10 เรื่องจริงที่คุณอาจไม่เคยรู้ของ Karl Lagerfeld นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของวงการแฟชั่น เมื่อพ่อมดแห่งวงการอย่าง Karl Lagerfeld จากไปอย่างไม่มีวันกลับ เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 2019 เหลือทิ้งไว้แต่เวทมนต์อันแสนวิเศษ ที่เค้าเสกสรรค์ขึ้น ในด้านที่เรารู้จัก ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ตลอดอาชีพการงานของเขา Karl Lagerfeld คือตัวอย่างที่ดีเลิศของไอคอนแฟชั่น
การออกแบบแนวหน้าของ Karl มีความหมายดั่งเช่นความหรูหราและมั่งคั่ง KATEXOXO จะพาไปรู้จักในอีกมุมหนึ่ง ข้อเท็จจริงอันน่าประหลาดใจ 10 ข้อ ซึ่งคุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับดีไซเนอร์ที่มีผลงานมากที่สุดคนหนึ่งของโลก ราชาแห่งวงการแฟชั่น ดีไซเนอร์คนสำคัญของโลก “คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์”
1. He Refused To Admit His Age
อายุที่แท้จริงของลาเกอร์เฟลด์ ยังคงเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งถูกโต้แย้งจากแหล่งข่าวหลายแห่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่ง Lagerfeld อ้างว่าตัวเขาเกิดในปี ค.ศ. 1935 แต่นักสืบทางอินเทอร์เน็ตสามารถหาข้อยืนยันได้ว่าอัจฉริยะผู้สร้างสรรค์คนนี้ เกิดเมื่อวันที่ 10 กันยายน ปี ค.ศ. 1933 และยังมีอีกแหล่งข่าวหนึ่งกล่าวไว้ เมื่อปี 2013 ว่า ราชันย์แห่งแฟชั่นผู้นี้ เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1938 อย่างไรก็ตาม หลายต่อหลายคนยังคงสงสัย และตั้งคำถามจนถึงปัจจุบัน ว่าอะไรคือเรื่องจริง
ตามประวัติที่สามารถสืบค้นโดยทั่วไประบุว่า Karl Lagerfeld (คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์) เกิดวันที่ 10 กันยายน ปี ค.ศ. 1933 ที่เมือง Hamburg (ฮัมบวร์ก) ประเทศเยอรมนี บิดาเป็นนักธุรกิจชื่อ Otto Lagerfeldt (ออตโต ลาเกอร์เฟลดต์) ส่วนมารดาเป็นลูกสาวของนักการเมืองชื่อ Elizabeth Bahlmann (เอลิซาเบ็ธ บาห์ลมานน์)
2. He Started Growing His Iconic Ponytail In 1976
ลุคติดตา ซึ่งเราจะพบเห็นเป็นประจำ จนอาจเรียกได้ว่า กลายเป็นเอกลักษณ์ของเขาไปเสียแล้ว นั่นก็คือ การแต่งกายในเฉดสีดำ ซึ่งมาพร้อมกับหางม้าสีขาวเปล่งประกาย โดยลุคการไว้หางม้าดังกล่าว เริ่มต้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1976 เมื่อลาเกอร์เฟลด์ ตัดสินใจเลี้ยงผมของเขา และมัดรวบเป็นหางม้านับแต่นั้น
3. He Had An Obsession With Diet Coke
Lagerfeld บริโภค Diet Coke มากถึง 10 กระป๋องในแต่ละวัน “ฉันดื่มไดเอทโค้กตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอน ฉันสามารถดื่มได้แม้ในตอนกลางคืนและฉันก็นอนหลับได้ ฉันไม่ดื่มกาแฟ ฉันไม่ดื่มชา ฉันไม่ดื่มอย่างอื่นเลย” นี่คือคำกล่าวของลาเกอร์เฟลด์ เหตุผลที่เขาหลงไหลในการดื่ม Diet Coke เป็นอย่างมากนั้น เนื่องจากช่วงที่เขากำลังลดน้ำหนัก เครื่องดื่มเพียงชนิดเดียวที่เขาสามารถดื่มได้คือ Diet Coke นอกจากนี้ เขายังได้ร่วมออกแบบผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ กับ Coca Cola อีกด้วย
นอกจากนี้ เขายังเป็นแฟนช้อกโกแลตตัวยง แต่ทว่าเขาไม่เคยลิ้มรสมันเลยแม้แต่ครั้งเดียว นความเป็นจริงในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาในชีวิตของเขา เขาไม่เคยกัดเลยแม้แต่คำเดียว “ฉันชอบชอคโกแลต. ฉันไม่กินมัน แต่ฉันชอบกลิ่นของมัน” เขากล่าวอย่างภาคภูมิใจ “คนดื่มได้ด้วยตา ฉันกินได้ด้วยจมูก ฉันชอบที่จะมีน้ำหอมที่มีส่วนผสมของช็อกโกแลต”
4. He Carried A Fan Everywhere He Went
