กระเป๋าแบรนด์ Christian Dior ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามละเอียดอ่อนเหมาะสำหรับผู้หญิง และยังดูโก้หรูหรา ซึ่งสาวๆ ทุกคนตั้งแต่แฟชั่นนิสต้าไปจนถึงราชวงศ์ล้วนแล้วแต่จับจ้องผลงานอันเลอค่าของแบรนด์นี้ ด้วยความนิยมและเป็นที่ต้องการทั่วโลก ทำให้ปัจจุบัน Dior ต้องประสบปัญหาของลอกเลียนแบบ จากกลุ่มตลาดสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์อยู่ไม่น้อย ทำให้สาวๆ หลายคนที่ไม่มีความรู้เรื่องกระเป๋าแบรนด์เนม อาจจะต้องเสียรู้ให้กับแม่ค้าหัวใสที่นำกระเป๋าของปลอมมาขายในราคาสูงได้

แน่นอนว่ากระเป๋ารุ่นที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการสูงของแบรนด์ Chirstian Dior นั่นก็คือ “Lady Dior” ที่ทุกคนรู้จักและคุ้นเคยกันดีกับกระเป๋าในตำนาน ที่ตั้งชื่อตามเจ้าหญิงไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งแฟชั่น ซึ่ง Lady Dior นับว่าเป็นหนึ่งในกระเป๋าที่ถูกลอกเลียนแบบมากที่สุดรุ่นหนึ่ง เพื่อไม่ให้สาวๆ ตกเป็นเหยื่อสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เราจึงมีวิธีเจาะลึกการสังเกตกระเป๋า Dior ของแท้มาฝากค่ะ

 

 

1. Leather label tag and Heat Stamp

กระเป๋าของ Christian Dior ทุกใบจะมาพร้อมกับป้ายหนังที่ประทับตราแบรนด์ด้วยกรรมวิธี “Heat Stamp” โดยจะอยู่ด้านในของกระเป๋า ป้ายหนังจะต้องมีลักษณะโค้งมนที่ปลายมุมด้านล่าง ไม่ใช่แบบสี่เหลี่ยม ด้านบนตรงมุมทั้ง 2 ด้านจะต้องตั้งฉากพอดี กระเป๋าที่ผลิตก่อนปี ค.ศ. 1990 จะมีการเย็บแค่ฝีเข็มเดียวที่ด้านบนของป้ายหนังเท่านั้น แต่กระเป๋าในยุคปัจจุบันจะมีการเย็บโดยรอบ

ตราประทับบนแผ่นหนัง จะมีคำว่า “Christian Dior PARIS” และด้านล่างจะประทับคำว่า “MADE IN ITALY” (ตัวพิมพ์ใหญ่) เมื่อพลิกด้านหลังของป้ายหนัง เราจะพบกับ Serial Number หรือ รหัส Date Code ของกระเป๋า โดยที่ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา กระเป๋าของ Dior ทุกใบ จะไม่มีการผลิตที่ประเทศฝรั่งเศส ฉะนั้นจะไม่มีตราประทับหรืออุปกรณ์เสริมใดๆ ที่บ่งบอกว่าผลิตจากประเทศฝรั่งเศส หรือ Made in France อย่างแน่นอน

ตัวอักษรจะต้องสะอาด เป็นระเบียบ ไม่มีการเปื้อนของสีที่ใช้ในการปั๊มเลอะออกมา ตราประทับควรอยู่กึ่งกลางของแท็กหนังอย่างสมบูรณ์ และตัว Heat Stamp จะต้องเป็นสีเดียวกับอะไหล่ของกระเป๋าเท่านั้น

 

2. Interior

Interior หรือ ภายในกระเป๋า เราจะพบแผ่นหนัง โดยมีตราประทับระบุโลโก้ของแบรนด์ และรหัสกระเป๋าที่ด้านหลังของแผ่นหนัง ตัวปั๊มจะปรากฏคำว่า “Christian Dior PARIS” พร้อมด้วย “MADE IN ITALY” หรือ “MADE IN SPAIN ตราประทับควรเป็นสีเงินหรือสีทอง หากมีการปั๊มลงไปโดยไม่มีสี สามารถสันนิษฐานเบื้องต้นได้ว่าอาจจะเป็นกระเป๋าของปลอม ในส่วนของวัสดุที่บุกระเป๋าภายใน ทำจากผ้า โดยมีลวดลาย Cannage Motif หรือ ลายคานนาจ ใช้วิธีการทอแบบ Jacquard Weave และภายในกระเป๋ามีช่องซิป 1 ช่อง

 

