อัพเดตวิธีอ่านสแตมป์ Hermes 2025 ตั้งแต่กระเป๋า Birkin และ Kelly อันโด่งดังไปจนถึงผ้าพันคอไหมคลาสสิกและสินค้าเครื่องหนัง ผลิตภัณฑ์ของ Hermès เป็นที่ต้องการของผู้ที่ชื่นชอบแฟชั่นและนักสะสมทั่วโลก แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบัน มีสินค้าปลอมแปลงละเมิดลิขสิทธิ์บนแพลตฟอร์มซื้อขายแบรนด์เนมมือสองจำนวนมาก
โชคดีที่มีวิธีการหลายวิธีที่จะรู้ว่าสินค้าของ Hermès ชิ้นนั้นเป็นของแท้หรือไม่ Hermès มอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร งานฝีมือที่พิถีพิถันนั้นเห็นได้ชัดจากฮาร์ดแวร์ การเย็บ และแม้แต่กลิ่นหอมของกระเป๋า ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งหากคุณกำลังมองหาน้องม้า มาเป็นเพื่อนคู่ใจคุณสักใบ สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ไม่แพ้จุดอื่นคือ Date Stamp ซึ่งถูกนำมาใช้บนผลิตภัณฑ์ของ Hermes ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1945 และนี่คือรายละเอียดของ Hermes Date Stamp
The Details about the Hermès Date Stamp
Date Stamp หรือตราประทับบนกระเป๋าและสินค้าเครื่องหนังของ Hermes ถือเป็นหนึ่งจุดสำคัญ ในการตรวจสอบความเป็นของแท้ ในผลิตภัณฑ์ Hermes โดยตราประทับเหล่านี้ จะถูกประทับบนวัสดุหนัง ซึ่งอาจปรากฏอยู่บนตำแหน่งต่าง ๆ ของกระเป๋า ตัวอย่างเช่น ด้านหลังสายสะพาย ภายในขอบกระเป๋า หรือภายในช่องใส่เงินของซับในกระเป๋าสตางค์ ซึ่งจะถูกซ่อนไว้อย่างแนบเนียนและเป็นระเบียบเรียบร้อย
ก่อนหน้านี้ Hermès จะเรียงตามลำดับตัวอักษรทุกปี ครั้งสุดท้ายที่ใช้ตัวอักษร “K” คือในปี ค.ศ. 1955 ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1945 ถึง ค.ศ. 1970 และตั้งแต่ปี ค.ศ. 1971 ถึง ค.ศ. 1996 Hermès จะเรียงตามลำดับตัวอักษร โดยเพิ่มวงกลมรอบตัวอักษรแต่ละตัวจากปี ค.ศ. 1971 และ ค.ศ. 1996 เพื่อแยกแยะความแตกต่างระหว่างปีก่อนหน้า
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1997 ถึง 2014 Hermès ยังคงใช้ตัวอักษรตั้งแต่ A ถึง R จับคู่กับเครื่องหมายสี่เหลี่ยมรอบตัวอักษรแต่ละตัว อย่างไรก็ตาม ในปี 2015 Hermès เริ่มใช้ตราประทับที่ไม่เรียงลำดับตามตัวอักษร เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทผลิตกระเป๋าปลอมแปลงคาดเดาตัว Date Stamp ในแต่ละปีได้
ในช่วงต้นปี 2014 ตราประทับจะล้อมรอบด้วยเครื่องหมายสี่เหลี่ยม จนถึงช่วงปลาย 2014 จึงเป็นตัวอักษรอย่างเดียวโดยไม่มีเครื่องหมายสี่เหลี่ยมล้อมรอบ และในปี 2016 สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือตราประทับวันที่บนกระเป๋ารุ่น Birkin และ Kelly ถูกย้ายไปที่แผ่นหนังเล็ก ๆ ที่ถูกซ่อนอยู่ด้านในของกระเป๋า
