Bearbrick ของเล่นที่ได้รับความนิยมจากนักสะสมแทบทุกมุมโลก ด้วยรูปทรงเหมือนตัวต่อเลโก้ที่มีหัวเป็นหมี รวมถึงลวดลายต่างๆ ที่ได้ถูกเพ้นท์ลงบนพื้นผิววัตถุอย่างสวยงาม โดยได้มีการร่วมงานกับศิลปินหรือนักออกแบบชื่อดัง ให้คอยสร้างลวดลายที่โดดเด่น แปลกตา และยิ่งไปกว่านั้นการขายแบบ Blind Box ที่ทำให้คนซื้อต้องคอยลุ้นของข้างในว่าจะได้ลวดลายไหน ทำให้เกิดความสนุกในการสะสม ถือได้ว่า Item ชิ้นนี้ เป็นงานศิลปะมากกว่าของเล่นซะอีก
สิ่งเหล่านี้ทำให้เจ้าหมีแบร์บริคมีเสน่ห์ที่มากกว่าของเล่นชิ้นอื่นๆ จนทำให้กลายเป็น Item ในฝันของบรรดาหนุ่มสาว Luxury Style ซึ่งครั้งนี้เราจะพาผู้อ่านไปทำความรู้จักกับเจ้าหมีตัวนี้ ให้เข้าใจถึงเสน่ห์ที่ทำให้ใครต่างหลงรัก และอยากได้ของเล่นชิ้นนี้มาครอบครอง จะมีความพิเศษอะไรบ้างนั้น เราได้รวมมาใว้ให้คุณในนี้แล้วค่ะ
จาก Kubrick เป็น Be@rbrick
Medicom Toy Incorporated บริษัทผลิตของเล่นรายใหญ่ของญี่ปุ่น ก่อตั้งเมื่อปี 1996 โดย ทัทสึฮิโกะ อากาชิ (Tatsuhiko Akashi) ผู้สร้างของเล่นที่ทำให้ผู้คนหลงใหล ซึ่งเกิดจากที่เขารู้สึกเบื่อ และได้ไปเดินเล่นในร้านขายของเล่นร้านหนึ่ง ทำให้ตระหนักได้ว่าชีวิตที่ไม่มีของเล่นนั้นเป็นชีวิตที่ไม่สนุกเอาซะเลย ทำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจ และได้เปิดตัวของเล่นในลักษณะโมเดล อย่าง Action-Figures และโมเดล ซอฟต์บี้ ที่มีความสูงไม่เกิน 30 เซนติเมตร หรือที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า โซฟูบิ (Sofubi) ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงตัวเลโก้ที่มีชื่อว่า “Kubrick”
ตัว Lego Kubrick นี้ มาในลักษณะที่คล้ายๆ Lego และ Playmobil ซึ่ง Kubrick นั้นได้รับความนิยมอย่างมาก จนผู้จัดงาน World Character Convention (WCC) ต้องการให้ผลิตเพื่อเป็นของที่ระลึกมอบให้แก่ผู้ที่เข้าร่วมงาน WCC ครั้งที่ 12 ในวันที่ 27 พฤษภาคม ปี ค.ศ. 2001 ที่จัดขึ้น ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีระยะเวลาในการผลิตเพียง 1 เดือนเท่านั้น
ด้วยเวลาที่จำกัดและความสร้างสรรค์ของ ทัทสึฮิโกะ อากาชิ ทำให้เขาคิดค้นของเล่นที่ไม่ต้องผลิตรูปทรงใหม่ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงลวดลายได้ เป็นการสร้างสรรค์ที่พ่วงเข้ากับศิลปะได้อย่างลงตัว ดังนั้นเข้าจึงนำหัวหมีเข้ามาใส่ในตัวของ Kubrick โดยให้เหตุผลว่า เป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี ของตุ๊กตาหมี และด้วยความน่ารักแต่แปลกใหม่นี้ ทำให้หมีแบร์บริคกลายเป็น Item ที่ฮอตฮิตในปัจจุบัน
ทำความรู้จัก Bearbrick
เริ่มความโดดเด่นมาด้วยชื่อที่แปลกตา อย่าง “Be@rbrick” โดยตัว “@” ที่เราเห็นกันนั้น นอกจากจะเป็นชื่อแล้ว ยังเป็นโลโก้ของแบรนด์แบร์บริคโดยเฉพาะ ด้วยรูปทรงครึ่งหมีครึ่ง Kubrick ทำให้กลายเป็นของเล่นที่ทำให้คนประหลาดใจ เพราะเนื่องจากดูแปลกตาในความเป็นลูกครึ่งของเจ้าหมีแสนน่ารัก โดย Be@rbrick เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ปี ค.ศ. 2001 ตัว Be@rbrick ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนทั้งหมด 9 ชิ้น คือ หัวที่เป็นหมี ลำตัว สะโพก แขน ขา และมือทั้งสองข้าง