3. Stitching

การตัดเย็บที่เป็นเอกลักษณ์ของกระเป๋า Dior เรียกว่า “Cannage Quilting” (แพทเทิร์นคานนาจ) ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากเก้าอี้สานสไตล์นโปเลียนที่ 3 เป็นการตัดเย็บจากด้ายขนาดเล็ก เย็บตรงลายเป็นเส้นเล็กๆ ตัดไขว้กัน สีของด้ายควรเป็นสีเดียวกับหนังที่นำมาใช้ทำกระเป๋า ฝีเข็มมีขนาดเล็กมาก ตะเข็บมีระเบียบและระยะที่สม่ำเสมอ ไม่บิดเบี้ยว ความกว้างของแต่ละฝีเข็มมีขนาดเท่ากัน

กระเป๋าที่ละเมิดลิขสิทธิ์ส่วนมาก จะไม่สามารถลอกเลียนแบบด้ายขนาดเล็กและฝีเข็มให้เหมือนกับสินค้าของแท้ได้ ด้วยลักษณะของ Cannage Quilting นั้นมีความซับซ้อนและสวยงาม เป็นหนึ่งในรูปแบบการเย็บที่ยากที่สุด ที่ไม่ใช่ใครจะสามารถลอกเลียนแบบได้ง่ายๆ ดังนั้น เราควรสังเกตฝีเข็มโดยรอบทั่วทุกส่วนของกระเป๋า ทั้งหูจับ ภายใน ภายนอก รวมทั้งส่วนของซิปอย่างละเอียด

 

4. Handles

หูจับของกระเป๋า Dior ยกตัวอย่างเช่น Lady Dior จะมีลักษณะโค้งนูน เป็นครึ่งวงกลมสวยงาม มีความแข็งแรงและจะต้องอยู่ในลักษณะตั้งตรง แม้จะตั้งวางอยู่ในสถานะที่ไม่ได้ใช้งานก็ตาม โดยจะมีการเย็บแค่ที่ริมขอบนอกเท่านั้น ริมขอบด้านในจะไม่มีรอยเย็บ อีกจุดสังเกตของสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ คือ ตัวหูจับจะไม่สามารถตั้งตรงได้ และมักจะเอียงไปด้านในด้านหนึ่งเสมอ นอกจากนี้หูจับของกระเป๋า Dior ของแท้ จะต้องไม่มีการพันด้วยกระดาษ หรือห่อด้วยพลาสติกใส และมาพร้อมกับสายสะพายที่ปรับสั้นยาวได้ ถอดออกได้ สามารถสะพายได้ถึง 2 แบบด้วยกัน คือ สะพายข้าง Crossbody หรือ คล้องแขนหรือหิ้วที่หูจับ

 

5. Material and Color

กระเป๋า Lady Dior เป็นกระเป๋าประเภทที่เราเรียกติดหูกันว่า “กระเป๋า Seasonal” ดังนั้นจะผลิตจากวัสดุที่หลากหลาย แตกต่างไปในแต่ละ Season วัสดุที่เห็นโดยทั่วไปมักจะเป็น หนังลูกวัว (Calfskin) และหนังแกะ (Lambskin) นอกจากนี้ยังมีวัสดุที่ทำจากหนังหายากอีกหลายชนิด เช่น หนังจระเข้ (Crocodile), หนังงู (Python), หนังนกกระจอกเทศ (Ostrich), หนังกิ้งก่า (Lizard) รวมทั้งวัสดุผ้า เช่น ผ้าทวีต (Tweed), ผ้ากำมะหยี่ (Velvet), ผ้าทอพิเศษ (Jacquard), ผ้าเดนิม (Denim) และผ้าซาติน (Satin)

โดยสีที่ได้รับความนิยมอย่างสูง มี 3 สี คือ สีดำ (Black), สีเทา (Gris) และสีเนื้อ (Nude)

กระเป๋าถูกออกแบบโดยใช้ชิ้นส่วนในการประกอบเป็นรูปทรงกระเป๋ามากถึง 130 ชิ้น ใช้ช่างฝีมือถึง 7 คน โดยช่าง 1 คนจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ในการตัดเย็บกระเป๋าด้วยมือ รวมถึงประกอบอะไหล่ทั้งหมดเข้าด้วยกัน ซึ่งมีทั้งหมด 4 ขนาด คือ

• Micro (ขนาดมินิ) : 15.2 x 12.7 x 6.6 เซนติเมตร (6 x 5 x 2.6 นิ้ว)
• Mini (ขนาดเล็ก) : 17 x 15 x 7 เซนติเมตร (6.7 x 5.9 x 2.8 นิ้ว)
• Medium (ขนาดกลาง) : 22.8 x 20.3 x 10 เซนติเมตร (9 x 8 x 4 นิ้ว)
• Large (ขนาดใหญ่) : 31.7 x 25.4 x 10 เซนติเมตร (12.5 x 10 x 4 นิ้ว)