Hermes เริ่มใช้ตราประทับ Date Stamp หรือที่รู้จักกันว่า Blind Stamp ในสินค้าเครื่องหนังทั้งหมดตั้งแต่ปี ค.ศ 1945 โดยสินค้าที่ถูกผลิตในปีเดียวกันจะมีตราประทับเหมือนกันทั้งหมด Date Stamp จะใช้เป็นการประทับตราลงบนหนังด้วยโลหะที่มีความร้อน และตำแหน่งที่สามารถพบ Date Stamp ได้ก็คือ ด้านใดด้านหนึ่งของสายรัดกระเป๋า ด้าในกระเป๋า ซึ่งขึ้นอยู่กับรุ่นของกระเป๋าด้วย
Hermes Date Stamp จะมาในรูปแบบของตัวอักษรภาษาอังกฤษ โดยในปัจจุบันสามารถแบ่งออกได้เป็นสามลักษณะ คือ
– ตัวอักษรภาษาอังกฤษแบบเดี่ยว ๆ
– ตัวอักษรภาษาอังกฤษที่มาพร้อมกับสัญลักษณ์วงกลมล้อมรอบ
– ตัวอักษรภาษาอังกฤษที่มาพร้อมกับสัญลักษณ์สี่เหลี่ยมล้อมรอบ
ซึ่งตัวอักษรแต่ละรูปแบบนั้นถูกกำหนดเอาไว้ตามปีที่ผลิตกระเป๋า Hermes แต่ละใบ ในการประทับตราลงบนกระเป๋าแอร์เมสนั้น ความลึกของรอยประทับจะต้องลึกพอดี แตกต่างจากกระเป๋าของปลอมที่จะพบรอยประทับบนหนังที่ลึกมากกว่า ในการตัดแต่งขอบหนังก็จะไม่เรียบร้อยเหมือนกับกระเป๋าของแท้
Unique Anomalies อาจมีกระเป๋าบางรุ่นที่มีข้อยกเว้น
– 2011 Double-Blind Stamp : กระเป๋าบางรุ่น เช่น Evelyne และ Double Sens อาจปรากฏ Blind Stamp ด้วยตัวอักษร “JO” ในรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า แทนที่จะเป็น “O” ในรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
– ตัวอักษร R แบบไม่มีเครื่องหมายใด ๆ ล้อมรอบ : Blind Stamp ไม่มีเครื่องหมายใด ๆ ล้อมรอบเนื่องจากมีการปรับปรุงระบบ Blind Stamp เพื่อลดปัญหาสินค้าปลอมแปลง
– ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา : Hermès เริ่มใช้ระบบ Blind Stamp ซึ่งมีความซับซ้อนมากขึ้น เพื่อป้องกันและลดปัญหาการปลอมแปลงสินค้า
วิธีการอ่าน Date Stamp Hermes
ในช่วงแรกของการผลิตเครื่องหนังคือตั้งแต่ปี ค.ศ.1922 จนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1944 คุณจะไม่พบกับตราประทับใด ๆ ของแอร์เมส บนสินค้าเครื่องหนังทุกชนิด เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวยังไม่มีการใช้ระบบตราประทับ Date Stamp
ต่อมาในปี ค.ศ. 1945 ได้เริ่มมีการใช้ตราประทับ Blind Stamp ลงบนสินค้าเครื่องหนัง โดยใช้สัญลักษณ์ตัวอักษรภาษาอังกฤษเพียงตัวเดียวโดด ๆ แทนปีการผลิตของกระเป๋า และเครื่องหนังชนิดอื่น ๆ ซึ่งสัญลักษณ์รูปแบบดังกล่าวมีการใช้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1945 จนถึงปี ค.ศ. 1970
หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1971 จนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1996 Hermes ได้เปลี่ยนมาใช้รูปแบบ Blind Stamp โดยยังคงใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษในการบอกปีที่ผลิตกระเป๋า แต่มีการใช้สัญลักษณ์วงกลมล้อมรอบเพิ่มเข้ามา
