลอดกาล ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน กระเป๋ายังคงคุณค่าในตัวมันเองอยู่เสมอ และคุณควรทำการดูแลมันประหนึ่งเครื่องประดับอันมีค่า
เนื่องจากราคาของกระเป๋าในตลาดซื้อขายแบรนด์เนมมือ 2 นั้น สิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ที่นำมาพิจารณาก่อนตั้งราคา คือ สภาพโดยทั่วไปของตัวกระเป๋า รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มา ยิ่งมีสภาพดีเท่าไหร่ ราคาซื้อขายก็จะสูงตามไปด้วยเท่านั้น สีที่พบมากที่สุดในตลาดการประมูล รวมทั้งเป็นสีที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ สีดำ โดยคิดเป็น 45% ตามด้วยสีขาว 9% สีเบจ 7% และสีน้ำเงิน 6%
กระเป๋า Lady Dior นั้นเป็นกระเป๋าที่คุ้มค่าแก่การลงทุน เป็นการลงทุนที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งกระเป๋ารุ่นนี้มีความแตกต่างจากกระเป๋าท้องตลาดทั่วไป กล่าวคือ สีสันและวัสดุ รวมถึงดีไซน์ที่ยังคงรูปแบบเดิมตั้งแต่ออกจำหน่ายครั้งแรก ทำให้มันยังคงความเป็นเอกลักษณ์และทันสมัยอยู่เสมอ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย โดยคุณไม่จำเป็นต้องวิ่งตามแฟชั่นให้เหนื่อย
ความฮอตของ Lady Dior ที่ไม่เคยลดลง ตั้งแต่ทำการเปิดตัว เมื่อปี ค.ศ. 1995 เป็นต้นมา เป็นอีกหนึ่ง ITEM ในฝันของสาวๆ ความคลาสสิครวมถึงดีไซน์งดงามอันเป็นอมตะของกระเป๋ารุ่นนี้ไม่เคยตกเทรนด์ แต่กลับได้รับความนิยมมากขึ้น การเพิ่มเติมวัสดุและสีสันต่าง ๆ ในขณะที่ยังคงเอกลักษณ์ของตัวกระเป๋าไว้ นับเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง ที่สามารถพบได้ ในกระเป๋าแห่งประวัติศาสตร์ของงการแฟชั่นรุ่นนี้ เพราะไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปกี่ปี ยังคงคุณค่าเอาไว้ได้ไม่เสื่อมคลาย เป็นเครื่องหมายการันตีความงามอันเป็นอมตะของ Lady Dior
รัก
xoxo