Chanel Coco Top Handle Bag หรือชื่อเรียกสั้นๆ ว่า “Coco Handle” เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2015 ในงานแฟชั่นโชว์ Fall / Winter 2015 collection และได้รับความนิยมจากเหล่าแฟชั่นนิสต้ารวมถึงเหล่าสาวกชาแนลในทันที ความสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ Handle Bag ขึ้นแท่นเป็น IT-Bag ไปอย่างไม่ต้องสงสัย ชื่อของกระเป๋าตั้งตามเจ้าแม่แฟชั่นตลอดกาลอย่าง Gabrielle Chanel เป็นการผสมผสานระหว่างความงามอมตะของกระเป๋า Flap Bag และ กระเป๋าเอาใจสายช๊อปอย่าง Tote Bag จะมีชิ้นส่วนอะไรบ้างนั้น ติดตามได้จากบทความนี้

 

Front Design: ด้านหน้าของกระเป๋า

• Stitching : การตัดเย็บแบบลูกฟูก (Quilted Leather) ฝีเข็มแต่ละด้านจะเท่ากันทั้งหมด และมีความคมชัด
• Woven Leather-Chain Strap : การร้อยสายหนังระหว่างข้อต่อของโซ่สายสะพาย ใช้หนังชั้นเดียวเรียงร้อยอย่างเป็นระเบียบ สายสะพายไม่สามารถปรับได้แต่สามารถถอดออกได้เป็นกระเป๋าถือหรือคล้องมือ สายสะพายความยาวเพียงพอที่จะใช้สะพายเป็น Crossbody หรือสะพายข้างได้ มีที่รองไหล่ผลิตจากวัสดุหนังเดียวกันกับตัวกระเป๋า
• Leather : วัสดุหนังที่นิยมใช้เป็นหนังแกะ Lambskin และ หนังลูกวัว Calfskin Caviar อีกทั้งยังมีหนังงู Python
• Top Handle : หูจับอันแข็งแรง ด้วยวัสดุจากหนังลูกวัว (Calfskin) และรุ่นพิเศษที่หูจับทำจากหนังตะกวด (lizard) ซึ่งนำมาเปิดตัวอีกครั้งในงาน Chanel’s Spring / Summer Act 1 Collection
• Iconic Interlocking CC Closure : ตัวล็อค CC ไขว้ เอกลักษณ์ของแบรนด์ ออกแบบเมื่อปี ค.ศ. 1980 โดย Karl Lagerfeld
• Diamond-Patterned : การตัดเย็บลายข้าวหลามตัด อันเป็นเอกลักษณ์ ลายจะตรงกันพอดีเมื่อเปิดและปิดกระเป๋า
• Hardwear : อะไหล่ของกระเป๋ามีทั้งอะไหล่ชุบทองและรูทีเนียม (Ruthenium)

 

 

Inside Design: ด้านในของกระเป๋า

• Interior Color : ด้านในบุด้วยผ้าทอสีแดง Burgundy Red แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากสถานสงเคราะห์ที่ Chanel เติบโตมาในวัยเด็ก มีการบุด้วยผ้าสีอื่นๆ ขึ้นอยู่กับรุ่นและวัสดุภายนอก
• The Bag Inside : ด้านในเป็นช่องใส่ของขนาดใหญ่ ช่องเก็บของขนาดเล็ก 2 ช่อง ระหว่างช่องเก็บของขนาดเล็ก มีช่องสำหรับใส่ลิปสติก และช่องขนาดเล็กด้านหลังช่องซิปอีก 1 ช่อง
• The Zippered Compartment : ช่องซิปขนาดใหญ่ 1 ช่อง และช่องซิปเล็กอีก 1 ช่อง (ในรุ่น Mini จะมีช่องซิปเล็กเพียงช่องเดียว)
• Serial Number : Chanel Serial Number เป็นตัวเลขที่แสดงถึงรูปแบบของกระเป๋าและปีที่ผลิตกระเป๋าใบนั้น มาในรูปแบบของสติ๊กเกอร์ที่ติดอยู่บนแผ่นหนังขนาดเล็ก เย็บติดอยู่ภายในกระเป๋า
• Brand Tag : ป้ายแบรนด์ สกรีนคำว่า “CHANEL/MADE IN ITALY” อยู่ด้านใต้ช่องซิปเล็กด้านในกระเป๋า