อุปกรณ์อีกชนิดหนึ่งซึ่ง ลาเกอร์เฟลด์ ถือติดตัวตลอดเวลา นั่นก็คือพัดขนาดพกพา อาจเรียกได้ว่า มันเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของผู้ชายชื่อ คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ได้ไม่น้อยไปกว่าหางม้าสีขาว และแมวอันเป็นที่รักของเขานามว่า Choupette
Choupette เป็นชื่อของแมวสีขาวพันธุ์ Birman เพศเมีย ซึ่งลาเกอร์เฟลด์ได้รับเป็นของขวัญมาจาก Baptiste Giabiconi นายแบบหนุ่ม ซึ่งนับแต่นั้นเขาก็ได้กลายเป็นทาสแมวเต็มตัว ถึงขนาดเคยกล่าวว่า หากการแต่งงานกับแมวถูกกฏหมาย เขาคงแต่งงานกับแมวของเขาไปแล้ว Choupette ยังถือว่าเป็นขวัญใจของชาว Social Media และยังเป็น Logo Icon ของแบรนด์ Chanel และแบรนด์ Karl Lagerfeld อีกด้วย
5. His Personal Library Consisted of 300,000 Books Stacked Sideways
ลาเกอร์เฟลด์เป็นนักอ่านตัวยง ที่มีคอลเล็กชั่นหนังสือต่าง ๆ ที่น่าประทับใจกว่า 300,000 เล่มในห้องสมุดส่วนตัวของเขาสูงจากพื้นจรดเพดาน โดยหนังสือทั้งหมดวางซ้อนกันในแนวนอน ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาจะได้ไม่ต้องเอียงศีรษะ เพื่อที่จะอ่านชื่อเรื่องหนังสือ มีรายงานว่าห้องสมุดของเขาเต็มไปด้วยบันไดล้อเลื่อนและบันไดวนเพื่อให้เข้าถึงคอลเล็กชั่นของเขาได้อย่างราบรื่น โซฟาและโต๊ะตกแต่งพื้นที่ส่วนกลางของห้องสมุด
6. He Was No Stranger To Controversy
คาร์ลไม่เคยรั้งรอที่จะเสนอความคิดของเขาออกมาในช่วงเวลาที่เขาคิดว่าเหมาะสมที่สุด เขาเป็นคนที่ชอบความคิดเห็นตลอดเวลาและมีข้อโต้แย้งมากมายตลอดช่วงเวลาของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงความคิดเห็นในเรื่อง “ไม่มีใครอยากเห็นส่วนโค้งเว้าของผู้หญิงบนรันเวย์” หรือแม้กระทั่ง “เกลียดเด็กทุกคน” ใช่แล้ว ลาเกอร์เฟลด์ ไม่ใช่นางงามรักเด็ก อันที่จริง เขาไม่ชอบเด็กเลย ตั้งแต่ตัวเขาเองยังเป็นเด็กด้วยซ้ำ ในวัยเด็ก เขาเพียงมุ่งมั่นที่จะอ่าน เขียน เรียนภาษา ร่างภาพเพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่เท่านั้น
7. Lagerfeld Was A Talented Photographer
Karl ไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์ด้านศิลปะที่โดดเด่นเท่านั้น แต่เขายังเป็นช่างภาพที่กระตือรือร้นที่ถ่ายทำแคมเปญการตลาดและสื่อมากมายสำหรับแต่ละแบรนด์ ในปี ค.ศ. 1987 เขาได้ค้นพบความสามารถในการถ่ายภาพของตนจากการถ่ายทำ Campaign Shooting ในขณะที่เขาดำรงตำแหน่ง Creative Director ของแบรนด์ FENDI ซึ่งการที่จะทำภาพโฆษณาและสื่อออกมาให้ได้ตรงกับภาพแนวคิดที่เขาคิดไว้นั้น เป็นไปได้ค่อนข้างยาก
เขาจึงตัดสินใจนำความสามารถที่ตนค้นพบมาทำให้เกิดประโยชน์ โดยการหานางแบบและถ่ายภาพแฟชั่นโฆษณา Chanel ด้วยตนเอง ซึ่งถือว่าเป็นผลงานที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จเลยทีเดียว อีกทั้งเขายังเป็นคนแรก ที่ได้ร่วมงานออกแบบกับ H&M ในปี ค.ศ. 2004 นับว่าเป็น Collection ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และเป็นการปูทางให้ H&M มี collection กับ Designer ชื่อดังคนอื่น ๆ จนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ เขายังทำงานเบื้องหลังให้กับแคมเปญแฟชั่นมากมาย นอกเหนือจากการเปิดตัวหนังสือเกี่ยวกับการถ่ายภาพหลายเล่ม สิ่งที่น่าสนใจคือเขาใจดีมากกับเพื่อนและผู้ร่วมงาน โดยให้ของขวัญราคาแพงแก่พวกเขา Kim Kardashian ให้สัมภาษณ์ในรายการ The Late Late Show With James Corden ว่า “ตำนานที่ยิ่งใหญ่คือเขาจะให้กระเป๋าคุณในกองถ่าย หากมันเป็นการถ่ายภาพครั้งแรกของคุณกับเขา”
8. He Owned 300 iPods