โดยในปัจจุบันสไตล์ของชิ้นส่วนแบร์บริคนี้ แบ่งออกได้ 3 สไตล์ คือ แบบ Basic ชิ้นส่วน 9 ชิ้น สามารถแยกออกจากกันได้ทั้งหมด แบบ Unbreakable ทุกชิ้นสามารถแยกออกได้ โดยไม่แตกหรือหัก เปิดตัวมาในซีรี่ส์ 14 ปี 2007 และ แบบ BB Bearbrick สไตล์นี้เปิดตัวมาในปี 2008 ซึ่งเป็นการออกแบบมาเพื่อเด็กเล็ก โดยชิ้นส่วนทั้งหมดไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ส่วนใหญ่ผลิตจากพลาสติกที่มีลักษณะแข็ง แต่ในบางครั้งก็มีที่ผลิตจากทั้งผ้าสักหลาด โลหะ คาร์บอน หรือไม้ แล้วแต่ความเหมาะสม รวมถึงราคาที่แตกต่างกันตามวัสดุ และลวดลายอีกด้วย
ระบบการเรียกชื่อไซ้ซ์ของแบร์บริคก็มีความเป็นเอกลักษณ์ โดยจะมาในรูปแบบของเปอร์เซ็นต์ (%) ซึ่งแบร์บริคเปิดตัวมาด้วยไซ้ซ์ 100% โดยทั่วไปจะมีตั้งแต่ 50% – 1000% ซึ่งถือเป็นระบบเรียกขนาดมาตรฐานของเจ้าหมีตัวนี้ โดยถ้าหากไซ้ซ์ที่แตกต่างจากนี้ไปจะมาในคอลเล็กชั่นแบบ Special ปัจจุบันมีด้วยกันทั้งหมด 7 ไซ้ซ์ ดังนี้
- 50% สูง 3.5 เซนติเมตร วางขายในรูปแบบของพวงกุญแจ
- 70% สูง 5 เซนติเมตร เปิดตัวครั้งแรกในปี 2006
- 100% สูง 7 เซนติเมตร เป็นไซ้ซ์มาตรฐานที่คนนิยมสะสม และเป็นไซ้ซ์ที่ผลิตออกมาเยอะมาก และมีวางขายในกล่องแบบ Blind Box
- 200% สูง 14.5 เซนติเมตร เป็นไซ้ซ์ที่ไม่ผลิตบ่อยนัก แต่มีวางขายในซีรี่ส์ “Chogokin” ผลิตจากเหล็ก มีน้ำหนักถึง 400 กรัมต่อตัว
- 400% สูง 28 เซนติเมตร เป็นไซ้ซ์ที่นิยมเป็นอันดับสอง รองจากไซ้ซ์ 100% และผลิตมาเป็นจำนวนมาก
- 1000% สูง 70 เซนติเมตร ด้วยขนาดที่ใหญ่ และหายากมาก แต่เป็นที่ต้องการของนักสะสมสุดๆ
- Other Size อีกหนึ่งไซ้ซ์สุดพิเศษ ที่ไม่มีการกำหนดตายตัวว่าจะมีขนาดเท่าไหร่ มีทั้งขนาดสูง 10.5 เซนติเมตร 12 เซนติเมตร และ 15 เซนติเมตร ยกตัวอย่างเช่น ขนาดสูง 10.5 เซนติเมตร รู้จักกันในชื่อ ไซ้ซ์ 150% หรือ ไซ้ซ์ Be@rbrick Light ถูกผลิตมาในปี 2012 จุดเด่นคือมีไฟ LED ที่กดเปิดปิดได้ตรงส่วนท้อง และมีห่วงพวงกุญแจบนหัว
นอกจากความหลายหลายของไซ้ซ์แล้ว รูปแบบของลวดลายก็ถือเป็นอีกจุดเด่นทำให้เจ้าหมี Be@rbrick นี้ยังคงได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง โดยในแต่ละปีจะปล่อย Item ชิ้นนี้ในรูปแบบชุดที่เรียกว่า “ซีรี่ส์” และ “ชนิด” จะออกสินค้าปีละ 2 ครั้ง โดยใน 1 ซีรี่ส์ จะมีตั้งแต่ 18 ตัวขึ้นไป และมีการแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
- Standard เป็น Be@rbrick ที่พบมากที่สุดใน 1 ซีรี่ส์ เพราะแบ่งออกไปอีก 8 แบบ สร้างลวดลายตาม Theme ของซีรี่ส์นั้นๆ