 

Back Design: ด้านหลังของกระเป๋า

• The Back : ด้านหลังมีช่องเล็กๆ ราบเรียบไปกับกระเป๋า สำหรับใส่เอกสารหรือสิ่งของเล็กๆ ที่หยิบใช้สะดวก
• Stitching : ใน 1 ด้านของลายข้าวหลามตัด จะมีฝีเข็มทั้งหมด 8 ฝีเข็ม โดยมีขนาดที่เท่ากันทุกด้าน ฝีเข็มเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

 

Side Design: ด้านข้างของกระเป๋า

• The Shape : ถูกออกแบบมาให้มีรูปร่างคล้ายสี่เหลี่ยมคางหมู (Trapezium Shape)
• Hardwear : อะไหล่ด้านบนกระเป๋าตรงหูจับสำหรับใช้คล้องสายสะพาย เป็นโลหะรูปวงกลม สลักคำว่า “31 RUE CAMBON / CHANEL”
• Strap : หูเกี่ยวของสายสะพาย สลักตัว CC ไขว้ อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ สีของอะไหล่สายสะพายจะเป็นสีเดียวกับอะไหล่ของกระเป๋า

 

Bottom Design: ด้านล่างของกระเป๋า

• The Metal Feet : หมุดโลหะทั้ง 4 จุด นอกเหนือจากความสวยงามแล้ว ยังทำหน้าที่ปกป้องพื้นกระเป๋าจากรอยขีดข่วนต่างๆตามผิวสัมผัส
• The Bottom : ด้านล่างของกระเป๋าเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ไม่มีลวดลายจากการเย็บ
• Stitching : รอยเย็บแบบขนานทั้ง 2 ข้างเพื่อยึดติดตัวรูปประเป๋าเข้ากับฐานของกระเป๋า

 

Size of Coco Handle Bag: ขนาดของกระเป๋า Coco Handle Bag

Coco Handle Bag มีด้วยกันทั้งหมด 4 ขนาดด้วยกัน คือ Mini , Small , Medium และ Large รุ่นที่ได้รับความนิยมที่สุด คือ รุ่น Medium สำหรับกระเป๋าที่วางขายจะมีเพียง 3 รุ่นคือ Mini , Small และ Medium เนื่องจากรุ่น Large ปัจจุบัน ไม่มีจำหน่ายในเว๊ปไซต์ของ Chanel แล้ว ในเว๊ปไซต์เราจะพบชื่อเรียกแต่ละรุ่นที่แตกต่างไปจากบทความนี้

โดยในรุ่น Mini จะปรากฏเป็นชื่อ Small Flap Bag ในรุ่น Small จะปรากฏในชื่อ Flap Bag และขนาดสุดท้าย Medium จะปรากฏชื่อ Large Flap Bag ทั้งนี้ คุณสามารถยึดจากขนาดที่ระบุในบทความนี้เป็นหลักได้ค่ะ

• Mini : 14 x 24 x 10 ซม. (5.5 x 9.4 x 3.9 นิ้ว)
• Small : 18 x 29 x 12 ซม. (7.1 x 11.4 x 4.7 นิ้ว)
• Medium : 22 x 33 x 12 ซม. (8.7 x 13 x 4.7 นิ้ว)
• Large : 33 x 25 x 11 ซม. (13 x 10 x 4.3 นิ้ว)

ภาพลักษณ์ของกระเป๋า Chanel Coco Top Handle เป็นตัวแทนของหญิงสาวที่มีความทันสมัย สามารถเข้าถึงได้ และมีความสง่างามที่สาว ๆ ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง The Coco เป็นการผสมผสานความงามแบบดั้งเดิมกับความทันสมัยที่ลงตัวอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยฟังก์ชั่นที่ใช้งานได้จริงและรูปทรงที่ทันสมัย แม้กาลเวลาจะผันเปลี่ยน แต่ Chanel ยังคงผลิตผลงานอันทรงคุณค่า ใครจะรู้วันหนึ่ง The Coco อาจได้ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในกระเป๋าคลาสสิคตลอดกาลของ Chanel ก็เป็นได้

รัก
xoxo