เราทราบดีว่า Karl Lagerfeld เป็นลูกค้าคนสำคัญของผลิตภัณฑ์ Apple โดยเฉพาะ iPod ว่ากันว่า Lagerfeld มีคอลเล็กชัน iPod จำนวน 300 เครื่อง ซึ่งแต่ละเครื่องตั้งโปรแกรมด้วยเพลงที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะเก็บของสะสมเหล่านี้ ไว้ในหีบหลุยส์วิตตองรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น ซึ่งเขาเป็นคนสั่งทำขึ้นเอง และจัดการให้ ‘iPod Nanny’ เป็นผู้ดูแลพวกมัน
9. Lagerfeld Considered Himself To Be ‘Working Class’
สองเดือนก่อนที่เขาจะเสียชีวิต Lagerfeld ได้พูดคุยกับนิตยสาร New York และบอกกับสื่ออย่างตรงไปตรงมาว่าเขาคิดว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของ “ชนชั้นแรงงาน” เขากล่าวว่า “ผมคิดว่าตอนนี้ผมทำงานได้ดีกว่าเมื่อก่อน สมองของฉันโล่งขึ้น และฉันต้องการทำงาน ฉันเป็นชนชั้นแรงงาน”
10. He Lost 42 Kilograms In 13 Months
ในปี ค.ศ. 2001 ลาเกอร์เฟลด์ได้แปลงโฉมตัวเองครั้งใหญ่ ด้วยการลดน้ำหนักถึง 42 กิโลกรัม ในเวลาเพียงแค่ 13 เดือน โดยให้เหตุผลว่าวันหนึ่งเขาตื่นขึ้นมาและไม่พอใจกับรูปลักษณ์ภายนอกอีกต่อไป และอีกเหตุผลหนึ่งที่เขาตัดสินใจเปลี่ยนรูปร่างตัวเองนั่นคือต้องการใส่กางเกงยีนส์ทรง Slim Fit รุ่น Ready to wear ของแบรนด์ Dior ซึ่งออกแบบโดย Hedi Slimane ให้ได้ สำหรับ Karl แล้ว แฟชั่นถือเป็นแรงจูงใจที่ดีต่อสุขภาพที่สุดในการลดน้ำหนัก ดังนั้นเขาจึงสามารถเข้ากับดีไซน์ล่าสุดได้อย่างสง่างาม
สำหรับเคล็ดลับวิธีการลดน้ำหนัก คำแนะนำและการรับประทานอาหารทั้งหมด อยู่ในหนังสือ “The Karl Lagerfeld Diet” ซึ่งเขาได้เขียนเปรยบนหน้าปกว่า “ฉันลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมายอย่างง่ายดายโดยไม่รู้สึกหิวเลยสักนิด และฉันจะบอกเคล็ดลับเหล่านี้กับพวกคุณ ” พร้อมเส้นทางการลดน้ำหนัก เคล็ดลับและกลเม็ดในการลดน้ำหนักของเขา นอกเหนือจากการควบคุมอาหารอย่างเข้มงวดแล้ว คาร์ลยังฝึกยกน้ำหนักเป็นเวลา 15 นาที 3 ครั้งต่อสัปดาห์อีกด้วย
สำหรับงาน Met Gala ปี 2023 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเช้าวันอังคารที่ 2 พฤษภาคม ปี 2023 ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งจัดขึ้น ณ The Metropolitan Museum of Art มหานครนิวยอร์ค มาพร้อมการเปิดนิทรรศการ Karl Lagerfeld: A Line of Beauty เเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อศิลปินผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในประวัติศาสตร์แฟชั่นระดับโลก โดยมีการรวบรวมผลงานสุดไอคอนิกของ Karl Lagerfeld ตั้งแต่ช่วงยุค 50 จนถึงปี 2019 ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต รวมถึงเหล่าบรรดาเซเลปซึ่งแต่งตัวในตีมลาเกอร์เฟลด์
บนเส้นทางสายแฟชั่นที่เขาคนนี้ได้เดินทางมายาวนานกว่า 70 ปี คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ได้ร่วมงานกับบริษัทชั้นนำระดับหรูมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Balmain, Chloé, Fendi และ Chanel นอกเหนือจากการเปิดตัวแบรนด์ชื่อดังของเขาแล้ว พ่อมดแห่งวงการแฟชั่นผู้นี้ยังได้รับการยอมรับและความเคารพอย่างสูงจากผลงานการบุกเบิกแฟชั่นร่วมสมัยของเขา ซึ่งถือได้ว่าคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ เป็นดีไซเนอร์ชาวเยอรมันผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์ดังหลายต่อหลายแบรนด์
คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ในปี 2019 ด้วยวัย 85 ปี ณ กรุงปารีส หลังจากโลดแล่นในวงการแฟชั่นและกลายเป็นสุดยอดดีไซน์เนอร์แห่งศตวรรษที่ 20 มากว่า 70 ปี ทั้งหมดนี้คือ 10 เรื่องจริงที่คุณอาจไม่เคยรู้ของ Karl Lagerfeld จาก KATEXOXO
รัก
xoxo