- Basic รูปแบบนี้จะมาในสีเรียบๆ มีตัวอักษรสีตัดกันพิมพ์อยู่ที่หน้าอก โดยแต่ละตัวจะมี 1 ตัวอักษร แบบ Basic จะมาด้วยกันทั้งหมด 9 ตัว ใน 1 ซีรี่ส์ โดยหากนำมารวมกันจะได้คำว่า “BE@RBRICK”
- Artist เป็นการร่วมงานกับศิลปินที่มีชื่อเสียงเพื่อออกแบบลวดลายใหม่ๆ โดยใน 1 ซีรี่ส์จะมีศิลปินมาร่วมออกแบบ 2 คน
- Secret เป็นตัวลับที่มักจะไม่โชว์ให้เห็น ซึ่งจะมีราคาสูงและหายากมาก
Be@rbrick ประเภท Standard
ตามที่เราได้เล่ามาข้างต้นว่าในประเภท Standard ก็จะมีความแตกต่างของลายอีก 8 แบบ ภายใต้ Theme ต่างๆ ที่ถูกกำหนดในแต่ละซีรี่ส์
- Jellybean ผลิตจากพลาสติก มาในสีเรียบๆ และมีความโปร่งใส
- Pattern มีรูปแบบการออกแบบมากมาย เป็นลายซ้ำๆ ตั้งแต่ลายจุด ไปจนถึงการออกแบบร่วมกับศิลปินคนอื่นๆ
- Flag มาในลายธงชาติของแต่ละประเทศ
- Horror ลวดลายที่สร้างขึ้นจากตัวละครในภาพยนตร์สยองขวัญยอดนิยม หรือแหล่งที่มาอื่นๆ ที่ให้ความรู้สึกน่ากลัว
- Animal ลายของสัตว์ต่างๆ อย่าง หมี แมว เสือ เป็นต้น
- Cute ลายที่มีความน่ารัก
- SF (Science Fiction) เป็นลายจากตัวละครหรือธีมจากภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยม
- Hero รูปแบบใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวมาใน Serise 21 โดยจะจะมาในลายของตัวการ์ตูนจาก DC Comics
เจ้าหมี Be@rbrick ที่ผลิตออกมานั้น ทุก Serise จะเป็นแบบ Limited Edition ไม่มีการผลิตใหม่ แม้ว่าจะขายดีแค่ไหนก็ตาม เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของเจ้าของเล่นชิ้นนี้ และยังมีเรื่องของการวางจำหน่ายของแต่ละ Serise ในลักษณะของกล่องแบบ “Blind Box” อีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่า เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าภายในกล่องนั้นจะมีตัวไหน ลายอะไรบ้าง
ใน 1 กล่อง Carton จะมีกล่องภายในอีก 24 กล่อง หรือที่เรียกว่ากล่อง Blind Box ซึ่งจะเป็นแบบสุ่ม ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะรวบรวมให้ครบทั้ง Serise โดยจะมีเปอร์เซนต์บอกที่ข้างกล่องว่ามีโอกาสเจอตัวไหนมากสุด ทำให้ผู้ซื้อรู้สึกสนุก เพราะต้องการค้นหาตัวที่อยากได้มาครอบครอง ทำให้ราคาของลายที่หายากนั้นพุ่งสูงขึ้นไปแบบเยอะมาก
โดยโอกาสที่จะเจอแบบ Basic มีถึง 14.58% ตามมาด้วยแบบ Standard ในลาย Cute 13.54% Jellybean และ Pattern 11.45% SF 10.41% Flag และ Horror 9.37% Animal 8.33% Hero 7.29% แบบ Artist 4.16% หรือ 1.04% และแบบ Secret 0.52%
Be@rbrick Collaborations
นอกจากการวางขายที่ถูกกำหนดมาทุกปีในรูปแบบ Serise ที่จะออกมาในช่วง Summer และ Winter แล้ว ยังมีคอลเล็กชั่นพิเศษ โดยเป็นการร่วมมือกับศิลปินจากหลายหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นดนตรี ศิลปะ และแฟชั่น เพื่อออกแบบผลงานการดีไซน์สุดพิเศษสำหรับเป็นที่ระลึก ไว้ให้คอยตามเก็บสะสม ยกตัวอย่างเช่น