 

6. Charms and Logo Tag

กระเป๋าของ Christian Dior มักจะมีพวงกุญแจโลหะมีลักษณะเป็นตัวอักษร “DIOR” แขวนไว้ที่กระเป๋า ตัวพวงกุญแจมีความแข็งแรง สามารถเคลื่อนที่ตามลักษณะของพวงกุญแจได้เล็กน้อย ด้วยน้ำหนักของมันที่ทำจากวัสดุคุณภาพดี ฉะนั้นขณะเคลื่อนไหวของพวงกุญแจจึงไม่ได้แกว่งไปมาจนเกินไป สีของพวงกุญแจจะต้องสัมพันธ์กับสีอะไหล่ของกระเป๋า ตัวอะไหล่โลหะวงรีที่เป็นช่องสำหรับกันการเสียดสีระหว่างหนังและอะไหล่โลหะ สลักคำว่า “CD” (ตัวพิมพ์ใหญ่)

อีกสิ่งหนึ่งที่มาพร้อมกับพวงกุญแจ DIOR นั่นก็คือแผ่นหนัง ลักษณะเป็นวงรี ซึ่งมีสีเดียวกับกระเป๋า บนแผ่นหนังมีตราประทับ “Christian Dior” ชัดเจน โดยตัวอักษรจะอยู่กึ่งกลางแผ่นหนังพอดี สีของตัวอักษรจะต้องเป็นสีเดียวกันกับอะไหล่ของกระเป๋า จะไม่มีการปั๊มข้อความอื่นๆ ลงไปนอกเหนือจากนี้ สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ส่วนใหญ่จะมีการปั๊ม “Christian Dior PARIS” และ “Made in Italy” ลงไปด้วย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดสังเกตเล็กๆ ในการแยกระหว่างกระเป๋าของแท้และสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์

 

7. Zipper

หัวซิปมีลักษณะเป็นรูปไข่ สลักคำว่า “CD” (ตัวพิมพ์ใหญ่) ตัวหัวซิปเชื่อมต่อกับข้ออะไหล่ทั้งหมด 4 ข้อ (ข้อขนาดใหญ่ 3 ข้อขนาดเล็ก 1) ลักษณะการออกแบบซิปคล้ายเครื่องประดับ ตัวซิปจะต้องมีความแข็งแรง เวลารูดปิดหรือเปิดกระเป๋า ตัวขอบหนังทั้ง 2 ด้านของซิปจะต้องปิดสนิทพอดี สีของซิปจะมีสีเดียวกับอะไหล่ของกระเป๋าใบนั้นๆ

Dior ใช้ซิป 2 แบบหลักๆ คือ ซิปจากแบรนด์ Lampo และซิปของแบรนด์ที่ผลิตขึ้นเอง ในปัจจุบันการตรวจสอบในส่วนของซิปควรใช้ความระมัดระวังและรอบคอบ เพราะบริษัทที่ผลิตกระเป๋าละเมิดลิขสิทธิ์ ได้ค้นพบวิธีลอกเลียนแบบการทำซิปได้เสมือนกระเป๋าของแท้ ด้วยเทคโนโลยีการแกะสลักชั้นสูงที่ได้รับการพัฒนา จึงนับว่าเป็นสิ่งเล็กน้อยที่ไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียว

 

8. The Lady Dior Feet

กระเป๋าที่มีโครงสร้างหลายชิ้น ยกตัวอย่างเช่น Lady Dior ตัวกระเป๋ามีขาหรือกระดุมโลหะที่ฐานด้านล่างของกระเป๋า เพื่อป้องกันการสึกหรอของพื้นกระเป๋า โดยอะไหล่นี้มีความเป็นเอกลักษณ์พิเศษ ในขณะที่กระเป๋าแบรนด์อื่นๆ อาจใช้กระดุมเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมหรือรูปทรงแบน แต่สำหรับกระเป๋า Lady Dior นั้น มีการออกแบบผสมผสานระหว่าง “ทรงกรวย” และ “ทรงโดม” จึงได้ออกมาเป็นรูปทรงโดมเรียว จำนวนกระดุมอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับขนาดของกระเป๋าและปีที่ผลิต

 

9. Date Code

รหัส Date Code ของกระเป๋า จะอยู่ด้านหลังของป้ายแท็กกระเป๋าด้านใน รหัสของกระเป๋า Dior จะมีความคล้ายกับรหัส Date Code ของ Louis Vuitton นั่นเป็นเพราะว่าอยู่ภายใต้บริษัทแม่อย่าง LVMH เช่นเดียวกัน โดยประกอบด้วย ตัวเลข 2 ตัวข้างหน้า ตามด้วย ตัวอักษร 2 ตัว และปิดท้ายด้วยตัวเลขอีก 4 ตัว (00-XY-0000) ตัวอักษรแสดงถึงแหล่งผลิต ส่วนตัวเลขแทนวันที่, สัปดาห์, เดือนหรือปีที่ผลิต