ในปี ค.ศ. 1994 จนกระทั่งถึงช่วงต้นปี 2014 คุณจะพบกับรูปแบบของ Blind Stamp ที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย แบรนด์ยังคงใช้ตัวอักษรภาษายังกฤษเป็นสัญลักษณ์แทนปีที่ผลิต แต่มีการใช้สัญลักษณ์สี่เหลี่ยมแทนที่สัญลักษณ์วงกลม แต่ช่วงกลางปี ค.ศ. 2014 ได้มีการใช้เฉพาะตัวอักษรภาษาอังกฤษ R แบบเดี่ยว ๆ ไม่มีสี่เหลี่ยมล้อมรอบ
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 เป็นต้นมาแอร์เมสได้นำเอาตัวอักษรภาษาอังกฤษแบบเดี่ยว ๆ มาใช้เป็นสัญลักษณ์แทนปีที่ผลิตกระเป๋า ซึ่งเป็นการนำมาใช้กับรูปแบบ Blind Stamp ที่เป็นระบบใหม่ ประกอบด้วย ตัวเลขและตัวอักษรภาษาอังกฤษ มาจัดเป็นรูปแบบได้ดังนี้ L LL NNN LL (L คือ Letter แทนด้วยตัวอักษร และ N คือ Number แทนด้วยตัวเลข)
ระบบของ Blind Stamp แบบใหม่คือชุดตัวเลขและตัวอักษรภาษาอังกฤษ L LL NNN LL สามารถตีความได้ดังนี้ L คือตัวอักษรภาษาอังกฤษ N คือตัวเลข ซึ่งตัวอักษร L ตัวแรกสื่อถึงปีที่ผลิตกระเป๋า (สามารถเทียบตัวอักษรได้ในตาราง Blind Stamp ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015) ส่วนชุดตัวอักษรและตัวเลขที่เหลือคือ รหัสของช่างผู้ผลิตกระเป๋า (Craftsman Stamp)
หมายเหตุ : Craftsman Stamps ใช้สำหรับการซ่อมแซม ดังนั้น Hermès จึงสามารถระบุได้ว่าช่างคนใดเป็นคนทำ
ตราประทับบนกระเป๋า Hermes ในปี 2023 คือตัวอักษร “B” ไม่มีเครื่องหมายใด ๆ ล้อมรอบ
ตราประทับบนกระเป๋า Hermes ในปี 2024 คือตัวอักษร “W” ไม่มีเครื่องหมายใด ๆ ล้อมรอบ
ตราประทับบนกระเป๋า Hermes ในปี 2025 คือตัวอักษร “K” ไม่มีเครื่องหมายใด ๆ ล้อมรอบ
Hermes date codes หรืออีกชื่อหนึ่งคือ “Blind Stamp” เป็นรหัสที่ระบุวันที่ผลิตและสามารถใช้ในการตรวจสอบความเป็นของแท้ของกระเป๋ารวมถึงสินค้าเครื่องหนังต่าง ๆ ของแบรนด์ Hermes นอกจากนี้ ยังเป็นการบันทึกรหัสของช่างฝีมือแต่ละคน หรือกลุ่มของช่างฝีมือที่ผลิตชิ้นงาน กระเป๋าต่าง ๆ ของแอร์เมส โดยอาจมีการระบุด้วยรูปทรง สัญลักษณ์ตัวอักษร และตัวเลขที่หลากหลาย เพราะเมื่อใดก็ตามที่กระเป๋าถูกส่งไปยังปารีสเพื่อการซ่อมแซม Hermes จะสามารถระบุช่างฝีมือที่เป็นคนตัดเย็บกระเป๋าใบนั้น และทำการซ่อมแซมได้ทันที
การทำความเข้าใจและอ่านสัญลักษณ์สแตมป์บนกระเป๋า Hermès เป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากสแตมป์เหล่านี้ไม่เพียงบอกถึงปีที่ผลิต แต่ยังสะท้อนถึงความพิถีพิถันและมาตรฐานการผลิตของ Hermès การอัปเดตความรู้เกี่ยวกับวิธีการอ่านสแตมป์ในปี 2025 จะช่วยให้คุณสามารถระบุข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับกระเป๋าได้อย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบความแท้ของสินค้า หรือการประเมินมูลค่าในตลาดมือสอง ด้วยความรู้ที่ได้รับจากบทความนี้ คุณจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการเลือกซื้อหรือสะสมกระเป๋า Hermès ได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น