Bearbrick BAPE 25th Anniversary Multi-Colored Foil Be@rbrick ชิ้นนี้เป็นการร่วมมือกับ BAPE เพื่อฉลองครบ 25 ปี ของแบรนด์สตรีทระดับตำนาน มาด้วยสีสันสดใสเงาวาว ตัว Be@rbrick ตกแต่งด้วยโลโก้รูปหัวลิง Ape มีด้วยกันทั้งหมด 3 ไซ้ซ์ คือ 100% 400% และ 1000% เปิดตัวเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2018 และขายหมดเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็ว
Be@rbrick Chanel (Coco Chanel) แบรนด์แฟชั่นสุดหรูอย่าง Chanel ก็ได้ร่วมมือกับ Medicom เพื่อผลิต Be@rbrick Coco Chanel ผู้สร้างแบรนด์สุด Luxury ออกแบบโดย คาร์ล ลาเกอร์เฟล (Karl Lagerfeld) โดยการนำองค์ประกอบทุกอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ของ Chanel มาออกแบบ Be@rbrick ตัวนี้มาในไซ้ซ์ 1000% เป็นรุ่นที่หายากมาก เพราะผลิตเพื่อมอบให้แก่ลูกค้า VIP เท่านั้น ถือเป็นหนึ่งใน Be@rbrick ที่ราคาแพงที่สุด
KAWS “Chompers” Be@rbrick ออกแบบโดยหนึ่งในศิลปินกราฟิกชื่อดังของอเมริกา อย่าง ไบรอัน ดอนเนลลี (Brian Donnely) หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ Kaws (คอวส์) สร้างขึ้นพร้อมเป็นการฉลองเทศกาลดนตรีญี่ปุ่นในฤดูร้อน อย่าง Avex Summer Festa ที่จัดขึ้นในเดือนสิงหาคมของทุกปี
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหมี Be@rbrick เป็นผลงานศิลปะมากกว่าของเล่นไปแล้ว ซึ่งนอกจากการออกแบบลายของแต่ละซีรี่ส์ที่เป็นการร่วมงานกับศิลปินชื่อดังแล้วนั้น ยังมีการ Collabs ร่วมกับแบรนด์อื่นๆ อีกด้วย เพื่อเป็นการดึงเอาเอกลักษณ์ที่เป็นจุดขายของแต่ละแบรนด์มาผสมผสานเข้ากับ Be@rbrick จนกลายเป็น Rear Item ที่หลายคนต้องการ
แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาคือความหายากและราคาที่สูงลิบ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นกลยุทธ์เพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ โดยถือว่าได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย ทำให้เกิดกลุ่มผู้ซื้อที่ขยายมากขึ้น โดยปัจจุบัน Be@rbrick มีด้วยกันทั้งหมด 39 ซีรี่ย์ ให้เหล่าสาวกได้คอยตามเก็บสะสม บอกเลยว่าเยอะมาก ใครไหวก็ไปต่อได้เลยค่ะ
Be@rbrick ถือเป็น Item ที่น่าหลงใหล โดยเจ้าหมีที่เป็นมากกว่าของเล่นชิ้นนี้ สามารถพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่ผสมผสานความเป็นศิลปะจากหลายหลายแขนงได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น ดนตรี แฟชั่น รวมไปถึงวัฒนธรรม ที่ได้ถูกรังสรรค์นำมาเพิ่มลูกเล่นลวดลายที่แตกต่างได้อย่างสวยงาม การออกแบบที่เรียบง่ายและหน้าตาที่คุ้นเคย ทำให้ชนะใจได้ทุกคนได้ไม่ยาก
อีกทั้งลูกเล่นต่างๆ ที่เจ้า Be@rbrick นำมาเสิร์ฟเพื่อช่วยเพิ่มความสนุกให้แก่ผู้ที่สะสมนั้น ยิ่งทำให้ได้รับความสนใจในระยะยาว เพราะความตื่นเต้นจากการลุ้นว่าจะได้ตัวที่ต้องการหรือไม่ แถมทำให้ชิ้นที่หายากถูกนำมาขายต่อในราคาที่สูงขึ้น ถือเป็นของเล่นที่สามารถสร้างมูลค่าให้แก่ตัวเองได้ไม่แพ้ Item ในสายแฟชั่นกันกันเลยทีเดียว
รัก
xoxo