ยกตัวอย่างเช่น  09-MA-0054 ตัวเลข 4 ตัวหลังจะบอกถึง เดือนและปีที่กระเป๋าถูกผลิต ในตัวอย่างนี้คือ 0054 ตัวเลข ตัวที่ตำแหน่งที่ 1 และ 3 จะหมายถึงเดือน นั่นก็คือเลข 05 ส่วนตัวเลขตำแหน่งที่ 2 และ 4 หมายถึงปี คือเลข 04 นั่นหมายความว่า กระเป๋าใบนี้ถูกผลิตเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ. 2004

ตัวอักษรทั้งหมดจะต้องเป็นตัวพิมพ์ใหญ่และเลขศูนย์ควรเป็นรูปโค้งมนกว่าเลขศูนย์ปกติ แต่บางครั้งกระเป๋ารุ่น Limited Edition อาจมีการใช้รูปแบบตัวอักษรหรือลักษณะของรหัสที่แตกต่างกันได้ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องดูรายละเอียดอื่นๆประกอบด้วยเช่นกัน

 

10. Authenticity Cards

กระเป๋าถือ Dior จะมาพร้อมกับ Authenticity Card สีเทา ลักษณะเป็นพลาสติกขนาดบาง และคู่มือดูแลรักษากระเป๋าเล่มเล็กสีขาว ด้านหลังของบัตรจะมีช่องว่างเล็กๆ 2 ช่อง และช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ 1 ช่อง เพื่อใช้ระบุรายละเอียดของร้านค้าหรือบูทิคที่จำหน่ายกระเป๋า วันที่ ที่ได้ทำการซื้อกระเป๋าใบนั้นๆ รวมถึงหมายเลขอ้างอิง โดยการประทับตรา (หรือเขียน) ของร้านและวันที่ลงในช่องว่างเหล่านั้น บัตรที่มากับกระเป๋าปลอมส่วนมาก จะมีแค่ช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่เพียง 2 ช่องเท่านั้น

 

11. Dust Bag

ถุงผ้ารุ่นใหม่ของ Dior เป็นถุงผ้า Cotton 100% สีขาวล้วน มาในลักษณะถุงผ้ามีหูรูด พิมพ์ตัวอักษร “Dior” สีเทา โดยโลโก้ Dior จะอยู่ตรงกึ่งกลางพอดีของตัวถุงผ้า ตัวอัษรต้องมีขนาดพอดี มาตรฐาน ไม่อ้วนหรือผอมจนเกินไปสำหรับถุงผ้ารุ่นเก่า จะเป็นถุงผ้าคอตตอนสีขาว พิมพ์ตัวอักษร “Christian Dior Paris” โดยตัวอักษรนั้นเป็นสีเทาเช่นกัน โปรดหลีกเลี่ยงถุงผ้าที่ไม่ได้ตัดเย็บจากผ้าฝ้าย เช่น ผ้าไหม หรือผ้าที่สะท้อนแสง

 

Item คู่ใจของสาวๆ ทุกยุคทุกสมัย ก็คงไม่พ้นกระเป๋าดีๆ สักใบ ซึ่งนอกจากจะช่วยเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจแล้ว ยังมีค่าทางจิตใจอีกด้วย ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป ภาพลักษณ์ของกระเป๋าแบรนด์เนมที่ถูกมองว่าเป็นของสิ้นเปลืองนั้น ค่อยๆ ลบเลือนหายไปจากใจของสาวๆ หลายๆ คน นั่นเป็นเพราะว่า การซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมดีๆ สักใบนั้น ถือเป็นการลงทุนระยะยาวที่มีแต่จะให้ผลตอบแทนที่ดีในอนาคต

ทั้งหมดนี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกกระเป๋า Dior สักใบมาครอบครอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่มีอะไรที่สามารถการันตีได้ว่า สินค้าที่ขายในท้องตลาดหรือตามเว๊ปไซต์นั้น จะเป็นของแท้ 100%  สิ่งที่ทำได้นอกเหนือจากการซื้อสินค้าจากบูทิคของ Christian Dior นั้น คือการศึกษารายละเอียดของกระเป๋าอย่างละเอียด ค้นหา เปรียบเทียบ ข้อมูลจากหลายๆ แหล่ง ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า บทความนี้จะเป็นประโยชน์ สำหรับสาวๆ ที่กำลังอยากเป็นเจ้าของ Dior สักใบ

รัก
xoxo